ย้อนรอย ‘ข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว’ มรดกร้อน…จาก ‘พ่อโทนี่’ ถึง ‘อุ๊งอิ๊ง’

กลายเป็นประเด็นร้อนแรง ทั้งในแวดวงการเมือง และวงการศึกษาไทย ภายหลังพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” หรือ “แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาว “โทนี่ วู้ดซัม” หรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม

โดยชู “ปฏิรูป” 3 ด้าน และ 1 ในนั้นคือ “ปฏิรูปการศึกษา”!!

ซึ่งก็เจอ “รับน้อง” แทบจะในทันที หลังเสร็จสิ้นภารกิจเปิดตัว “ว่าที่ผู้นำ” พรรค และประเทศ

เมื่อ “ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร” อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์เปิดประเด็น “ข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่วเมื่อปี 2547” ในเฟซบุ๊ก เล่าถึงกรณีข่าวดัง ข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่วเมื่อปี 2547 ปมปริศนาความไม่เสมอภาค และความอยุติธรรมทางการศึกษาในปี พ.ศ.2547

ในปีนั้น บังเอิญ…นายกฯ ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ส่วนลูกสาว “แพทองธาร” ก็บังเอิญ…สอบเอ็นทรานซ์เข้าเรียนคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ

โดยผลคะแนนสอบ 2 ครั้งต่างกันลิบ หรือที่ ศ.ดร.ไชยันต์ใช้คำว่า “คะแนนสูงมหัศจรรย์” พร้อมกับนำคะแนนสอบทั้ง 2 ครั้งมาเทียบกันให้เห็นชัดๆ

“ภาษาไทย” จาก 52 เพิ่มเป็น 72, “สังคม” จาก 41.25 เพิ่มเป็น 67.5, “ภาษาอังกฤษ” จาก 64 เพิ่มเป็น 84 และ “คณิตศาสตร์ 2” จาก 27 เพิ่มเป็น 63…

ต่อมาภายหลัง “ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร” เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ในขณะนั้น “ยอมรับ” ในภายหลังว่า “เปิดซองข้อสอบ” วิชาภาษาไทย และสังคมศึกษา จริง ก่อนส่งให้คณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ…

แต่ทั้งนายทักษิณ และ “นายอดิศัย โพธารามิก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในยุคนั้น ต่างยืนยันขันแข็งว่า “ข้อสอบไม่รั่ว”

สวนทางกับผลสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชุดที่ “นายสุเมธ ตันติเวชกุล” เป็นประธาน ที่สรุปว่า “ข้อสอบรั่ว”

ซึ่งนั่นคือข้อมูลที่ “ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร” นำมาย้อนอดีต

 

กรณีนี้ หากย้อนรอยไป ก็สืบเนื่องจากข่าวลือสะพัดในมหาวิทยาลัย ว่าข้อสอบเอ็นทรานซ์น่าจะรั่ว

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนการสอบเก็บคะแนนครั้งที่ 2 เดือนมีนาคม ของการสอบเอ็นทรานซ์ ประจำปีการศึกษา 2547 เพียงไม่กี่วัน…

โดยแหล่งข่าว “วงใน” ตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีข้อสอบรั่วจริง โดย “ประธานคณะกรรมการออกข้อสอบวิชาภาษาไทย” ในขณะนั้น ต้องสั่ง “เปลี่ยน” ข้อสอบใหม่ยกชุดแบบกะทันหัน…

ขณะเดียวกันก็ถูก “ผู้มีอำนาจ” ไม่ให้นำเรื่องนี้ไปเปิดเผย…

ซึ่งไม่เฉพาะแค่วิชา “ภาษาไทย” เท่านั้น แต่มีข้อสงสัยว่าผู้บริหาร สกอ.ในตอนนั้น อาจเอาซองไปเปิด โดยรวมถึงวิชา “สังคมศึกษา” ด้วย

เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสงสัยมากๆ ในที่สุด เลขาธิการ กกอ.ได้ “ยอมรับ” ว่าเปิดซองข้อสอบจริง โดยอ้างว่าเพราะมีบัตรสนเท่ห์ระบุว่าข้อสอบรั่วไปที่สถาบันกวดวิชา จึงต้องสืบในทางลับ โดยนำกล่องข้อสอบมาเก็บไว้เอง และที่ต้องเปิดซองข้อสอบ เพื่อตรวจสอบดูว่าข้อสอบรั่วจริงหรือไม่…

ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่ข้อสอบวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษาเท่านั้น ที่ถูกเปิดซอง แต่ข้อสอบทั้งหมด 34 ซอง 33 วิชา ที่ถูกสั่งให้เอาไปเก็บในห้อง ศ.ร.ต.อ.วรเดช ได้ถูกเปิดทั้งหมดเพื่อตรวจสอบด้วย

 

ระหว่างนั้น มีความพยายามควานหา “ตัวละคร” ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ข้าราชการ รวมถึงเชื่อมโยงไปยัง “ใคร? บางคนในรัฐบาล” ว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

