‘บิ๊กตู่’ กระชับระยะห่างกองทัพ กลางการเมืองร้อน แกะรอยร้าวทหาร เมื่อ ‘บิ๊กเฒ่า’ คืนถิ่น กับควันหลง ‘แอร์บูล’/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

‘บิ๊กตู่’ กระชับระยะห่างกองทัพ

กลางการเมืองร้อน

แกะรอยร้าวทหาร

เมื่อ ‘บิ๊กเฒ่า’ คืนถิ่น

กับควันหลง ‘แอร์บูล’

 

ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่เข้มข้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองรออยู่เบื้องหน้า โดยเฉพาะอนาคตทางการเมืองของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าจะผ่านด่าน ได้ไปต่อหรือไม่

ทั้งด่านการตีความรัฐธรรมนูญเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีแล้วหรือไม่ และด่านการเลือกตั้งครั้งหน้า

รวมทั้งรอยร้าวในหมู่พี่น้อง 3 ป. ที่แม้จะมีความพยายามในการพูดคุยเคลียร์ใจสมานรอยร้าวกันแล้ว แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดระแวงกันเอง

ส่งผลให้บทบาทของ ผบ.เหล่าทัพ ถูกจับตามอง ทั้งบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุดคอแดง และบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.คอแดง ที่นั่งในตำแหน่งมาเป็นปีที่ 2 และมีอายุราชการถึงกันยายน 2566 จะเป็นอย่างไร

โดย พล.อ.ประยุทธ์กับผู้นำเหล่าทัพในชุดใหม่ คงมีแต่บิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกลาโหมคนใหม่ที่ถือเป็นน้องรักและคุ้นเคยกับทาง พล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เพราะเติบโตมาใน ป.พัน 21 รอ. ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์รับราชการเป็นทหารเสือราชินีอยู่ใน ร.21 รอ.

ส่วนกับบิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร.คนใหม่ และบิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ.คนใหม่นั้น อาจจะไม่สนิทสนมคุ้นเคยกันมากนัก

 

แต่กับ พล.อ.เฉลิมพล และ พล.อ.ณรงค์พันธ์แล้ว จะคุ้นกับ พล.อ.ประยุทธ์มากกว่า เพราะ พล.อ.เฉลิมพลแม้จะเป็นทหารม้า แต่ก็เป็นน้องรักที่สนิทของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองราชเลขาธิการ และอดีต ผบ.ทบ.

ส่วนบิ๊กบี้ ผบ.ทบ. ที่ก็เติบโตมาในกองทัพภาคที่ 1 เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ ยังทันกันสมัย พล.อ.ประยุทธ์เป็นรองและแม่ทัพภาคที่ 1

อีกทั้งการเป็น ผบ.ทบ.ที่คุมกำลังรบในมือ แถมเป็นทหารคอแดง เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องให้ความสำคัญ เวลาเจอก็จะเข้าไปทักทาย หรือในที่ประชุมทางทหาร เช่น สภากลาโหม ก็มักจะเอ่ยปากพูดถึงบิ๊กบี้เสมอๆ และเน้นย้ำว่าเราคุ้นเคย เติบโตด้วยกันมา และเป็นคนที่รักครอบครัวเหมือนกัน

แต่เป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ให้ความสำคัญกับเรื่องการพิทักษ์รักษา ปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์มากเป็นอันดับหนึ่ง และทิ้งระยะห่างทางการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์

จึงไม่แปลกที่ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเป็นที่จับตามอง โดยเฉพาะในการจัดโผแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารทั้งระดับพันเอกพิเศษ หรือผู้การกรม 337 นาย และระดับพันเอกและพันโท หรือผู้บังคับกองพัน 337 นายที่ผ่านมา ที่มีการโยกย้ายจำนวนมากโดยเฉพาะระดับผู้บังคับกองพันหลัก มากถึง 91 กองพัน รวมเกือบ 200 คน

น่าจะเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายเพื่อรองรับโครงสร้างของหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) ก็ตาม แต่ก็มีการโยกย้ายทุกกองทัพภาค รวมทั้ง พล.ปตอ. และรบพิเศษ แต่กองพันบินและกองพันศูนย์การทหารราบ ที่ส่วนใหญ่เป็นการย้ายระนาบ ย้ายทางข้าง

หากเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายเมื่อ 10 กว่าปีก่อน คงจะถูกจับตามองว่า เตรียมพร้อมบางอย่าง

แต่มายุคนี้ การปฏิวัติรัฐประหารไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นเรื่องการบริหารจัดการภายในของกองทัพบกโดยเฉพาะ กองทัพภาคที่ 1 และการจัดระบบการตรวจสอบการทำงานของผู้บังคับกองพันใหม่ หลังจากที่หลายกองพันถูกตรวจสอบ

อีกทั้ง พล.อ.เฉลิมพลได้ออกมายืนยันบทบาทหน้าที่ของกองทัพ หลังการประชุมผู้บัญชาการทางทหาร และผู้บัญชาการเหล่าทัพครั้งแรกของ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ว่า ทหารจะนิ่งและไม่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองใดๆ ขอให้สบายใจได้ ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือสถานการณ์วุ่นวายใดๆ นับจากนี้

แม้แต่การชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่มีความรุนแรงมากขึ้น พล.อ.เฉลิมพลยืนยันว่า เป็นบทบาทหน้าที่ของทางตำรวจในการบังคับใช้กฎหมาย

“แต่ถ้ายึดกันตามหน้าที่ หน้าที่ทหารคือ การปราบปรามกบฏ และการจลาจล ถ้ามีกบฏ ถ้ามีจลาจล เป็นหน้าที่ของทหาร แต่ถ้ายังไม่ถึงตำรวจ ก็จะดูแล” พล.อ.เฉลิมพลระบุ

ด้วยคำว่ากบฏ ในอดีต จะหมายถึงทหารที่ก่อการปฏิวัติรัฐประหารไม่สำเร็จ จะกลายเป็นกบฏ จึงทำให้เกิดการตีความว่า พล.อ.เฉลิมพลต้องการครอบคลุมถึงเรื่องใดกลุ่มใด

แต่ในยุคนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า การพูดถึงกบฏครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงการส่งสัญญาณเตือนไปถึงบรรดาผู้ชุมนุมกลุ่มม็อบบนท้องถนนเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงฝ่ายการเมืองที่เคลื่อนไหวในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ล้มล้างสถาบันอีกด้วย

เพราะในฝ่ายการเมืองเองเริ่มมีการพูดถึงการปฏิวัติรัฐประหารในอนาคตกันแล้ว หากพรรคเพื่อไทยที่เพิ่งเปลี่ยนโลโก้พรรค ใช้แต่สีแดง สีขาว ต่างจากโลโก้เดิมที่เป็นรูปธงชาติไทย ชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ได้จัดตั้งรัฐบาล หรือพรรคพลังประชารัฐแพ้การเลือกตั้งและไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

จึงยังคงทำให้กองทัพและผู้นำเหล่าทัพยังคงถูกจับตามองกันต่อไป เพราะหากกองทัพได้รับสัญญาณให้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังคงที่จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงโดยไม่ต้องพะวงหลัง

ขณะที่ในแต่ละเหล่าทัพก็ยังมีปัญหาภายใน เช่นที่กองทัพเรือ ที่ไม่ใช่เรื่องเกินคาด ที่เมื่อบิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย มาเป็น ผบ.ทร. แล้วจะมีการล้างบางสิ่งที่บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร.คนก่อนทำไว้

โดยเริ่มจากการปรับภูมิทัศน์กองบัญชาการทัพเรือ ที่พระราชวังเดิม ที่ทำงานของ ผบ.ทร. และวังนันทอุทยาน ที่ทำงานของ 4 ฉลามทัพเรือ และฝ่ายอำนวยการ หลังจากรับตำแหน่งมา 2 สัปดาห์

ทั้งการให้รื้อถอนต้นไผ่ที่ปลูกตั้งแต่สมัย พล.ร.อ.ลือชัยเป็น ผบ.ทร.เมื่อ 3 ปีที่แล้ว รวมทั้งให้เปิดช่องตีนกา ที่กำแพงพระราชวังเดิม ที่ถูกปิดตายตามความเชื่อ และเปิดประตูของอาคารด้านหลังท้องพระโรง ที่ถูกปิดตาย เพราะซินแสห้ามไม่ให้มีช่องทั้งตึกและกำแพง ยกเว้นทางเข้า-ออก ซึ่งกำหนดให้มีแค่ทางเดียว

