ลุ้นระทึก!-ช่วยสำเร็จ ‘น้องจีน่า’ หายปริศนา ตร.เร่งสอบหนุ่มพม่า อ้างดื้อๆ-บูชายัญผีป่า/อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

ลุ้นระทึก!-ช่วยสำเร็จ

‘น้องจีน่า’ หายปริศนา

ตร.เร่งสอบหนุ่มพม่า

อ้างดื้อๆ-บูชายัญผีป่า

 

เป็นเหตุการณ์ที่คนให้ความสนใจกันทั้งประเทศ สำหรับกรณีน้องจีน่า ด.ญ.วัย 1 ขวบ 11 เดือน ที่หายตัวลึกลับไปจากหน้าบ้านพักใน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 5 กันยายน

เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ ด.ญ.ตัวเล็กๆ ยังไม่รู้เดียงสาเลยด้วยซ้ำ และด้วยความกังวลเกรงว่าจะซ้ำรอยเหมือนกันเหตุการณ์ของน้องชมพู่ แห่งบ้านกกกอก จ.มุกดาหาร

ทำให้เจ้าหน้าที่เร่งปูพรมค้นหาตั้งแต่วันแรกที่ทราบข่าว ท่ามกลางการส่งกำลังใจ อธิษฐานขอให้น้องปลอดภัย

เพราะทุกๆ คนรู้ดีว่าเวลาที่ล่วงเลยไปย่อมหมายความถึงความปลอดภัยของน้องจีน่าที่ลดลงไปด้วย

และในที่สุดก็มีข่าวดี หลังทุ่มเทค้นหาได้ร่วม 3 วัน เมื่อมีกลุ่มค้นหาไปเจอน้องจีน่าอยู่ในเพิงแห่งหนึ่ง และแม้เนื้อตัวจะสกปรก แต่เบื้องต้นก็ปลอดภัยในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะยุติลงไปไม่ได้ง่ายๆ เพราะการที่เด็กวัยขวบเศษหายไปนาน 3 วัน และไปโผล่ในที่ที่ห่างไกลบ้านนับกิโล ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติ

ขณะที่การสอบปากคำผู้ต้องสงสัยก็ยังอึมครึม เมื่อคำรับสารภาพว่าลักพาตัวเด็กไป ยังไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

ทำให้คลี่คลาย ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นได้อีก!??

เค้นนายเสี่ยว

ระดมหาวุ่น ‘น้องจีน่า’ หาย

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 กันยายน โดยช่วงค่ำประมาณ 18.30 น. นายสุริยะ วงศ์ศิลารุ่ง อายุ 43 ปี ซึ่งขี่จักรยานยนต์กลับมาจากนำขยะไปทิ้ง พบว่าลูกสาวคือน้องจีน่า หรือ ด.ญ.พรศิริ วงศ์ศิลารุ่ง วัย 1 ปี 11 เดือน ที่เล่นกับแมวอยู่หน้าบ้านเลขที่ 72/2 บ้านห้วยฝักดาบ หมู่ 19 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

สอบถามคนในครอบครัวก็ไม่มีใครทราบ เพราะภรรยาหรือแม่น้องจีน่า ทำกับข้าวอยู่ในครัว ขณะที่พี่ชายอายุ 4 ขวบเล่นอยู่ภายในบ้าน

เมื่อครอบครัวพบความผิดปกติ ก็พากันออกตามหาทันที พร้อมแจ้งผู้นำชุมชนให้ช่วยกระจายข่าว ขอความร่วมมือจากชาวบ้านให้ช่วยกันตามหาในพื้นที่ละแวกใกล้เคียง แต่เวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงก็ยังไม่เจอตัว

จึงตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยตามหา โดย พ.ต.อ.ณฐภณ แก้วกำเนิด ผกก.แม่แตง ระบุว่าได้ประสานเจ้าหน้าที่นับร้อยมาช่วยตามหา แต่การค้นหาดำเนินไปถึงเวลา 05.00 น. วันที่ 6 กันยายน ก็ยังไม่มีวี่แวว

พ.ต.อ.ณฐภณเผยว่า เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน อาจเป็นไปได้ว่าน้องจีน่าหลงป่า เพราะบ้านของน้องติดอยู่กับไร่ข้าวโพด โดยกำหนดรัศมีจากบ้านประมาณ 500 เมตร เพราะเกินกว่านั้นไม่น่าที่เด็กจะเดินไปได้ รวมทั้งสอบสวนพ่อ-แม่เด็กว่ามีปัญหากับใครหรือไม่ โดยไม่ทิ้งประเด็นพลัดหลงเอง หรือมีใครลักพาตัว

