2503 สงครามลับ สงครามลาว (46)/บทความพิเศษ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

บทความพิเศษ

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

 

2503 สงครามลับ

สงครามลาว (46)

 

“หัวหน้าใจ” ร.ต.ประจักษ์ วิสุตกุล บันทึกเหตุการณ์เมื่อทหารเวียดนามเหนือจู่โจมเข้าฐานของทหารไทยที่บ้านนาเมื่อคืน 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2513 ก่อนการรบใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอีก 2 เดือนถัดมาต่อไป ดังนี้…

ตอนบังเกอร์ผมระเบิด ผมได้ยินเสียงลูกน้องตะโกนว่า “เฮ้ย…หนีเว้ย ผู้หมวดตายแล้ว” ผมรีบตะโกนตอบทันที “อย่าหนี ผู้หมวดยังอยู่…สู้ตาย ไม่ต้องกลัวมัน” ทำให้ทหารรู้ว่าผมยังไม่ตาย มีหลายบังเกอร์ซ้ายมือผมไม่ออกมาสู้ หลบเข้าไปกอดกันกลมด้วยความกลัวข้าศึก ผมเข้าไปกระชากลูกน้องออกมา บอกให้สู้มัน ไม่ต้องกลัว สู้ตาย ผมตะโกนให้สู้ไปขว้างระเบิดไปด้วยเพราะเห็นมันกำลังคืบคลานเต็มไปหมดในฐาน

ลูกน้องเริ่มมีขวัญดีเริ่มออกมาสู้แล้ว ผู้บังคับหมู่เข้าคุมทหารสู้ ผมให้ ผบ.หมู่ที่อยู่กับผมตรวจแนวและบังเกอร์ว่ามีใครยังอยู่บ้าง ซ้าย-ขวาเรายังมีอยู่แค่ไหน ทราบว่าเหลือแค่ประมาณ 2 หมู่ ส่วนหมู่ด้านเหนือไม่ทราบชะตากรรม ติดต่อกันไม่ได้ บางจุดเราได้ยินเสียงต่อสู้กันในบังเกอร์ พวกมันยังกวาดล้างพวกเราด้วยการโยนระเบิดมัดข้าวต้มเข้าตามบังเกอร์ เสียงระเบิดดังอยู่ตลอดเวลา พวกเราที่ทนแรงอัดไม่ไหวก็กระเสือกกระสนออกมา มันก็ยิงซ้ำ ใครอยู่ในบังเกอร์มักตายจากแรงอัดระเบิดและไม่มีโอกาสได้สู้

เรายังคงใช้ระเบิดขว้างขว้างใส่ข้าศึกตลอดเวลา แต่ไม่มากเท่าตอนแรก บางคนเห็นข้าศึกก็ใช้เอ็ม 16 ยิง แต่ก็ถูกยิงสวนด้วย RPG ทันที

ผมสั่งห้ามใช้ปืนเล็กยิงเพราะจะถูกสวนด้วย RPG

 

ขณะที่เรากำลังต่อสู้กับข้าศึกในฐานอยู่นั้น ปรากฏเสียงนกหวีดดังขึ้นและข้าศึกได้ชาร์จมาทางด้านหลังหลายสิบคนโดยพยายามใช้ไม้พาดลวดหนามโถมเข้ามา ผมได้สั่งการให้หันกลับไปสู้ด้านหลังทันทีโดยใช้ระเบิดขว้างและเอ็ม 60 ยิงกราดใส่พวกมันจนตายคาลวดหนามหลายคนและหยุดการบุกที่จะเข้าไปรวมกับพวกหรือช่วยพวกมันในฐาน

ผมขว้างระเบิดอีกหลายลูกในขณะที่มันถอยลงเนินไป ข้าศึกได้ขว้างระเบิดแบบสากกะเบือมาอีกหลายลูกต่อต้านการใช้ระเบิดขว้างของเรา ผมสั่งการให้ทหารทุกคนออกจากคูมานอกคูใกล้แนวลวดหนาม ระเบิดตกลงคูทำให้พวกเราบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคน

สถานการณ์การต่อสู้ดูจะเบาบางลงแล้วหลังจากที่เราสกัดข้าศึกด้านนอกมีให้เข้ามาในฐานเพื่อ link up กับข้าศึกภายในไว้ได้ ผมได้สั่งการให้ ผบ.หมู่และทหารช่วยกันตรวจแนวของฝ่ายเราอีกครั้ง และสำรวจว่าพวกเรายึดแนวเขตได้แค่ไหน ซึ่งทราบว่าเรายังรักษาแนวไว้ได้ 2 หมู่กว่าๆ ประมาณครึ่งหนึ่งของแนวฐานและสั่งการให้ ผบ.หมู่ควบคุมด้านซ้ายและขวาให้ดี เอาคนเจ็บเข้าไปรักษาพยาบาลในบังเกอร์ไว้ก่อนเท่าที่จะทำได้ ใครไม่มีอาวุธกระสุนให้เอาจากเพื่อนที่ตายหรือบาดเจ็บ ให้ทุกคนเฝ้าตรวจไปข้างหน้าและระวังด้านหลังด้วย

ผมได้เอาเอ็ม 16 ของทหารที่ตายมาใช้ เพราะไม่มีลูกระเบิดขว้างเหลือแล้ว แต่จะไม่พยายามใช้นอกจากจำเป็นเท่านั้น

ทหารปืนใหญ่ที่อยู่ติดกับเราก็ถูกข้าศึกโจมตี ได้ยินเสียงระเบิดและมีการยิงปืนใหญ่ต่อต้านข้าศึกด้วยกระสุน Bee Hive (กระสุนลูกดอกดาวกระจาย) และกระสุนแตกอากาศ แต่ดูแล้วข้าศึกทำการเจาะแนวเข้าไปไม่ได้ ฐานเรายังคงลุกไหม้และมีการระเบิดเป็นระยะๆ จากวัตถุระเบิดต่างๆ ตามบังเกอร์ที่ไฟไหม้

ไม่มีใครช่วยเราได้ ต่างฐานต้องระวังตนเองและต่อสู้ตามลำพัง การติดต่อสื่อสารถูกตัดขาดจาก บก.พัน และจากสถานการณ์ก็ทราบว่า บก.พันก็ถูกข้าศึกโจมตีด้วยเช่นกัน ยกเว้นทหาร บก.กองร้อย BI- 15 กับหมวดปืนเล็ก 2 ที่อยู่ห่างออกไปด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือไม่ถูกโจมตีเลย

 

สถานการณ์ต่างๆ เงียบลงมีแต่เสียงคนเจ็บร้องโอดโอยทั้งของมันและของเรา เราก็พยายามปฐมพยาบาลและไม่ให้ร้องเพื่อขวัญและกำลังใจ และไม่ต้องการให้ข้าศึกได้ยิน ผมดูนาฬิกาแต่มันไม่เดินแล้วเนื่องจากโดนแรงอัดระเบิดอย่างแรง แต่คาดว่าน่าจะใกล้ 05.00 น.ใกล้สว่างแล้ว ผมได้เห็นพลุส่องสว่างลูกหนึ่ง ถูกยิงจากด้านล่างหุบเขาด้านทิศตะวันตกสว่างเหนือฐานเรา น่าจะเป็นพลุของข้าศึกที่ส่งสัญญาณให้ถอนตัว

ผมสั่งการให้กำลังพลที่เหลือเตรียมอาวุธให้พร้อมเพื่อยึดฐานคืนและกวาดล้างข้าศึกที่หลงเหลืออยู่ เมื่อแสงสว่างเริ่มรำไร ผมสั่งการกำลังที่เหลือออกจากคูเรดรูปขบวนหน้ากระดานเข้ากวาดล้างข้าศึกที่ยังหลงเหลือทันที

มันกำลังหนีตายคลานออกมาจากฐานเรา คนบาดเจ็บก็จัดการมันให้เรียบร้อยไม่ต้องทรมานอีกต่อไป ไม่มีความปรานีเหลืออยู่อีกแล้วสำหรับพวกมัน เราไล่ยิงมันได้อีกหลายคนขณะกำลังคลานหนี พบศพของพวกเราและพวกมันในฐาน ผมยังไม่สามารถนับได้ ยามของเราในป้อมด้านทิศเหนือติดฐานแม้วโดนมันเชือดคอไป 2 คน ผบ.หมู่ 2 คนเสียชีวิตทั้งหมดทั้ง 2 หมู่พร้อมทหารอีกหลายคนเนื่องจากโดนระเบิดและยิงซ้ำด้วย AK-47 ศพพวกมันเกลื่อนฐานเราไปหมด ส่วนใหญ่ตายด้วยระเบิดเอ็ม 26 ของเราที่ใช้ไปหลายร้อยลูก

บางบังเกอร์มีการต่อสู้กันด้วยมีดดาบปลายปืน กอดปล้ำกัน ทั้งมันทั้งเราตายทั้งคู่ แสดงให้เห็นถึงความเป็นทหารชาตินักสู้ของพวกเราที่สู้อย่างถวายชีวิตเช่นกัน

และต้องยอมรับนับถือความเป็นนักสู้ของพวกมันด้วยเช่นกันมันไม่ยอมเป็นเชลยเราแม้แต่คนเดียว

 

ประมาณ 06.30 น.ของวันที่ 26 พฤศจิกายน การต่อสู้กับหน่วยดักกงแซปเปอร์ของหมวด 1 BI-15 ส่วนของกองพัน BI-15 และฐานปืนสิ้นสุดลง

ผมสำรวจความเสียหาย ผมเสียทหารและ ผบ.หมู่ไป 10 กว่านาย รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ประมาณ 50% บางรายบาดเจ็บเล็กน้อยและบาดเจ็บสาหัสต้องส่งกลับอุดรฯ

ผมเหลือกำลังพลประมาณ 20 กว่านาย ทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิตเกินครึ่งหนึ่ง

ส่วนข้าศึกเสียชีวิตนับศพได้ 42 นาย ไม่มีเชลย เรายึดปืน AK-47 แบบพับฐานได้จำนวนมาก RPG ระเบิดมัดข้าวต้มจำนวนมาก รวมทั้งยุทโธปกรณ์และเครื่องมือสื่อสารอีกจำนวนหนึ่ง

ส่วนศพของข้าศึกเราฝังรวมไว้ที่บ้านนาทั้งหมด

ประมาณ 10.00 น.ของวันที่ 26 พฤศจิกายน ทาง บก.ใหญ่ 333 ล่องแจ้งได้ส่งหัวหน้าใหญ่ด้านส่งกำลังมาเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือพวกเราที่สมรภูมิบ้านนา จำได้ว่าคืออาจารย์หม่อม ผมดีใจมากท่านมาเยี่ยมผมที่ฐาน ท่านคงเห็นสภาพทุเรศของผมที่โทรมอย่างหนักเหลือแต่ชุดขาสั้นกับเสื้อคอกลมตัวเดียวกับปืน M 16 ติดตัว บังเกอร์ผมระเบิดเป็นจุณไม่เหลือสิ่งของใดๆ ท่านมอบชุดและผ้าห่มให้ผมและทหาร รวมทั้งอาหาร ผมต้องขอบคุณท่านมากและท่านเป็นอาจารย์สอนผมในโรงเรียนนายร้อยด้วย

ผมในฐานะนักรบนิรนามขอสดุดีเพื่อนทหารที่ร่วมรบกับผมทุกๆ คน ทั้งที่ยังมีชีวิตและเสียชีวิตไปแล้ว ผมภูมิใจที่มีลูกน้องอย่างพวกเขาที่ทำให้ผมโชคดีและยังมีชีวิตรอดอยู่มาจนทุกวันนี้

ต้องขอบคุณทุกคนด้วยความจริงใจ

ขอให้เพื่อนทหารที่สละชีวิตจงสู่สุขคติภพด้วยความสงบสุข ผมจะไม่มีวันลืมพวกเขาตลอดไป