เหมือนเรื่องลามก แต่ไม่ลามก/คลุกวงใน พิศณุ นิลกลัด

พิศณุ นิลกลัด

คลุกวงใน

พิศณุ นิลกลัด

Facebook : @Pitsanuofficial

 

เหมือนเรื่องลามก

แต่ไม่ลามก

 

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ไทสัน ฟิวรี่ (Tyson Fury) ยอดนักชกชาวอังกฤษ เจ้าของแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวตของสภามวยโลก (WBC) ป้องกันแชมป์สำเร็จ ด้วยการชนะน็อกดีออนเทย์ ไวล์เดอร์ (Deontay Wilder) ในยกที่ 11

การชกครั้งล่าสุด เป็นการชกกันครั้งที่ 3 ของทั้งคู่

ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2020 ไทสันชนะ TKO ยก 7

ครั้งแรก ในปี 2018 ผลออกมาเสมอ

 

ไทสัน ฟิวรี่ อายุ 33 ปี เป็นคุณพ่อลูก 6 (ชาย 3 หญิง 3) เกิดกับภรรยาชื่อแพรีส (Paris) ซึ่งคบกันมาตั้งแต่ไทสันอายุ 17 ปี แพรีสอายุ 15 ปี

ในการชกครั้งที่ 3 กับดีออนเทย์ ไวล์เดอร์ ไทสันบอกว่า เขาไม่มีเซ็กซ์ในช่วงเก็บตัวฝึกซ้อมเพราะต้องการให้ความดุดัน ก้าวร้าว ระเบิดเต็มที่ตอนขึ้นเวที

ส่วนการชกครั้งที่ 2 กับดีออนเทย์ ในปี 2020 ไทสันให้สัมภาษณ์ว่าเขากินอาหารวันละ 4-5 มื้อ ดื่มน้ำวันละ 8 ลิตร

ที่สำคัญ เขาช่วยตัวเองวันละ 7 ครั้ง ช่วง 3-4 สัปดาห์ก่อนชก

ย้ำ…ไม่ได้เขียนผิด วันละ 7 ครั้ง!

เขาบอกว่านี่เป็นการช่วยให้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) หรือฮอร์โมนเพศชายพลุ่งพล่าน สูบฉีดตลอดเวลา

เทสโทสเตอโรนเป็นฮอร์โมนเพศที่สำคัญที่สุดของผู้ชาย การมีระดับฮอร์โมนเพศชายอยู่ในระดับสมบูรณ์เหมาะสม จะทำให้ร่างกายแข็งแรง กระปรี้กระเปร่า ที่สำคัญมากสำหรับผู้ชายทั่วโลกก็คือทำให้มีสมรรถภาพทางเพศ

แต่การมีระดับฮอร์โมนเพศชายลดลง จะทำให้เหนื่อยง่าย อารมณ์ทางเพศลดลง นอนไม่หลับ

ส่วนการชกครั้งที่ 3 ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ไทสัน ฟิวรี่ บอกว่า เขาบอกแต่ว่าไม่มีเซ็กซ์ในช่วงเก็บตัวฝึกซ้อม

แต่ช่วยตัวเองหรือไม่ เขาไม่ได้ลงรายละเอียด

 

ไทสันบอกว่า เขาเป็นนักมวยที่ไม่เชื่อเรื่องการมีเซ็กซ์ตอนเก็บตัวฝึกซ้อมแล้วทำให้สบายเนื้อสบายตัว แคล่วคล่อง ชกดี

เขาเชื่อในเรื่องการไม่มีเซ็กซ์ตอนเก็บตัว เพื่อเก็บความดุดัน ก้าวร้าว ไว้ให้ระเบิดเต็มที่ในวันขึ้นชก จะมีเซ็กซ์อีกทีก็ต่อเมื่อชกเสร็จแล้ว

เรื่องการช่วยตัวเองของนักกีฬา ในทางการแพทย์ไม่ถือเป็นเรื่องทะลึ่งลามก และหลายการศึกษามองว่าเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำเพราะทำให้นักกีฬาผ่อนคลาย

 