พร้อมทั้งเสริมกำลังด้วยโดรนตรวจจับความร้อน และจัดทีมนักประดาน้ำเข้าค้นหาภายในบ่อน้ำของหมู่บ้าน ที่มีขนาด 30 คูณ 15 เมตร ลึก 2.5 เมตร ที่อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 1 กิโลเมตร แต่ก็ไม่พบตัว

ด้านนายสุริยะ ย้อนเหตุการณ์วันที่พบว่าลูกสาวหายตัวไปว่า ตอนนั้นขี่จักรยานยนต์นำขยะไปทิ้งที่บ่อขยะห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร ด้านนางมาลี ปะสี อายุ 23 ปี ภรรยาทำกับข้าวอยู่ในครัว เมื่อทำอาหารเสร็จ แม่ก็เรียกหาน้องจีน่า แต่ไม่พบ จึงออกตามหาที่ถนนหน้าบ้าน ก็ไม่พบอีก แต่มีเพื่อนบ้านบอกเห็นน้องจีน่าเดินอยู่บนถนน ห่างจากบ้านประมาณ 10 เมตร ก่อนที่จะหายตัวไป

“ตอนผมขี่มอเตอร์ไซค์จะถึงบ้าน พบกระบะสีขาวคันหนึ่ง ด้านหลังบรรทุกมอเตอร์ไซค์ 2 คัน และมีรถเก๋งสีเข้มขับตาม ทั้ง 2 คันขับสวนออกจากหมู่บ้าน ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เมื่อมาถึงบ้านพบว่าลูกหาย จึงพากันออกติดตามและแจ้งให้ชาวบ้านช่วย แต่ก็ยังไม่เจอ”

เมื่อค้นหาไม่เจอ ตำรวจก็ต้องสอบสวนรอบด้าน

เจอในกระท่อมกลางป่า

เจอตัวที่กระท่อมกลางป่า

ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ได้เบาะแส เมื่อผลการสอบสวนคนในหมู่บ้าน พบมีผู้ต้องสงสัย 1 รายที่ยังมีพิรุธ ให้การไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งก็คือคนที่น้องจีน่ารู้จักดี เป็นเพื่อนของครอบครัว และพบว่าเป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย จึงควบคุมตัวตามข้อหาดังกล่าวก่อน เพื่อนำตัวมาสอบสวนโดยละเอียดต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องรถยนต์ต้องสงสัยที่มีอยู่ 5 คัน โดย 2 คันเป็นรถกระบะและรถเก๋งที่แล่นออกจากหมู่บ้าน ในช่วงที่พ่อน้องจีน่าขี่จักรยานยนต์ไปทิ้งขยะ ซึ่งให้ชุดสืบสวนแกะรอยจากวงจรปิด

รวมทั้งไม่ทิ้งประเด็นอุบัติเหตุ อาจมีการขับรถชน และด้วยความกลัวความผิด จึงนำร่างของน้องจีน่าออกจากพื้นที่เพื่อซ่อนเร้นอำพราง

หรืออาจจะเป็นการลักพาตัวเพื่อจุดประสงค์บางประการ ตอนนี้ยังไม่ตัดประเด็นอะไรทั้งนั้น

ต่อมาการตรวจสอบรถยนต์ก็ยังไม่มีความคืบหน้า เมื่อ พฐ.ได้ตรวจสอบรถของผู้รับเหมาก่อสร้างจากนอกหมู่บ้าน ที่นำรถยนต์มาให้ตรวจสอบ รวมทั้งรถยนต์ของคนในหมู่บ้านเอง แต่ก็ไม่มีความผิดปกติ

ในที่สุดก็มีความหวัง เมื่อนายเสี่ยว อายุ 44 ปี ชาวเมียนมา ซึ่งเป็นคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านและเป็นผู้ต้องสงสัย ที่นำตัวมาสอบสวนก่อนหน้านี้ สารภาพว่าเป็นคนอุ้มตัวน้องจีน่าไป โดยนำไปปล่อยทิ้งไว้ที่ถ้ำแห่งหนึ่งใกล้หมู่บ้าน เพื่อสังเวยเจ้าป่าเจ้าเขา สังเวยผีถ้ำ โดยนำตัวไปไว้ที่ปากถ้ำบนดอย ห่างจากบ้านของเด็กประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วทิ้งกล้วยไว้ให้ 1 ลูก ระบุไม่ได้ทำร้าย หรือลงมือฆ่าน้องจีน่า เพียงแค่เอาไปส่งแล้วก้มกราบปากถ้ำก่อนลงมาที่หมู่บ้าน และถูกสอบปากคำ

