E-DUANG : สำเหนียก และ สำนึก ต่อ “สื่อใหม่”

คำประกาศของ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ภายหลังทราบมติกสทช.ให้มีคำสั่ง “จอดำ” พีซทีวีเป็นเวลา 30 วัน

ก็เหมือนกับคำประกาศ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เมื่อ 1 ปีก่อน

“แม้จะยุติการออกอากาศแต่ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว บางรายการจะใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย”

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ “จอดำ” พีซทีวีก่อนการทำประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็เริ่มต้น “ไลฟ์” ผ่านทางเฟซบุ๊ค

แต่ถามว่าการขยับของ “พีซทีวี” จากโทรทัศน์ไปยัง “โซเชียล มีเดีย” ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2559 มายังเดือนสิงหาคม 2560 ดำเนินไปอย่างไร

คำประกาศของ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เหมือนกับจะชัดเจน

 

กระนั้น หากติดตามการเข้าสู่โลก “โซเชียล มีเดีย” ไม่ว่าของพีซทีวี ไม่ว่าของ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ

ก็เสมอเป็นเพียงการแหย่และ “หยั่ง”

อย่าว่าแต่แกนนำนปช.อย่าง นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ หรือ นางธิดา ถาวรเศรษฐ เลย

แม้กระทั่งหลายคนใน “เพื่อไทย” ก็อีหรอบเดียวกัน

นั่นก็คือ ทาง 1 เป็นการยอมรับในการรุกคืบเข้ามาของสื่ออย่างใหม่แห่ง “โซเชียล มีเดีย”

แต่ทาง 1 ยังไม่มีความเข้าใจอย่าง “เป็นจริง”

หากสรุปอย่างจริงจัง นั่นก็คือ ภายใน “กระบวนทัศน์” ในทาง ความคิดยังมิได้เข้าไปอยู่ในพรมแดน “สื่อใหม่” อย่างเป็นฝ่ายรุก

ยังติดความเคยชิน ติดความเข้าใจในแบบ “สื่อเก่า”

 

ทั้งๆที่ในความเป็นจริงของ “โลก” ไม่ว่าโลกอารยะอย่างตะวันตก หรือโลกที่ยัง “อนารยะ” อย่างตะวันออก

“สื่อใหม่” ได้เข้ามาอยู่ในสถานะ “ครอบงำ” แล้ว

ในทางยุทธศาสตร์ เทคโนโลยี”ใหม่”ได้รุกคืบเข้าไปยึดครอง “พื้นที่” ต่างของการสื่อสารแล้วอย่างบริบูรณ์

แต่หลายคนในโลกตะวันออกยังไม่ “สำเหนียก”

ลักษณะในทาง “ความคิด” เช่นนี้ยังดำรงอยู่ไม่ว่าจะในแกนนำ “คนเสื้อแดง” ไม่ว่าจะในแกนนำ “เพื่อไทย” จึงยังไม่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ของ”สื่อใหม่”ได้อย่างเป็นจริง

ยังเก้ๆ กังๆ ยังละล้าๆ ยังละลังๆ