เปิด ปท.-ขอเวลา 5 ปี ‘ประยุทธ์’ เกม เล่น ลุ้น (หนี) ตาย

ดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่มีทางเลือกมากนัก

สำหรับการเปิดประเทศภายใน 120 วัน อย่างที่เคยประกาศไว้เมื่อ 16 มิถุนายน และจะครบกำหนดวันที่ 14 ตุลาคม

เพราะหากไม่สามารถเปิดได้ตามประกาศ

ก็เท่ากับเป็นตอกย้ำว่าการแก้ไขปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ล้มเหลว

ดังนั้น จึงจำต้องเล่น “เกมเสี่ยง”

โดยเมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 11 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย

เดินหน้าเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน

 

พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า หลังจากทุกคนเสียสละอย่างมหาศาล อดทนเจอกับความยากลำบากในการทำมาหากิน สูญเสียรายได้ สูญเสียเงินเก็บ ธุรกิจพัง

วันนี้ ความเสี่ยงในเรื่องการสูญเสียชีวิตที่จะเกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย กำลังค่อยๆ ลดลง

ถึงแม้ว่าความเสี่ยงนั้นจะยังมีอยู่ และยังต้องระวังอยู่ก็ตาม

ตอนนี้ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องค่อยๆ เตรียมตัว กล้าที่จะเผชิญหน้ากับโควิด-19

จึงอยากประกาศหนึ่งก้าวเล็กๆ แต่เป็นก้าวที่สำคัญ ที่เรากำลังจะเดินหน้า บนเส้นทางที่จะช่วยให้พี่น้องประชาชนสามารถกลับมาทำมาหาเลี้ยงตัวเองกันได้อีกครั้ง

จึงได้สั่งการให้ ศบค.และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิจารณา โดยตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยไม่ต้องกักตัว

 

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข

– ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว

– เดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศ

– มาจากประเทศที่ความเสี่ยงตํ่าย่างน้อย 10 ประเทศ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และอเมริกา

– ต้องมีหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR

– ตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้นอีก ภายในวันที่ 1 ธันวาคม และหลังจากนั้น ภายในวันที่ 1 มกราคม เราจะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้น อย่างกว้างขวาง

– ผู้ที่มาจากประเทศที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศความเสี่ยงตํ่า จำเป็นต้องมีการกักตัวตามเงื่อนไขและข้อกำหนด

– ภายในวันที่ 1 ธันวาคม จะพิจารณาอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ และจะพิจารณาอนุญาตให้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสถานบันเทิง เปิดให้บริการได้

 

พล.อ.ประยุทธ์ออกตัวไว้ว่า รู้ว่าการตัดสินใจแบบนี้มีความเสี่ยง

เมื่อเริ่มต้นการผ่อนคลายต่างๆ จะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นการชั่วคราว ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประเมินดูว่าจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไร โดยต้องไม่ปล่อยโอกาสนี้

เพราะถ้าต้องเสียโอกาสในช่วงเวลาทองของการทำมาหากินไปอีก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ประชาชนคงรับมือไม่ไหวอีกต่อไป

ถ้าในสองสามเดือน หรือสี่เดือนข้างหน้า มีสายพันธุ์ใหม่ที่อันตรายมากๆ เกิดขึ้นอีก แน่นอนว่าต้องจัดมาตรการที่เหมาะสมและพอเหมาะพอดี มาจัดการคุมสถานการณ์เอาไว้ให้ได้

ทั้งการเปิดประเทศครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์อ้างว่าอยู่ภายใต้ความสำเร็จหลายเรื่อง

ไม่ว่า จนถึงสิ้นปีไทยจะมีวัคซีนจำนวนมากกว่า 170 ล้านโดส

ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในโลก ปัจจุบันสามารถฉีดวัคซีนได้มากกว่า 700,000 โดสต่อวัน

นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเริ่มเปิดประเทศ

 

ด้วยเหตุผลในเชิงบวกดังกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์จึงตัดสินใจเดินหน้าเล่นเกมเสี่ยง ซึ่งดีกว่าชะลอการเปิดประเทศออกไป

เพราะนั่นจะทำให้ “เสียการเมือง” มากกว่า

ต้องไม่ลืมว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะยืนยันว่าจะยังไม่มีการยุบสภาขณะนี้

แต่พฤติกรรมทั้งนายกฯ ยันไปถึงรัฐมนตรี รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ที่ลงพื้นที่กันถี่ยิบ

กลับเป็นตัวสะท้อนว่า การเมืองอาจจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้

