ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต/’ซีเอ็กซ์-5′ ปรับโฉมสู้ศึก ‘C-SUV’ เจาะสเป๊กทุกรุ่นย่อย-หั่นราคา 9 หมื่น

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

‘ซีเอ็กซ์-5’ ปรับโฉมสู้ศึก ‘C-SUV’

เจาะสเป๊กทุกรุ่นย่อย-หั่นราคา 9 หมื่น

 

หลังปล่อยให้น้องใหม่อย่าง “ฮาวาล เอช6” ครองแชมป์ยอดขายรถยนต์เอสยูวี กลุ่ม “ซี-เอสยูวี” (C-SUV) หรือรถตรวจการณ์อเนกประสงค์ขนาดกลาง ทำให้หลายแบรนด์เจ้าตลาดต้องปรับทัพกันยกใหญ่

หนึ่งในนั้นคือ “มาสด้า” ที่มี “ซีเอ็กซ์-5” (CX-5) อยู่ในเซ็กเมนต์เดียวกัน

สาเหตุหนึ่งที่ “ฮาวาล เอช6” สร้างความตื่นตะลึงเนื่องเพราะตั้งราคาอยู่ที่ล้านต้นๆ ขณะที่รุ่นท็อปไม่ถึง 1.25 ล้านบาทด้วยซ้ำ

ขณะเดียวกันออปชั่นก็จัดมาแบบหนักแน่นทั้งคัน

ด้วยเหตุนี้มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 จึงต้องขยับตัวออกรุ่นไมเนอร์เชนจ์ พร้อมตัดออกไป 2 รุ่นย่อย

จึงเหลือตัวเลือก 4 รุ่นย่อย กับ 3 ขุมพลัง ทั้งเบนซิน 2.0 ลิตร (จากเดิม 3 รุ่น เหลือ 2 รุ่น) ดีเซล 2.2 ลิตร (จากเดิม 2 รุ่น เหลือ 1 รุ่น) และรุ่นท็อปเบนซิน 2.5 ลิตรเทอร์โบ

รวมถึงปรับลดออปชั่นบางส่วน และเพิ่มบางส่วน เพื่อให้สามารถทำราคาต่ำลง แต่ไม่ได้ทำให้คนที่ซื้อไปก่อนรู้สึกเสียดาย

โดยราคาลดลงสูงสุดอยู่ที่ 90,000 บาท ในรุ่นเบนซิน 2.0 ลิตร

มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 เอสยูวีที่เป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบภายใต้แนวคิด “โคโดะ ดีไซน์” สร้างกระแสร้อนแรงมากๆ นับจากเปิดตัว จนถึงปัจจุบันมียอดขายสะสมกว่า 8 ล้านคันทั่วโลก

เจเนอเรชั่นแรก เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 มียอดขายสะสม 17,000 คัน ตามมาด้วยเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 มียอดจำหน่ายถึงปัจจุบันกว่า 15,000 คัน

 

ภาพรวมภายนอกแทบไม่แตกต่างจากรุ่นเดิม มาพร้อมแนวคิดใหม่ “พลังความสุข ที่เร้าใจทุกเส้นทาง”

หากเจาะเป็นกลุ่มรุ่นย่อย เริ่มจากรุ่น “2.0 S” ที่กลายเป็นตัวเริ่มต้น จากเดิมเป็นตัวกลางของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์แบบ LED เปิด-ปิดและปรับระดับสูง-ต่ำแบบอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED Signature

ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบเบรกมือไฟฟ้าระบบ Auto Hold กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ช่อง USB สำหรับชาร์จไฟด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลังอีก 2 ช่อง

เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า พร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า ส่วนเบาะผู้โดยสารด้านหน้าตัดระบบปรับไฟฟ้าทิ้งไป มาตรวัดความเร็วแบบอะนาล็อก (ปรับจากจอ MID) พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่

หน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว (ของเดิม 7 นิ้ว)

ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง

 

ส่วนรุ่น “2.0 SP” ได้ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว, หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า มาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล พร้อมจอแสดงผลแบบสีขนาด 7 นิ้ว ระบบบันทึกตำแหน่งสำหรับเบาะนั่งคนขับ เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า

ระบบเสียง Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง

และเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense ครบครัน อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (เพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 S)

ทั้ง 2 รุ่นย่อยใช้เครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-Drive พละกำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร

ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบอิเล็กทรอนิกส์ไดเร็กอินเจ็กชั่น

รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงถึง 13.9 กิโลเมตร/ลิตร

รุ่น “2.0 S” ราคา 1,320,000 บาท ส่วน “2.0 SP” ราคา 1,470,000 บาท

 

ถัดมาเครื่องยนต์ดีเซลรุ่น XDL SKYACTIV-D 2.2 พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD รวมถึงระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT สามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 16.1 กิโลเมตร/ลิตร

ราคา 1,770,000 บาท

ขณะที่รุ่นท็อป 2.5T SP เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.5 เทอร์โบ ให้พละกำลังสูงถึง 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบเทอร์โบ แบบ Dynamic Pressure ระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT

เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD

ภายนอกคล้ายกับรุ่นอื่นๆ แต่อัดเทคโนโลยีแน่นกว่า รวมทั้งให้ล้อโตถึง 19 นิ้ว

ภายในเบาะหนัง Nappa สีแดง Deep Red ตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาลเข้ม วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบ Real Wood และสีเงินซาตินโครม เพิ่มความหรูหราด้วยวัสดุตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้าแบบสีดำเปียโน และสีเงินซาตินโครม

รวมถึงวัสดุตกแต่งสวิตช์ปรับเบาะ และที่เปิดกล่องเก็บของด้านหน้าแบบสีเงินซาตินโครม เพดานหลังคาสีดำ

ระบบระบายอากาศสำหรับเบาะคู่หน้า Seat Ventilation ช่วยระบายอากาศดีขึ้น

กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติแบบไร้กรอบ ไฟอ่านแผนที่ ไฟห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระแบบ LED

ไฟสร้างบรรยากาศบริเวณคอนโซลกลางแบบ Down Light ไฟส่องสว่างบริเวณที่วางเท้าหน้า-หลัง ไฟส่องสว่างในกล่องเก็บของด้านหน้า (เพิ่มเติมจากรุ่น XDL)

ราคา 1,830,000 บาท (ถูกลง 20,000 บาท)

 

เทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense อาทิ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-Keep Assist System)

ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)

ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)

ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)

ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)

ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support)

ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ แบบ Advance หรือ Advance SCBS (Advanced Smart City Brake Support)

ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse) ฯลฯ

ทุกรุ่นมาพร้อมแคมเปญดอกเบี้ย 0% (เงินดาวน์ 55% ผ่อนนาน 24 เดือน) ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี

หรือดอกเบี้ย 1.99% (เงินดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน) ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี และ Mazda Care 3 ปี หรือโปรแกรมบำรุงรักษา ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และผลิตภัณฑ์ของเหลวที่ต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะทาง