ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต/ลองของใหญ่ ‘HAVAL H6’ ขับสบาย-อลังการงานไฮเทค

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

ลองของใหญ่ ‘HAVAL H6’

ขับสบาย-อลังการงานไฮเทค

แรกที่ผมเห็นตัวเป็นๆ ของ “ฮาวาล เอช6” (HAVAL H6) ไฮบริดเอสยูวีจาก “เกรท วอลล์ มอเตอร์” (GWM) ช่วงที่จอดในซองรอผมไปสัมผัส

ความรู้สึกคือใหญ่จริงๆ จอดแน่นช่องเลยก็ว่าได้

ไม่แปลกครับ เพราะโดยมิติตัวถังถือว่าเบิ้มสุดในเซ็กเมนต์แล้ว ด้วยขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) 1,866 x 4,653 x 1,724 ม.ม.

แน่นอนด้วยการขับขี่อาจต้องระมัดระวังสักเล็กน้อย เวลาขับไปในที่แคบๆ หรือเลี้ยวเข้าซอยเล็ก

แต่เพราะขนาดที่ใหญ่โต พลอยทำให้การนั่งภายในสะดวกสบายมากขึ้น

รุ่นที่ได้มาเป็นตัวท็อป “ULTRA” ซึ่งแตกต่างจากรุ่นเริ่มต้น “PRO” อยู่หลายจุดด้วยกัน

ที่ชัดสุดไม่พ้นกระจังหน้าขนาดใหญ่แบบ Classic Geometric Pattern 3 มิติ สีโครเมียม ขณะที่รุ่นเริ่มต้นเป็นสีดำ และไม่มีไฟตัดหมอกมาให้เหมือนตัวท็อป

ไฟหน้า Intelligent LED พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้า และไฟสูงอัตโนมัติ

ไฟท้าย LED Taillight Strip พาดยาวจากซ้ายจรดขวาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร

ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาดใหญ่ 19 นิ้ว

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีเดียวกับตัวรถ

เสาอากาศแบบครีบฉลาม และติดตั้งแรคหลังคาสีโครเมียมมาให้ด้วย

ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

 

ภายในตกแต่งสไตล์ Minimalist เรียบง่ายแต่หรูหรา ตกแต่งด้วยสี “โรสโกลด์” หรือถ้าคนไทยจะคุ้นเคยกับสีเครื่องประดับที่เรียกว่า “สีนาก”

สีโรสโกลด์จะประดับอยู่ส่วนต่างๆ เช่น พวงมาลัย คอนโซลหน้า

พวงมาลัย 3 ก้านระบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัติจนถึงจุดหยุดนิ่ง

ด้านซ้ายเป็นปุ่มรับเครื่องเสียงและปุ่มสั่งการด้วยเสียง

หน้าจอ Multi information display ขนาด 10 นิ้ว และ Head Up Display ขนาด 9 นิ้ว ที่กระจกด้านหน้า สามารถแสดงข้อมูลต่างๆ ครบถ้วน รวมถึงแผนที่นำทางชนิดที่ไม่ต้องเหลียวไปดูหน้าจอตรงกลาง

หน้าจอตรงกลางแบบลอยตัวขนาด 12 นิ้ว ทรงออกแบนๆ เป็นตัวควบคุมเกือบทุกระบบความสะดวกสบายและการตั้งค่าต่างๆ

ภาพรวมดูสบายตาแต่การใช้งานเวลาปรับแต่งน้ำหนักพวงมาลัย ระบบแอร์ หรือโหมดการขับขี่ หากใหม่ๆ คงลำบากสักหน่อย เนื่องจากไม่ได้แยกปุ่มออกมาภายนอก

ระบบแอร์อัตโนมัติ พร้อมตัวกรองอากาศ CN95 และ Ionizer ลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 และลดกลิ่นในห้องโดยสาร

ด้านบนเป็นพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่

คอนโซลกลางมีที่วางโทรศัพท์เพื่อชาร์จแบบไร้สาย รวมถึงช่องเสียบ USB เบาะนั่งปรับไฟฟ้า ทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสาร

เบาะนั่งหลังปรับพับเรียบได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้อีกเกือบเท่าตัว

เจาะช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังให้ด้วย

จากที่ลองไปนั่งเบาะหลัง พนักทำองศาได้พอดีๆ แต่ที่น่าตื่นตกใจคือพื้นที่เหนือศีรษะ และที่วางขาเหลือเฟือจริงๆ

 

กดปุ่มสตาร์ตพร้อมปรับเซ็ตค่าต่างๆ ที่เหมาะสม เช่น น้ำหนักพวงมาลัยผมกำหนดไว้ที่ “สบาย” ซึ่งเป็นค่ากลางๆ ส่วนอีก 2 โหมดคือ “เบา” และ “สปอร์ต” ไม่ได้ใช้มากนัก

ส่วนการขับขี่มีทั้งโหมดมาตรฐาน โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และโหมดสภาพถนนลื่น

จากที่ลองดูแล้วพอใจกับโหมดสปอร์ตที่สุด

เกียร์ของฮาวาล เอช6 ดูแปลกตาสักนิดเพราะเป็นชุดเกียร์ไฟฟ้า เป็นแป้นทรงกลมเวลาเปลี่ยนเกียร์ใช้หมุนไปมา หรือกดเพื่อเป็นเกียร์ “P”

อัตราเร่งตีนต้นพุ่งวาบน่าพอใจจากกำลังเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบซูเปอร์ชาร์จเจอร์ (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตัน-เมตร

เพราะแม้ตัวถังขนาดใหญ่ น้ำหนักไม่ใช่น้อยๆ แต่ด้วยเอกลักษณ์ของรถไฮบริด ที่มีแรงบิดสูงทำให้การออกตัวไม่ใช่ปัญหา

พวงมาลัยเบามือดีมาก แต่ถ้าใครไม่ชอบอาจปรับไปที่สปอร์ต เพื่อเพิ่มน้ำหนักหน่อยหนึ่ง

ส่วนโหมดเบา ผมไม่แนะนำเพราะเบาจริงๆ เล่นเอาหวิวเลยทีเดียวเวลาขับด้วยความเร็วสูง

แต่ถ้าเป็นคุณผู้หญิงเน้นขับในเมือง หรือออกต่างจังหวัดไปเรื่อยๆ น่าจะชอบ

ช่วงล่างนิ่มมาก ถึงมากที่สุด เป็นรถเอสยูวีที่ขับสบายไม่ต่างจากเก๋งราคาแพงๆ เลย

แต่แน่นอนว่าข้อเสียไม่พ้นความเสถียรเวลาขับด้วยความเร็วสูง หรือการสาดเข้าโค้งแรงๆ

รวมไปถึงการกระชากเปลี่ยนเลนกะทันหัน มีอาการไหววูบอยู่บ้าง

การเก็บเสียงทำได้ประมาณหนึ่ง

 

สิ่งน่าทึ่งที่สุดไม่พ้นออปชั่นตัวช่วยต่างๆ ที่เรียกว่าใส่มาล้นคัน

ตอนแรกตัวช่วยอย่าง “ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน” ทำผมตกใจเหมือนกัน เพราะเหมือนพวงมาลัยขยับไปมาอยู่ตลอดเวลา พอใช้สักพักก็คุ้นและบอกเลยว่าปลอดภัยอย่างมาก เพราะพวงมาลัยจะควบคุมรถให้อยู่กลางเลนเสมอ

เรียกว่าแทบไม่ต้องจับพวงมาลัยก็ได้

เมื่อผมลองปล่อยมือจากพวงมาลัยแค่พักเดียว ก็โดนรถดุด้วยคำเตือนให้จับพวงมาลัยไว้นะจ๊ะ

ระบบอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) สามารถหยุดและออกสตาร์ตใหม่ (Stop and Go) กลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้าได้

ระบบการเข้าโค้งอัจฉริยะ Cornering Brake Control จะลดความเร็วรถโดยอัตโนมัติขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้

ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ สามารถจอดเทียบข้าง เข้าซอง และแนวเฉียง โดยรถจะจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง

ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ รถยนต์จะสามารถจดจำเส้นทางที่ขับผ่านด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้สูงสุด 50 เมตร และสามารถถอยหลังกลับอัตโนมัติตามเส้นทางได้อย่างราบรื่น

ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก

ระบบควบคุมให้ห่างจากรถใหญ่ พวงมาลัยยจะดึงรถเราให้ออกห่างรถคันใหญ่เวลาแซงเพื่อความปลอดภัยมากขึ้น ฯลฯ

 

รวมไปถึงระบบคันเร่งอัจฉริยะ ที่ทำงานคล้ายรถยนต์ “EV” ที่เมื่อถอนคันเร่งเครื่องยนต์จะหน่วงความเร็วในทันทีโดยไม่ต้องแตะเบรก

เหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดหรือลงเขา ที่ไม่ต้องพึ่งเบรกมากเกินไป

อีกหนึ่งระบบที่เหมาะกับเมืองไทยไม่น้อยคือโหมด “ขับลุยน้ำ” เพราะระบบจะตัดการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมด เหลือใช้กำลังจากเครื่องยนต์อย่างเดียว

เรียกว่าไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะเข้าระบบไฟฟ้าให้เสียหาย

มีอีกเยอะครับ แนะนำสำหรับคนที่สนใจหรือซื้อไปแล้วควรศึกษาคู่มือให้กระจ่าง แล้วจะรู้ว่ารถรุ่นนี้มีระบบปรับแต่งต่างๆ มากมาย และละเอียดจริงๆ

“HAVAL H6” ตัวท็อปรุ่น ULTRA ราคา 1,249,000 บาท ส่วนรุ่น PRO ราคา 1,149,000 บาท

ราคาห่างกัน 1 แสนบาท ถ้าไม่ลำบากเกินไปแนะนำรุ่นท็อปเลยครับ คุ้มกว่าเห็นๆ