ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 สิงหาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | ดังได้สดับมา |
ผู้เขียน | วิเวกา นาคร |
เผยแพร่ |
อัศจรรย์แห่ง เสถียร โพธินันทะ นั้นไม่เพียงแต่บรรดาศิษยานุศิษย์ ณ มหามกุฏราชวิทยาลัย จะประจักษ์อย่างเป็นรูปธรรมจากปี 2494-2509 เท่านั้น
หากแม้กระทั่ง นายแพทย์ตันม่อเซี้ยง กูรูในทาง “มหายาน” ก็เห็นด้วย
หากแม้กระทั่ง อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ ซึ่งเป็นผู้เรียบเรียงหนังสือ “พระไตรปิฎกฉบับประชาชน” ก็ไม่ลังเลที่จะยกย่องชมเชย
ท่านแรกเก่งในเรื่อง “ภาษาจีน” ท่านหลังเก่งในเรื่อง “ภาษาบาลี”
“สมัยผมเป็นสามเณรอยู่ที่วัดทองนพคุณ ธนบุรี ได้ยินพระเณรกล่าวขวัญถึงภิกษุหนุ่มเปรียญ 9 ประโยค นามว่า สุชีโว ภิกขุ ควบคู่กับชื่อ เสถียร โพธินันทะ”
เป็นคำกล่าวจากราชบัณฑิต เสฐียรพงษ์ วรรณปก เปรียญ 9 ประโยคเหมือนกัน
“เสถียร โพธินันทะ ท่านอ่านพระไตรปิฎกภาษาไทยแล้วอยากทราบว่าตรงนั้นๆ ต้นฉบับภาษาบาลีว่าอย่างไร ก็ไปถามท่านสุชีโวผู้เป็นอาจารย์ ท่านก็เปิดพระไตรปิฎกให้ดูและบอกวิธีค้นด้วย ต้องดูข้อให้ตรงกัน ส่วนหนึ่งนั้นฉบับภาษาไทยกับบาลีอาจคลาดเคลื่อนได้ เสถียร โพธินันทะ ไปเปิดตามอาจารย์บอก อ่านกลับไปกลับมา 2-3 เที่ยวก็จำได้หมด
“เวลาไปพูดที่ไหนก็อ้างภาษาบาลีเป็นหน้าๆ เป็นที่อัศจรรย์”
อัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นยังอยู่เมื่อครั้งที่ เสถียร โพธินันทะ พาพระพม่า พระลังกา ไปเที่ยวนครปฐมแล้วบรรยายให้พระเหล่านั้นฟัง
เรื่องนี้ต้องอ่านจากที่บรรดา “ศิษยานุศิษย์” ถ่ายทอด
คําไว้อาลัยแด่ อาจารย์เสถียร โพธินันทะ ของคณะกรรมการนักศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย ภายใต้หัวข้อเรื่อง “แด่-บุรุษอาชาไนย” เมื่อเดือนมกราคม 2510
ขยายความได้แจ่มชัด
คราวหนึ่งพระลังกามาเมืองไทย ท่านได้เป็นล่ามพาพระลังกาไปชมพระปฐมเจดีย์ เราซักว่า “อาจารย์อธิบายให้พระลังกาฟังอย่างไรบ้าง”
ท่านถ่อมตัวอย่างนักปราชญ์ว่า “ใช้ภาษาบาลีและอย่ามาเอาไวยากรณ์กับผมเลย พูดกันรู้เรื่องเป็นใช้ได้”
คือพอไปถึงท่านก็บอกว่า “อตีเต อิทับ ฐานัง อรัญญานิ พหู พยัคฆา นัตถิ นัตถิ”
ทำเอาพวกเราหัวเราะกันครืนใหญ่ในความมีปฏิภาณของท่าน ตัวท่านเองก็หัวเราะลงลูกคอเอิ๊กๆ ชอบใจไปด้วย
ตรงนี้ ราชบัณฑิต เสฐียรพงษ์ วรรณปก แปลออกมาว่า
“ที่นครปฐมนี้แต่ก่อนเป็นป่ามีเสือเยอะ เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว” และสรุปในฐานะเปรียญ 9 ว่าเป็น “บาลีเถื่อน” ไม่มีไวยากรณ์แต่ก็ฟังรู้เรื่อง
นั่นเป็นภาษาบาลี แล้วภาษาจีนเล่า
เหมือนกับว่า เสถียร โพธินันทะ เป็นเด็กย่านเยาวราช ทั้งยังเป็นลูกจีน น่าจะรู้ภาษาจีนอยู่แล้วเป็นอย่างดี แต่นั่นเป็นภาษาจีนในแบบปาก ใช้พูด
ภาษาจีนในเชิงอักษรศาสตร์ เป็นอีกเรื่อง
การเรียนภาษาจีนของ เสถียร โพธินันทะ เพื่อการอ่าน เพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งเป็นการเรียนหลังจบชั้นมัธยมจากโรงเรียนวัดบพิตรพิมุขมาแล้ว
และใช้เวลาเรียนเพียง 2 ปี
“เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าไปแสดงปาฐกถาที่พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ คุณเสถียรได้ทำหน้าที่ล่ามให้ถึง 3 ครั้ง”
เป็นคำบอกเล่าจากนายแพทย์ตันม่อเซี้ยง
“ครั้งแรกคุณเสถียรมีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น แต่ก็สามารถถ่ายทอดคำปาฐกถาจากภาษาจีนสู่พากย์ไทยได้อย่างดียิ่ง สามารถแปลได้ถูกต้องและครบถ้วนตามเจตจำนงของข้าพเจ้าทุกกระบวนความ”
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ การแปล “วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร” และ “วิมลเกียรตินิทเทสสูตร”
การศึกษาชีวิตของ เสถียร โพธินันทะ จึงมีเงาของ สุชีโว ภิกขุ หรือ สุชีพ ปุญญานุภาพ ทาบทับเหมือนกับมีเงาของนายแพทย์ตันม่อเซี้ยงทาบทับ
คนแรกนำไปยังความลึกซึ้งของพระพุทธศาสนาสาย “เถรวาท”
ขณะเดียวกัน คนหลังบุกเบิกและนำไปยังบรรดา “เมธีตะวันออก” โดยเฉพาะอย่างยิ่งความลึกซึ้งของพุทธศาสนาจีนอย่างที่เรียกว่า “มหายาน”
ไม่ว่าจะเป็น “มาธยมิกกะ” ของนาคารชุน ไม่ว่าจะเป็น “เซน” ของเว่ยหล่าง