ดังนั้น จะต้องเร่งดำเนินการสิ่งที่เป็นประโยชน์ทางการเมืองให้มากที่สุด

แน่นอน การเปิดประเทศย่อมดีกว่าการเลื่อนออก

การเสี่ยงไปลุ้นวันข้างหน้า น่าจะคุ้มค่ากว่า คือหากเศรษฐกิจพอจะขับเคลื่อนไปได้ ขณะที่การระบาดของโรคโควิด-19 ไม่เหนือบ่ากว่าแรง

ก็น่าจะเป็นแรงส่งในการกวาดคะแนนนิยม

หรือหากเลวร้ายสุดคือโรคกลับมาระบาด การกลับมาปิดประเทศรอบใหม่ ก็พอมีข้ออ้างหรือเหตุผลที่จะกระทำ ว่าจำต้องควบคุมโรคเอาไว้ให้ได้ก่อน

แม้จะเสียเครดิตไปบ้าง แต่ก็น่าจะอธิบายได้

จึงเดินหน้าเสี่ยงเปิดประเทศดีกว่า

เพราะหาก “พอไปได้” ก็น่าจะคุ้มค่ากับการเสี่ยง

ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้แย้ม “อนาคตทางการเมือง” ของตนเอง ระหว่างเดินทางไปลงพื้นที่นครศรีธรรมราช เมื่อเร็วๆ นี้

โดยบอกกับประชาชนว่าขอเวลาอีก 5 ปี ทุกอย่างจะดีขึ้น

ซึ่งได้กลายเป็น “คีย์เวิร์ด” สำคัญ

เพราะมีการตีความคำพูดดังกล่าวว่า เป็นสัญญาณจาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะลุ้นอยู่ในอำนาจต่ออีกสมัย

นั่นก็หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์จะต้องพร้อมเล่นเกมเสี่ยง

เพื่อกระชับอำนาจ

กระชับความนิยมเอาไว้ในมือ

แน่นอน การเปิดประเทศ คือหนึ่งในเกมเสี่ยงนั้น

 

และอีกหนึ่งในเกมเสี่ยง นั่นคือการเล่มเกมแห่งการช่วงชิงอำนาจในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

โดยเบื้องต้นที่สุด การที่จะขอเวลาต่อไปอีก 5 ปี นั่นก็หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์จะต้องได้รับการสนับสนุนจาก พปชร.อย่างเหนียวแน่น

แต่ก็อย่างที่ทราบกัน พลันที่เกิดปัญหากับเลขาธิการพรรคอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองก็เกิดขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ไม่อาจวางใจได้ 100% กับพรรค พปชร.

ที่จับตากันมากนั่นคือ พล.อ.ประยุทธ์จะยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พปชร.อีกสมัยหรือไม่

เพราะ ร.อ.ธรรมนัสย่อมไม่สุกงอมกับ พล.อ.ประยุทธ์เหมือนเดิม

และแสดงจุดยืนที่แคนดิเดตอาจจะไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์

ภาวะดังกล่าวจึงนำไปสู่ปรากฏการณ์ที่เห็น คือการช่วงชิงการนำในพรรค พปชร.อย่างเข้มข้น

โดยเฉพาะฝั่งฟาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่มิได้เข้าไปอยู่ในพรรคโดยตรง จำเป็นต้องเล่น “สงคราม” ตัวแทน

จึงได้เห็นภาพของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ถูกส่งเข้าไปเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร. ท่ามกลางกระแสข่าวต่างๆ

เช่น การจะเข้าไปควบคุมงานด้านต่างๆ ของพรรค

หรือแม้กระทั่ง ขั้นจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ สำรองหาก พล.อ.ประยุทธ์เกิดสะดุดหรือมีปัญหา

อันสะท้อนว่าการเข้าเป็นสมาชิกพรรคของนายพีระพันธุ์มิได้เข้าไปแบบธรรมดา หากแต่มุ่งที่จะไปถ่วงดุลกลุ่มต่างๆ ในพรรคด้วย

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ก็ใช้ความสัมพันธ์กับรัฐมนตรีเป็นกระดานหกเข้าไปหา ส.ส.ที่อยู่ในสังกัดของรัฐมนตรี ไม่ว่ากลุ่มของสามมิตร กลุ่มของนายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นอาทิ

อันทำให้ฝ่ายของ ร.อ.ธรรมนัสที่เกาะเกี่ยวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่อย่างเหนียวแน่น มิอาจเคลื่อนไหวได้โดยอิสระ หากแต่มีตัวแทนของฝั่งฟาก พล.อ.ประยุทธ์ถ่วงดุลอยู่โดยตลอด

เกมแห่งการช่วงชิงอำนาจในรัฐบาล-พรรค พปชร.ดำเนินไปอย่างยืดเยื้อ

ต่างฝ่ายต่างต้องหาเงื่อนไขมาสนับสนุน

แน่นอนที่สุด เกมเสี่ยงเปิดประเทศจึงเป็นความวาดหวังของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าน่าจะเรียกคะแนนนิยมกลับมาที่ตนเองและรัฐบาล