ทั้งนี้ เป็นเรื่องความเชื่อส่วนตัวของ พล.ร.อ.ลือชัย ที่ชอบศึกษาเรื่องสามก๊ก ตำราพิชัยยุทธ์ และปรัชญาจีน รวมทั้งมีพระเกจิและซินแสมาทำเรื่องภูมิทัศน์ ฮวงจุ้ยให้ ตอนเป็น ผบ.ทร. 2 ปี

เป็นที่รู้กันว่าห้องทำงานของ พล.ร.อ.ลือชัยที่พระราชวังเดิมกองทัพเรือนั้นจะเปิดเพลงบรรเลงสไตล์จีนเบาๆ ทั้งวัน และปลูกต้นไผ่ตามความเชื่อแบบจีน และตกแต่งห้องทำงานสไตล์จีน รวมถึงประตูที่เป็นลายมังกรทอง

โดยในยุคนี้ได้มีการสร้างประตูกองทัพเรือใหม่ โดยยึดหลักฮวงจุ้ย และสร้างประตูหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน แบบกำแพงเมืองจีน ป้อมค่ายที่ พล.ร.อ.ลือชัยไปเปิดประตูในพิธีเปิดด้วยตนเอง แต่ก่อนหน้าสร้างประตูใหม่ มีการวางหินสีขาว 6 ก้อน จัดไฟ 7 สี แก้เคล็ด

ต่อมาเมื่อบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ขึ้นมาเป็น ผบ.ทร. ก็ยังมีความเกรงใจ พล.ร.อ.ลือชัยอยู่ จึงไม่ได้ปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยอะไรมากนัก

แต่เมื่อ พล.ร.อ.สมประสงค์ได้ข้ามจากรองปลัดกลาโหม มาเป็น ผบ.ทร.ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ จึงมาปรับภูมิทัศน์ใหม่ โดยการถอนต้นไผ่ที่หน้าอาคารที่ทำงาน ผบ.ทร.ในพระราชวังเดิมออกไป ปล่อยให้เป็นเนินหญ้าโล่งๆ เพื่อโชว์อาคารตามเดิม

ด้วยเพราะต้นไผ่ที่อายุ 3 ปีสูงบดบังความสวยงามของอาคารเก่า และมีใบแห้งที่ทำให้ทัศนียภาพไม่สวยงามและเจ้าหน้าที่ต้องคอยตัดเล็มตลอด ส่วนที่กองทัพเรือวังนันทอุทยาน ต้นไทยก็ถูกตัดให้สั้นลงเพราะบังตัวตึก

อีกทั้งมีเสียงสะท้อนจากกำลังพลที่ไม่เห็นด้วยกับการปรับภูมิทัศน์ในยุค พล.ร.อ.ลือชัย

แม้ พล.ร.อ.สมประสงค์จะยืนยันว่าการปรับภูมิทัศน์ครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งใดๆ กับ พล.ร.อ.ลือชัย เพราะไม่ได้ขัดแย้ง และยังให้ความเคารพเสมอ และการโยกย้ายในครั้งนั้นเป็นไปตามความเหมาะสมก็ตาม

แต่ก็กลายเป็นเรื่องฮือฮาในกองทัพเรือ

 

ด้วยรู้กันดีว่า พล.ร.อ.ลือชัยสมัยเป็น ผบ.ทร. เตะโด่ง พล.ร.อ.สมประสงค์จากผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ ข้ามไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม

ในการโยกย้ายปีที่แล้ว บิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหมเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 20 ของ พล.ร.อ.สมประสงค์ ได้เคยพยายามจะส่ง พล.ร.อ.สมประสงค์กลับไปกองทัพเรือในตำแหน่งรอง ผบ.ทร.มาแล้ว แต่ พล.ร.อ.ลือชัยไม่รับกลับ เพราะไม่มีตำแหน่งว่าง

เพราะรู้กันดีว่า หากให้ พล.ร.อ.สมประสงค์กลับกองทัพเรือไปในครั้งนั้นก็เท่ากับไปจ่อขึ้นเป็น ผบ.ทร.

