ข้อห่วงใยในที่ประชุม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐจากปากของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ต่อการทะยานขึ้นมาอย่างรวดเร็วของพรรคก้าวไกล มิได้เป็นความห่วงใยในลักษณะวิตกจริต

ตรงกันข้าม เป็นความห่วงใยที่มีหลักฐานในทางวิทยาศาสตร์รองรับในสภาพที่ภายในพรรคพลังประชารัฐกำลังปั่นป่วนรวนเร

เป็นความห่วงใยจากการสำรวจของ”นิด้า โพล”

เป็นการเปลี่ยนแปลงในห้วง 3 ไตรมาสที่มีการสำรวจอย่างต่อเนื่องจากเดือนมีนาคม ไปยังเดือนมิถุนายนและล่าสุดก็คือผลที่ปรากฏในเดือนกันยายน

คะแนนนิยมต่อพรรคการเมืองอันดับ 1 เป็นของพรรคเพื่อไทย อย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครชิงได้ โดยพรรคพลังประชารัฐรั้งอันดับ 2 ในการสำรวจเดือนมีนาคม

การแปรเปลี่ยนบังเกิดขึ้นในการสำรวจใน 2 ไตรมาสหลัง

นั่นก็คือ เดือนมิถุนายนพรรคก้าวไกลได้ 1451 ขณะที่พรรคพลังประชารัฐได้ 10.70 และเดือนกันยายน พรรคก้าวไกลได้ 15.11 ขณะที่พรรคพลังประชารัฐหล่นลงไปเป็น 9.51

 

การทะยานขึ้นมาของพรรคก้าวไกลในเดือนมิถุนายนและเดือนกันยายน ท่ามกลางการหล่นร่วงของพรรคพลังประชารัฐมิได้เป็นเรื่องของอุบัติเหตุหรือความบังเอิญ

ตรงกันข้าม มีความสัมพันธ์กับคะแนนและความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

การสำรวจเดือนมีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ 28.79 ขณะที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้เพียง 6.26 แต่ความน่าสนใจอยู่ที่ การลดลงและการทะยานขึ้น

เดือนมิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลดลงมาเป็น 19.32 และเดือนกันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลดลงมาเป็น 17.54

ขณะที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จาก 5.45 เป็น 11.45

 

หากมองจากตัวเลขคะแนนและความนิยมของ นายพิธา ลิ้มเจริญ รัตน์ อาจยังเป็นรอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นอย่างมาก แต่อย่าลืมคะแนนของพรรคก้าวไกล กับ พรรคพลังประชารัฐ

และอย่าลืมมรสุมที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสบ

ทั้งยังเป็นการประสบจากการปะทะและขัดแย้งกับพรรคพลังประชารัฐในลักษณะประลองพลังอย่างแหลมคม

ขณะที่พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก้าวไปข้างหน้า