เช้าวันที่ 8 กันยายน พล.ต.ต.พิเชษฐ์ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม นายอำเภอแม่แตง และ พ.ต.อ.ณฐภณ ผกก.สภ.แม่แตง นำกำลังลงพื้นที่นำตัวนายเสี่ยวไปชี้จุดนำตัวน้องจีน่าไปปล่อยบนดอย เพื่อเร่งค้นหาน้องจีน่า โดยคาดหวังว่าจะยังมีชีวิตอยู่

แม้เจ้าหน้าที่จะยังไม่เชื่อคำให้การมากนัก แต่เมื่อเป็นเบาะแสเดียว และต้องทำงานแข่งกับความเป็นความตาย จึงต้องลงพื้นที่ตามที่นายเสี่ยวอ้างไว้

แต่กว่าจะไปถึงก็หนักหนาเอาการ เพราะเป็นจุดลาดชัน ต้องเป็นคนชำนาญพื้นที่ เมื่อไปถึงพบมีโพรงลึกลงไปกว่า 50 เมตร จึงให้เจ้าหน้าที่ไต่เชือกลงไปค้นหา แต่สุดท้ายก็ไม่เจอ

เร่งช่วยเหลือ

ความหวังเริ่มลดน้อยลง

สอบเครียด-เค้นปมลักพา

แต่ระหว่างทางด้านที่ค้นหาบนดอยคว้าน้ำเหลว ก็มีรายงานว่าการค้นหาอีกด้านก็พบตัวน้องจีน่าอยู่ที่กระท่อมกลางป่าห่างจากบ้านของน้องจีน่าประมาณ 2 กิโลเมตร แต่เป็นคนละจุดกับถ้ำที่นายเสี่ยวอ้างว่านำตัวไปปล่อยเซ่นเจ้าป่าเจ้าเขา

ทั้งนี้ มีรายงานว่าขณะที่เข้าไปพบ น้องจีน่าอยู่ในสภาพอ่อนเพลีย นั่งเล่นขวดน้ำอยู่คนเดียว โดยผู้พบคนแรกยังไม่กล้าเข้าไปจับตัวน้อง เพราะต้องการรอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจร่างกายเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม หลังจากแจ้งเจ้าหน้าที่ชุดใหญ่เข้ามาตรวจสอบ ก็ได้ช่วยเหลือให้นมน้องดื่ม และอุ้มพาออกมาในหมู่บ้านเพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น ท่ามกลางความดีใจของครอบครัวและชาวบ้าน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวน้องจีน่าขึ้นรถพยาบาลนำตัวส่งไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลแม่แตง และถูกส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพิงค์

ขณะที่นางมาลี แม่ของน้องจีน่า ที่ดีใจจนเป็นลมล้มพับ ได้ถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลแม่แตงและส่งต่อไปยังโรงพยาบาลนครพิงค์ พร้อมกันกับลูก

ส่วนเรื่องของคดี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภาค 5 ที่ลงพื้นที่ติดตามปฏิบัติการช่วยเหลือน้องจีน่า ระบุว่า ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน โดยนายเสี่ยวที่อ้างว่าเป็นคนพาน้องจีน่าไป แต่จุดที่พบตัวกลับเป็นคนละจุด ซึ่งพบว่ามีเส้นทางเชื่อมโยงถึงกันได้ อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่เด็กจะเดินไปเอง จะต้องสอบสวนเก็บหลักฐาน และดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้ ชุดสอบสวนได้สอบปากคำนายเสี่ยวเพิ่มเติม มุ่งประเด็นเกี่ยวกับสาเหตุแรงจูงใจที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ และมีผู้ร่วมก่อเหตุด้วยหรือไม่อย่างไร เพื่อที่จะสรุปสำนวนแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยได้นำตัวภรรยาของนายเสี่ยวมาสอบปากคำด้วย

ยืนยันต้องคลี่คลายให้สิ้นสงสัย ใครที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินคดี ไม่ให้เกิดเป็นภัยในชุมชนอีก!!