ด้วยเพราะ พล.ร.อ.ลือชัยได้เตรียมวางตัว ผบ.ทร.ไว้แล้ว ทั้ง พล.ร.อ.ชาติชาย และตามแผนเดิมคือ ต่อด้วยบิ๊กโต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ ที่บิ๊กลือดันจากปลัดบัญชี ทร. ขึ้นเป็นเสธ.ทร. หรือบิ๊กปู พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ น้องรัก ตท.22 ที่ขึ้นจาก ผบ.ทัพเรือภาคที 1 มาเป็น ผบ.กองเรือยุทธการ เพื่อเป็น ผบ.ทร.ต่อจาก พล.ร.อ.ชาติชาย

แต่ในที่สุดก็ผิดแผน เมื่อ พล.อ.ณัฐได้ไฟเขียวจากบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม ให้ส่ง พล.ร.อ.สมประสงค์กลับไปเป็น ผบ.ทร. ด้วยความยินยอมพร้อมใจของ พล.ร.อ.ชาติชาย ซึ่งก็เป็นเพื่อนรักเตรียมทหาร 20 ของ พล.ร.อ.สมประสงค์อยู่แล้ว

แม้จะต้องยอมแก้ไขโผรายชื่อที่เสนอชื่อ พล.ร.อ.ธีรกุลขึ้นมาเป็น ผบ.ทร.ก็ตาม เพราะรู้กันดีว่า พล.ร.อ.ชาติชายเสนอชื่อนี้ขึ้นมาตามหลักการเท่านั้น เพราะไม่สามารถเสนอชื่อคนนอกกองทัพเรือได้ อีกทั้งยังมีความเกรงใจ พล.ร.อ.ลือชัยอยู่

กล่าวกันว่า พล.ร.อ.สมประสงค์พอใจกับการถูกย้ายไปเป็นรองปลัดกลาโหม 2 ปี เพราะได้อาวุโส ครองอัตราพลเรือเอกพิเศษ

และยังได้ทำงานในระดับบน และงานต่างๆ ที่กว้างขึ้น และได้ทำงานกับ พล.อ.ณัฐ ปลัดกลาโหม เพื่อนร่วมรุ่น ตท.20 จึงมีโอกาสได้ทำผลงาน จนที่สุดได้รับการสนับสนุนจากกลาโหม ให้ได้กลับมาเป็น ผบ.ทร.

จึงส่งผลให้กองทัพเรือในยุคของ พล.ร.อ.สมประสงค์จากนี้ 1 ปี ถูกจับตามองว่าจะมีการย้อนศรม็อตโต้ Stop the past Start the new ของ พล.ร.อ.ลือชัยเดิมหรือไม่

เพราะแม้ พล.ร.อ.สมประสงค์จะยืนยันว่าไม่ได้สั่งให้หน่วยของกองทัพเรือหน่วยอื่นๆ ตัดหรือถอนต้นไผ่ หรือสิ่งที่ พล.ร.อ.ลือชัยสร้างไว้ก็ตาม แต่ก็มีบางหน่วยเข้าใจว่า คำสั่งให้มีการปรับภูมิทัศน์ที่พระราชวังเดิมและวังนันทอุทยานกองทัพเรือ เป็นการส่งสัญญาณให้ทุกหน่วยปรับ

แต่จากนี้ คงเป็นที่จับตามองกันมากขึ้นในความสัมพันธ์ของ พล.ร.อ.สมประสงค์ และ พล.ร.อ.ลือชัย

 

โดยเฉพาะการเลือก ผบ.ทร.คนต่อไป ที่ในแคนดิเดต 5 ฉลามทัพเรือนั้น ทั้ง พล.ร.อ.ธีรกุล และ พล.ร.อ.สุทธินันท์ ถูกมองว่าเป็นน้องรักที่ พล.ร.อ.ลือชัยวางตัวเอาไว้

และในการโยกย้ายครั้งที่แล้วจะพลาดหวังทั้ง 2 คน พล.ร.อ.ธีรกุลไม่ได้เป็น ผบ.ทร. แต่เป็นแค่รอง ผบ.ทร. ส่วน พล.ร.อ.สุทธินันท์ก็ขยับมาเป็น ผช.ผบ.ทร. แต่ก็ยังถือว่าเป็นแคนดิเดตชิง ผบ.ทร. เพราะยังมีอายุราชการถึงกันยายน 2566 เช่นเดียวกันทั้งคู่

รวมทั้งบิ๊กแจ็ค พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ (ตท.23) เสธ.ทร. และบิ๊กวิน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข (ตท.25) ผบ.กองเรือยุทธการ ก็เป็นแคนดิเดตที่ไม่อาจมองข้ามเช่นกัน