ในปี 2010 มีงานวิจัยร่วมกันของบริษัท Adam & Eve ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ผลิตของเล่นทางเพศ หรือ Sex Toy มาตั้งแต่ปี 1970 และ ดร.ไมก์ ยัง (Dr. Mike Young) โค้ชชาวอเมริกัน ที่เชี่ยวชาญด้านการสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายให้กับนักกีฬาโอลิมปิก และนักกีฬาอาชีพอย่างนักอเมริกันฟุตบอล NFL และนักเบสบอล MLB…

พบว่า การช่วยตัวเองของนักกีฬา ทำให้นักกีฬาแข็งแรงขึ้น ว่องไวขึ้น

โดย ดร.ไมก์และบริษัทของเล่นทางเพศ Adam & Eve ทำการสำรวจนักกีฬาทีมชาติอเมริกา และนักกีฬามหาวิทยาลัย จำนวน 21 คน เป็นหญิง 10 คน ชาย 11 คน

พบว่า นักกีฬาที่ช่วยตัวเองเป็นประจำ จะทำให้แข็งแรงขึ้น 13% และว่องไวขึ้น 10%

คณะผู้ศึกษาวิเคราะห์ว่าเวลาที่นักกีฬาช่วยตัวเองจนถึงจุดสุดยอด จะช่วยระงับอาการปวดบางอย่างได้นานถึง 24 ชั่วโมง ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและอาการปวดลดลง

เช่นเดียวกับคุณหมอมิเคล เรตาโน่ (Dr. Miche Reitano) แพทย์ชาวอิตาเลียนบอกว่า การช่วยตัวเองของนักกีฬาหญิงมีประสิทธิภาพเหมือนกับการกินยาแก้ปวด คือช่วยลดอาการปวดจากการฝึกซ้อม

 

อย่างไรก็ตาม ดร.ไมก์ ยัง กล่าวว่า สำหรับนักกีฬาที่ไม่เชื่อว่าการช่วยตัวเอง หรือการมีเซ็กซ์ก่อนการแข่งขันจะช่วยทำให้ผลงานดีขึ้น ก็อย่าไปฝืนช่วยตัวเองหรือฝืนมีเซ็กซ์

เพราะจากการศึกษาพบว่านักกีฬาที่ไม่เชื่อเรื่องประโยชน์ของการช่วยตัวเอง หรือมีเซ็กซ์ก่อนแข่ง เมื่อทำการทดลองช่วยตัวเองหรือมีเซ็กซ์ก่อนแข่ง จำนวน 70% ของนักกีฬาเหล่านี้ทำผลงานได้แย่ลง

แต่สำหรับนักกีฬาที่คิดว่าการช่วยตัวเองหรือการมีเซ็กซ์ก่อนการแข่งขัน จะช่วยทำให้ผลงานดีขึ้น ดร.ไมก์บอกว่า จำนวน 68% ของนักกีฬาเหล่านี้ มีผลงานดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังพบว่า 59% ของนักกีฬาที่ช่วยตัวเองก่อนแข่งขัน วิ่งเร็วขึ้นในระยะ 20 เมตร

 

เจฟฟรี่ ซัมเบอร์ (Jeffrey Sumber) นักจิตวิทยาด้านกีฬา ที่เขียนหนังสือชื่อ Renew Your Wows! หรือ ทำให้ชีวิตรักกลับมาว้าวใหม่ บอกว่านักมวยมักจะไม่มีเซ็กซ์ก่อนขึ้นสังเวียน

แต่ช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา นักกีฬาแถวหน้ารุ่นใหม่ ไม่นิยมตัดขาดการมีเซ็กซ์เหมือนสมัยก่อนแล้ว

เหตุผลก็เพราะแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นหาคู่ หรือโซเชียลมีเดีย มีส่วนทำให้นักกีฬาแถวหน้ารุ่นใหม่มองเรื่องเซ็กซ์เป็นการออกกำลังอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวพันทางอารมณ์

ดังนั้น การมีเซ็กซ์จึงเป็นเรื่องของการปลดปล่อยความเครียด