แม้นายทักษิณและนายอดิศัยจะยืนยันว่าไม่มีข้อสอบรั่วไหล และไม่มีการนำข้อสอบไปให้ “ลูก-หลาน” ที่เข้าสอบเอ็นทรานซ์ในปีนั้นๆ

แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดยั้งข้อสงสัยว่ามี “กระบวนการ” ที่ใช้ “ตำแหน่ง” และ “อำนาจ” นำเอาซองข้อสอบไป เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ “ใคร?” บางคนหรือไม่

ยิ่งผลคะแนนสอบทั้ง 2 ครั้งของลูกสาวผู้นำประเทศในขณะนั้น ถูกนำมาเปรียบเทียบกัน ยิ่งทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักขึ้น เพราะคะแนนครั้งที่ 2 กระโดด “สูง” กว่าครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด มีนักสถิติตั้งข้อสังเกตว่า “ความไม่น่าจะเป็นไปได้” ที่ระยะเวลาห่างกันไม่กี่เดือน แต่คนคนเดียวกัน กลับทำคะแนนได้สูงขึ้นเกินกว่าที่คนไอคิวปกติจะทำได้…ยิ่งทำให้กระแสสงสัยพุ่งขึ้นสูง

กระทั่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ต้องตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ด้วยแรงกดดันจากทุกฝ่ายดังกล่าว

 

อุ๊งอิ๊งหรือ น.ส.แพทองธาร โต้บรรดาผู้ที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาวิจารณ์ตอนนี้ ว่า “เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจะ 20 ปีแล้ว เรื่องจบไปนานแล้ว”…

โดยตั้งคำถาม “จุฬาฯ เส้นเข้าได้ด้วยเหรอคะ???” หรือ “เรื่องนี้เก่าไปมาก เค้าสอบสวนกันจบเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนแล้วค่า” ฯลฯ

ซึ่งฝ่ายที่เชียร์ ก็เอนเอียงไปในทางเห็นด้วย

แต่ฝ่ายที่ไม่ชอบ “ทักษิณและครอบครัว” ก็บอกว่าต้องให้เคลียร์

โดยมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้น “สะเทือน” ระบบการคัดเลือกนิสิต-นักศึกษา และ “สะเทือนใจ” พ่อ-แม่ ผู้ปกครอง นักเรียน และคนไทยทั้งประเทศ

เนื่องจากข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว เป็น “ปัญหา” ใหญ่ระดับประเทศ ที่สะเทือนทั้ง “ระบบ” การสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยไทย ไม่ใช่เฉพาะมหาวิทยาลัยใดมหาวิทยาลัยหนึ่ง

ที่สำคัญ “เอ็นทรานซ์” เป็นระบบการสอบคัดเลือกของประเทศ ที่มีมายาวนานกว่า 40 ปี และเป็น “ระบบเดียว” ในขณะนั้น ที่คนในสังคมไทยเห็นพ้องต้องกันว่า การ “ทุจริต” ยังไม่สามารถทะลุทะลวงเข้าไปได้…

กระทั่งมาในยุคที่นายทักษิณเป็นนายกฯ “ความน่าเชื่อถือ” ของระบบเอ็นทรานซ์ ถูก “ทำลาย” ลงอย่างน่าเสียดาย…

แม้อุ๊งอิ๊งระบุว่าเรื่องนี้สอบสวนกันจบเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนแล้ว แต่ก็ถูกมองจากฝ่ายที่ไม่ชอบว่า อุ๊งอิ๊งไม่ได้บอกให้ชัดเจนว่าบทสรุปของเรื่องนี้จบลงอย่างไร ไม่ได้จบแบบ “แฮปปี้เอนดิ้ง” แต่ความจริงแล้ว ผลสอบในครั้งนั้นยืนยันว่ามี “ข้อสอบรั่ว” จริงๆ

 

ในขณะที่คนใกล้ชิด หรือเพื่อนๆ ของอุ๊งอิ๊งหลายๆ คน ก็ออกมาโพสต์สวนฝ่ายตรงข้ามในทำนองว่า “ควรไปดูว่า 4 ปีในมหาวิทยาลัย ต้องเรียนกันหนักขนาดไหน กว่าจะจบกันมาได้ ดีกว่าหรือไม่”

ซึ่งก็ถูกตอบโต้จากฝ่ายไม่ชอบว่า การตั้งใจเรียนอย่างหนักในรั้วมหาวิทยาลัย เป็นภารกิจที่นิสิต-นักศึกษาทุกคนต้องทำอยู่แล้ว แต่ก็เป็น “คนละเรื่อง” กับ “วิธีการ” ที่เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยใช่หรือไม่??

ถ้าวิธีการไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น ต่อให้เรียนหนักขนาดไหน หรือแม้แต่ได้เกียรตินิยม ก็คง “ลบล้าง” ความไม่ถูกต้องไม่ได้!!

ปัญหา “ข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว” จึงอาจถูกเรียกได้ว่า เป็น “มรดกร้อน” จากรัฐบาลทักษิณ ที่ถูกส่งต่อมายัง “รุ่นลูก” แพทองธาร ชินวัตร

โดยเฉพาะในวันที่ก้าวเข้าสู่แวดวงการเมืองอย่างเต็มตัว อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!!