โลกหมุนเร็ว/โลกีย์ แบบ กีย์ เดอ โมปาส์ซังต์

โลกหมุนเร็ว/เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง [email protected]

โลกีย์ แบบ กีย์ เดอ โมปาส์ซังต์

สําหรับคนรุ่นใหม่ที่เรียกกันว่ามิลเลนเนียล จะพิสูจน์กันว่าเป็นนักอ่านที่แท้จริงก็ต้องถามว่า คุณอ่าน “รงค์ วงษ์สวรรค์ อุษณา เพลิงธรรม และ กีย์ เดอ โมปาส์ซังต์ หรือเปล่า

เพราะว่าสิ่งที่คนรุ่นใหม่อ่านกันคือวรรณกรรมที่อยู่บนโซเชียลมีเดีย

นักอ่านคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าเดี๋ยวนี้เธอติดตามงานเขียนของนักเขียนรุ่นใหม่ๆ จากเว็บ บางคนที่เธออ่าน เขียนได้ดีมาก และเธอว่าปัจจัยหนึ่งที่เธอเข้าไปอ่านเขียนในเว็บก็เพราะมันสามารถอ่านได้ฟรี

สำหรับนักดนตรี ก่อนจะก้าวขึ้นเป็นมืออาชีพ ก็ต้องผ่านการเล่นบทเพลงบางบทเพลงเสียก่อน สำหรับนักอ่านก็เหมือนกัน มีไตเติลบางไตเติลที่ต้องอ่าน จึงจะเรียกว่าเป็นนักอ่าน

งานของ กีย์ เดอ โมปาส์ซังต์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น

เป็นเรื่องบังเอิญที่นักเขียนผู้นี้มีชื่อว่า กีย์ เพราะว่าเรื่องของเขาขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องที่ข้องแวะกับโลกีย์ของมนุษย์ จะว่าเขาเป็นเจ้าพ่อในเรื่องโลกีย์ก็ไม่ผิดแน่ๆ

แต่เป็นเรื่องโลกีย์ที่ผู้อ่านอย่าหวังที่จะอ่านเพื่อความวาบหวาม เพราะเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่อง “โป๊” อย่างที่ภาษาตลาดจะตีตรา

เพราะว่าเป็นเรื่องโลกีย์ แต่ไม่โป๊นี่แหละจึงชวนติดตาม

เป็นงานคลาสสิคที่อ่านได้ไม่รู้เบื่อ

กีย์ เดอ โมปาส์ซังต์ มาจากตระกูลคนชั้นสูง ฝักใฝ่ใช้ชีวิตคลุกคลีกับเรื่องราวโลกีย์ และมีอาการซิฟิลิสขึ้นสมองในวัยสามสิบแปด ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลโรคจิตและเสียชีวิตในวัยสี่สิบสาม เขียนเรื่องสั้นไว้ 260 เรื่อง ร่ำรวยด้วยรายได้มหาศาล เขาถูกยกย่องให้เป็น “อัจฉริยะและราชาเรื่องสั้นของโลก” ขนาดนั้น

ผู้เขียนพบหนังสือชุดเรื่องสั้นของกีย์ในแบบกระดาษสีเหลืองเก่าคร่ำ เป็นฉบับแปลไทยและพิมพ์ครั้งที่ 4 ผู้แปลคือ อาษา ขอจิตต์เมตต์ ที่ผูกขาดการแปลเรื่องของโมปาส์ซังต์ มาแต่ไหนแต่ไร

ชื่อผู้เขียนกับผู้แปลเรียกว่าขั้นเทพพอๆ กัน

ชีวิตมนุษย์ก็วนเวียนอยู่กับโลกีย์ด้วยกันทั้งนั้น โมปาส์ซังต์ดึงเอาเรื่องราวโลกีย์ในมุมต่างๆ ของผู้หญิงกับผู้ชายมาเป็นตัวเดินเรื่องได้หลากหลายแง่มุม

เรื่องสั้นของเขาซึ่งจบลงอย่างเต็มอิ่มเสมอสามารถเล่าสั้นๆ ได้ไม่กี่ประโยค แต่ที่สนุกคือลีลาการเขียนที่นำไปสู่จุดสุดท้าย

อย่างเช่นเรื่อง The Wise Man หรือในภาคไทยว่า “นโยบายของชายฉลาด” นี้ เนื้อเรื่องคือชายสองคนเป็นเพื่อนรักกันมาก ต่อมาเพื่อนคนหนึ่งตกหลุมรักหญิงสาวเจ้าเสน่ห์รายหนึ่งและแต่งงานกับเธอ ทำให้ห่างเหินกันไป

หลังแต่งงานเพื่อนที่เป็นโสดได้พบเพื่อนที่แต่งงานและรู้สึกว่าเพื่อนช่างซูบซีดทรุดโทรม