แต่กระนั้น ต้องยอมรับมีแรงเสียดทานทางการเมืองปรากฏอยู่ไม่น้อย

ตัวอย่างเช่น หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์แถลงเปิดประเทศเสร็จสิ้น

โลกออนไลน์พากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างล้นหลาม ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับแถลงการณ์ครั้งนี้ เพราะมองว่าประเทศไทยยังไม่พร้อมรับมือในหลายเรื่อง

จึงพากันติดแฮชแท็กประยุทธ์ พุ่งติดเทรนด์อันดับหนึ่งของทวิตเตอร์ โดยมียอดสูงเกือบ 1 ล้านทวีตเลยทีเดียว

เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย (พท.) คณะทำงานด้านต่างประเทศ นำโดยนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สมาชิกพรรค ออกมาตั้งข้อสงสัย

โดยนายเผ่าภูมิกล่าวว่า พรรค พท.ไม่ปฏิเสธการเปิดประเทศ และไม่ปฏิเสธการตั้งเป้าหมายสู่การเปิดประเทศ

แต่ปฏิเสธการตั้งเป้าหมายแบบเลื่อนลอย ไร้การดำเนินการรองรับ

ฉะนั้น สาระสำคัญคือการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ คำถามจึงไม่ใช่ “เปิดหรือไม่”

แต่กลับเป็น “เปิดอย่างไร” และ “เตรียมพร้อมอย่างไร”

มองดูที่ความพร้อม สิ่งที่เจอคือความไม่พร้อม เช่น ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ห่างไกลความจริง

จังหวัดที่ตั้งเป้าเปิดรับนักท่องเที่ยวยังเป็นจุดศูนย์กลางของการติดเชื้อ

ระบบสาธารณสุขยังคาบเส้นศักยภาพของระบบ

ต่างชาติก็ไม่มีความเชื่อมั่น สหรัฐอเมริกาจัดไทยเป็นประเทศสีแดง อยู่ระดับความเสี่ยงสูงสุด แนะนำ ‘ให้หลีกเลี่ยงการเดินทาง’ ตลาดจีน ญี่ปุ่น ตลาดยุโรป ยังปิด

จึงมองไม่เห็นเลยว่านักท่องเที่ยวจะมาจากไหน ทั้งหมดเพราะรัฐบาลบริหารล้มเหลว ทำให้วันนี้ประเทศต้องเปิดท่ามกลางความเสี่ยงสูง

เปิดก็เสี่ยงตาย ไม่เปิดก็อดตาย

ขณะที่โทนี่ วู้ดซัม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เสนอให้เปิดประเทศใน 180 วัน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ชิงตัดหน้าเปิดใน 120 วัน กล่าวในรายการ CareTalk x Care Clubhouse หัวข้อ “7 ปีพัง ขออีก 5 ปีคงพินาศ ฮัลโลคนไทยไว้ใจประยุทธ์ได้หรือ?” ว่า แม้ชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ที่บอกจะเปิดประเทศให้ได้ใน 120 วัน แล้วก็ทำได้ แต่ควรอยู่บนเงื่อนไขอีกเยอะ เช่น ต้องมีวัคซีนฉีดให้ได้ 60-70% วัคซีนต้องคุณภาพถึงด้วย และเตรียมยารักษาด้วย

“แต่วันนี้รัฐบาลบริหารแบบเช้าชาม เย็นชาม ไม่ได้เร่งสปีดเท่าที่ควร” นายทักษิณบอกอย่างไม่เชื่อมั่น

ท่าทีเหล่านี้ ล้วนสะท้อนว่า สังคมและฝ่ายการเมืองมีความเป็นห่วงในเกมเสี่ยงที่ พล.อ.ประยุทธ์เล่นไม่น้อย

ยิ่งความเสี่ยงนี้ มิใช่เพียงปัญหาโรคระบาดเท่านั้น

หากถูกพ่วงไปกับเงื่อนไขการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองด้วย

ซึ่งอาจทำให้การแก้ไขอาจจะเบี่ยงเบนจากสิ่งที่ควรจะเป็น

นั่นยิ่งจะเพิ่มความเสี่ยงให้มากยิ่งขึ้น

ก็คงต้องติดตามว่า “ประยุทธ์เกม” ซึ่งเชื่อมโยงกับการเปิดประเทศและต่อเนื่องไปถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในอนาคตด้วย

จะต้อง เล่น ลุ้น (หนี) ตาย อย่างระทึกเช่นใด และผลจะออกมาแบบไหน!!