เหมือนกับการขยับขับเคลื่อนระหว่างกระทรวงการคลังกับกระ

ทรวงยุติธรรมในกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

จะเป็นเรื่องปกติ

เพราะเมื่อคณะกรรมการสืบทรัพย์พบ “เบาะแส” ก็ส่งให้กับกรมบังคับคดี

ทุกอย่างเป็นไปตาม “หน้าที่”

เหมือนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยืนยัน เหมือนที่ปลัดกระทรวงการคลังยืนยัน

แต่บังเอิญเกิดใน”เดือนสิงหาคม”

ท่ามกลางความหวั่นเกรงว่าจะมี “มวลชน”ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลั่งไหลกันมาให้กำลังใจ

โดยเฉพาะวันที่ 1 และวันที่ 25 สิงหาคม

 

ถามว่า 1 คสช. 1 รัฐบาล มีความวิตก กังวล ต่อสถานการณ์เนื่องในวันพิพากษา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่

ตอบได้เลยว่า ทั้งวิตก ทั้งกังวล

หากฟังจากแถลง 2 วันติดต่อกันจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะประจักษ์

ทั้ง “ขู่” ทั้ง “ปลอบ”

ยิ่งหากฟังจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติก็จะสัมผัสได้ถึง ประชาคม”ความมั่นคง” ประชาคม”ข่าวกรอง”

ยิ่งฟังจาก”มหาดไทย” ยิ่งมากด้วยความหวั่นไหว

เมื่อประสานกับการกำชับผ่านกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย(กกล.รส.)

ยิ่งเท่ากับกำลังรบทัพ จับศึก

 

หาก “ประมวล” การเคลื่อนไหว และจับ “อาการ” ของคนสำคัญในคสช.และรัฐบาลออกมาจัดระบบ

ก็ต้องยอมรับในความหวาดกลัว

ความหวาดกลัวว่าจะมี “มวลชน”มาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นแหละความวิตก ความกังวล

จึงต้องทั้ง “ป้องปราม” และ”ปราบปราม”

พลันที่กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงยุติธรรมก่อปฏิบัติการ “อายัด”อันนำไปสู่”การยึดทรัพย์”โดยมีเป้าหมายที่ 3.5 หมื่นล้านบาท

เท่ากับ”น้ำมัน”ถูกสาดเข้าไปใน”กองเพลิง”