เพื่อนที่แต่งงานได้เล่าให้ฟังว่าเพราะภรรยาของเขาใช้งานเขาบนเตียงวิวาห์หนักหน่วงมาก

เพื่อนโสดจึงแนะนำว่าให้หาตัวแทนมาทำหน้าที่นี้จะดีไหม แล้วก็คิดว่าเพื่อนคงไม่กล้าทำ

อีก 6 เดือนต่อมาได้พบกันอีก เพื่อนก็กลับมามีน้ำมีนวลแข็งแรง ยิ้มย่องผ่องใส เพื่อจะเฉลยว่าทำไมจึงเชิญเขาไปกินข้าวที่บ้าน ที่นั่นเขาได้พบว่านอกจาก 3 คน ยังมีแขกรับเชิญหนุ่มล่ำมากินข้าวด้วยอีกคน

จากนั้นเพื่อนรักทั้งสองก็ขอตัวออกไปเดินเล่น ทิ้งภรรยาสาวให้อยู่กับหนุ่มล่ำ ซึ่งคำตอบก็เป็นอันรู้กัน

ผู้เขียนอยากชวนให้อ่านเองเพื่อความบันเทิงในแต่ละตัวอักษร

อีกเรื่องหนึ่งชื่อ พ่อของซิม็อง หรือ Simon”s Father เรื่องนี้ใสสะอาด อ่านจบนอนหลับสบายพร้อมกับรอยยิ้ม

โมปาส์ซังต์ใช่ว่าจะเขียนแต่เรื่องโลกีย์ พล็อตเรื่องนี้เป็นแบบที่ให้ลูกเป็นพ่อสื่อให้แม่ได้แต่งงานในที่สุด

ตอนต้นเรื่องนั้นแสนเศร้า วิธีเล่าเรื่องของโมปาส์ซังต์ตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อน สื่อถึงความต้องการพื้นฐานของเด็กที่ต้องการมีทั้งพ่อและแม่ เด็กชายซีม็องโดนเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่ออย่างหนัก

เขากลุ้มใจจนคิดจะไปกระโดดน้ำตาย

แต่แล้วมืออันปรานีของช่างเหล็กร่างยักษ์ชื่อฟิลิปก็ยื่นเข้ามารั้งเขาไว้

เขาบอกกับฟิลิปตรงๆ ว่าเขาอยากตายเพราะไม่มีพ่อ

ฟิลิปก็บอกว่าจะยากอะไร ก็ไปบอกเพื่อนว่าพ่อชื่อฟิลิปสิ

ซิม็องก็ไปบอกเพื่อนอย่างนั้น เพื่อนก็ยังไม่จบ ท้าว่าพ่อของเธอก็ต้องเป็นผัวของแม่ แต่นี่ไม่ใช่

ซิม็องจึงไปบอกฟิลิปให้มาขอแม่แต่งงาน ในที่สุดฟิลิปก็ทำตามนั้น

โมปาส์ซังต์ จบเรื่องนี้ว่า “วันรุ่งขึ้นเมื่อนักเรียนเข้าห้องเต็มและใกล้จะลงมือเรียน ซิม็องน้อยยืนขึ้น หน้าซีดและพูดปากสั่นแต่ชัดถ้อยชัดคำ “พ่อของฉันคือ ฟิลิป เรอมี ช่างตีเหล็ก และพ่อสัญญากับฉันว่าจะชกกกหูเด็กทุกคนที่มารังแกฉัน” คราวนี้ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดหัวเราะเยาะเขาอีก ทั้งนี้ก็เพราะ ฟิลิป เรอมี ช่างตีเหล็ก เป็นคนที่ใครๆ ก็รู้จักดี และทุกคนในโลกจะภูมิใจที่ได้เขามาเป็นพ่อ”

เรื่องสั้นของ กีย์ เดอ โมปาส์ซังต์ น่าจะเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาที่ได้อ่านกัน

ผู้เขียนจำไม่ได้ว่าที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ใช้เป็นหนังสือนอกเวลาหรือไม่

ในยุคนี้คงไม่มีการถือสากันแล้วว่าหนังสือของเขาเป็นหนังสือโป๊

เพราะในความเป็นจริงแม้จะมีชื่อเสียงไปในทางนั้น แต่เอาเข้าจริงมันมีดีกรีแห่งความโป๊น้อยมากๆ

เสน่ห์ของเรื่องสั้นของเขาคือการมองทะลุถึงจิตใต้สำนึกของตัวละครและพล็อตเรื่องที่แปลกหลากหลายมากกว่า

ยังมีเรื่องของนักเขียนคนนี้อีกมากมาย อ่านได้ไปเรื่อยๆ ทีเดียวละค่ะ