จึงต้องวัดใจ พล.ร.อ.สมประสงค์ ว่าจะเห็นใจ พล.ร.อ.ธีรกุล ที่พลาดเก้าอี้ทั้งๆ ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ทร.ก็ตาม

จนเกิดกระแสข่าวลือในกองทัพเรือว่าให้จับตามองโยกย้ายกลางปี เดือนเมษายน 2565 ว่า พล.ร.อ.สมประสงค์จะดันน้องรักคนใดที่อยู่นอกไลน์ ให้เข้าไลน์ เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทร.หรือไม่

 

ปรากฏการณ์ปรับภูมิทัศน์ที่กองทัพเรือ ถูกจับตามองว่าไม่แตกต่างจากการปรับภูมิทัศน์ของกองทัพบก เมื่อครั้งที่บิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. วันแรกก็มีการปรับภูมิทัศน์ทั้งที่พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 ที่ด้านหลัง บก.ทบ. และการปิดตายรางน้ำพุหน้าสนามหญ้า กองทัพบก ที่สร้างขึ้นในยุคบิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เป็น ผบ.ทบ.

ด้วยรู้กันดีว่า แม้จะเป็นบูรพาพยัคฆ์ด้วยกัน เป็นน้องรักของ 3 ป.ด้วยกัน แต่ก็ขัดแย้งกันมานานหลายเรื่อง

เมื่อ พล.อ.ธีระชัยขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.อุดมเดช จึงมีการเปลี่ยนแปลงทั้งภูมิทัศน์ ฮวงจุ้ย รวมถึงตามมาด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารทั้งระดับผู้การกรม และผู้พัน จนถึงระดับนายพลเลยทีเดียว จนกลายเป็นตำนานรอยร้าวใน ทบ.

และส่งผลให้น้ำพุหน้ากองทัพบกถูกปิดตายมายาวนานจนปัจจุบัน

ขณะที่ทุ่งดอนเมือง แม้ว่าบิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ.คนใหม่ จะประกาศสร้างความรักความสามัคคีและอยู่ด้วยกันอย่างพี่น้อง และจัดการแข่งขันกีฬากอล์ฟกระชับความเป็นพี่น้องระหว่างรุ่นเตรียมทหาร 21 ถึงเตรียมทหาร 28 แล้วก็ตาม

แต่ผลพวงของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยุคของบิ๊กแอร์ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ.คนก่อน กับบิ๊กนัต พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ อดีต ผบ.ทอ. ยังคงมีอยู่

เพราะยังคงมีใบปลิวอิเล็กทรอนิกส์ส่งต่อกันทางไลน์ และมีปรากฏในสื่อด้วย โจมตีนายทหารที่เป็นน้องรักของ พล.อ.อ.แอร์บูล และนายทหารที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไข TOR โครงการสำคัญต่างๆ ของกองทัพอากาศที่เป็นต้นเหตุของปัญหาทำให้ 2 อดีต ผบ.ทอ.ขัดแย้งกัน

ด้วยเพราะ พล.อ.อ.นภาเดชก็ยังถูกมองว่าเป็นเพื่อนสนิท ตท.21 ของ พล.อ.อ.แอร์บูล และ พล.อ.อ.แอร์บูลสนับสนุนให้ได้เป็น ผบ.ทอ.

อีกทั้งยังเห็นว่า พล.อ.อ.แอร์บูลได้ทำตามกฎระเบียบและยึดผลประโยชน์ของกองทัพอากาศเป็นหลัก จึงทำให้ถูกพาดพิงไปด้วย

แต่ดูเหมือนว่าฝ่าย พล.อ.อ.แอร์บูล และ พล.อ.อ.นภาเดช จะพยายามที่ไม่ให้ความสำคัญกับความเคลื่อนไหวเหล่านี้ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นจากรอยร้าวในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ที่ถือเป็นการท้าทาย พล.อ.อ.นภาเดชในการแก้ปัญหาอย่างยิ่ง

ดังนั้น แม้จะเป็นความขัดแย้งรอยร้าวเล็กๆ ในเหล่าทัพ แต่ก็ไม่อาจมองข้ามว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่ก็มีรอยร้าวในคีย์แมนการเมืองเช่นกัน