ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 กรกฎาคม - 5 สิงหาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | คุยกับทูต |
ผู้เขียน | ชนัดดา ชินะโยธิน [email protected] |
เผยแพร่ |
คุยกับทูต จูอาว บีอร์นาร์ดู ไวน์สไตน์
ชีวิตที่อยู่ในต่างแดน
มากกว่าบ้านเกิดในโปรตุเกส (ตอน 2)
โปรตุเกสเป็นประเทศที่เก่าแก่ที่สุดบนคาบสมุทรไอบีเรียและเป็นหนึ่งในประเทศที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป
ชาวโปรตุเกสเป็นชนต่างชาติกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในอยุธยาสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 และสร้างสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับสยาม โดยมีบทบาททั้งการทหาร และการค้า
นอกจากเป็นประเทศที่ร่ำรวยมรดกโลก ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรมและภาษาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว
สภาพภูมิทัศน์อันสวยงามของโปรตุเกสช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั่วโลกให้ไปเยือนมากยิ่งขึ้นนอกเหนือจากความโด่งดังที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหวาน อย่างทาร์ตไข่ และปลาค็อด หรือประเพณีดนตรีเศร้า (Fado) และทัวร์โรงบ่มพอร์ตไวน์ (Port Wine)

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
สร้างรายได้ให้โปรตุเกสปีละมหาศาล
นายจูอาว บีอร์นาร์ดู ไวน์สไตน์ (João Bernardo Weinstein) เอกอัครราชทูตโปรตุเกสประจำประเทศไทย เล่าว่า
“ประเทศของเรามีสภาพอากาศที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวตลอดทั้งปี มีเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้สำรวจ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละบุคคล
หากเป็นในเมือง ผมขอแนะนำให้ไปที่ลิสบอน (Lisbon) และโปร์ตู (Porto)

“แน่นอนว่า ลิสบอน เมืองหลวงของโปรตุเกส มักจะต้องเป็นเมืองเริ่มต้นของการท่องเที่ยว พื้นที่เมืองมีลักษณะเป็นเนินสูง-ต่ำคดเคี้ยวไปมาทั่วทั้งบริเวณ และเนินเขาที่มีปราสาทอันสวยงามมากอยู่ด้านบน การเดินชมตัวเมือง จะได้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองเก่าคลาสสิคและความเป็นเมืองใหญ่อันทันสมัย เช่น เมืองเอสโตริ หรือเอสโตริล (Estoril) ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเล หรือเมืองซินตรา (Sintra)”


เอสโตริ หรือที่เรียกว่า โปรตุเกสริเวียร่า อยู่ห่างจากลิสบอนไปทางตะวันตก 25 ก.ม. เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหรูหรา มีโรงแรมนานาชาติ ชายหาด และกาสิโน

ซินตรา อาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่เมืองนี้สร้างตามศิลปะจินตนิยมในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นเมืองแห่งความโรแมนติกและเมืองแห่งปราสาทในเทพนิยาย จนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในฐานะของ “Cultural Landscape” แห่งแรกในยุโรป ในปี ค.ศ.1995 ทำให้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ
“หากถามว่าผมชอบที่ไหนในโปรตุเกส ผมก็จะตอบว่า ชอบสถานที่ที่มีคนน้อยๆ และชอบออกไปกลางทะเลเพราะบริเวณชายฝั่งมักจะมีผู้คนพลุกพล่าน หากไปใกล้ๆ ชายแดนสเปนในจังหวัดที่เรียกว่า อเลนเทโฮ (Alentejo) ก็จะเห็นเมืองเก่าที่เงียบสงบ สวยงาม มีคุณภาพชีวิตที่ดี และน่าอยู่มาก”

เหตุการณ์สำคัญ
ในโอกาส 500 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน
“ประเทศไทยได้มอบศาลาไทยอันงดงามให้แก่โปรตุเกส ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จในการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในโปรตุเกสเป็นอย่างดี ศาลาไทยนี้ตั้งอยู่ ณ บริเวณสวนสวยใกล้แม่น้ำ ในตำแหน่งที่ดีที่สุดและสวยงามที่สุดของกรุงลิสบอน ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปเปิดศาลาไทยนี้”

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2012 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานในพิธีเปิดศาลาไทย (Thai Pavilion) อย่างเป็นทางการ ณ สวนสาธารณะเบเล็ง (Belem) กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพที่มอบให้แก่รัฐบาลและประชาชนชาวโปรตุเกส เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่ระลึกในโอกาส 500 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับโปรตุเกส

โดยเทศบาลกรุงลิสบอนได้มอบพื้นที่สร้างศาลาไทยให้ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะวาสโกดากามา (Vasco da Gama) ในเขตสวนเบเล็ง เป็นการใช้สถาปัตยกรรมไทยเพื่อสื่อประชาสัมพันธ์เอกลักษณ์ไทย มีแนวความคิดในการออกแบบตามลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา
เพื่อย้อนระลึกถึงการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและโปรตุเกสที่เริ่มในสมัยอยุธยา ซึ่งโปรตุเกสเป็นชาวตะวันตกชาติแรกที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี
เมื่อเกิดการแพร่ระบาดใหญ่เป็นวงกว้างของโรคอุบัติใหม่ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนเปลี่ยนไป สร้างความวิตกกังวลไปทั่วโลก มีการปิดเมือง ปิดประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค สนามบินเงียบเหงา สถานที่ท่องเที่ยวแทบร้างผู้คน หลายธุรกิจได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม จนต้องลดพนักงาน เลิกจ้าง หรือปิดตัวเองลง หากไม่จำเป็นผู้คนก็ไม่ออกนอกบ้าน ไม่กล้าอยู่ในที่คนพลุกพล่าน และคอยติดตามข่าวสารเพื่ออัพเดตการแพร่ระบาด
ดังนั้น การอ่านหนังสือจึงเป็นความเพลิดเพลินหลักของท่านทูตในยามนี้
“ปกติ ผมชอบอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการเมืองระดับภูมิภาคมาก และก็ชอบอ่านประวัติศาสตร์ไทยด้วย เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีความรู้ความเข้าใจ”
โปรตุเกสมีประชากรเพียงสิบกว่าล้านคน แต่ให้ความสำคัญกับวรรณกรรมมาก ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศนอกเหนือจากประวัติศาสตร์ ขนมหวาน อาหารทะเล และนักฟุตบอล
“หนังสือบทกวีภาษาโปรตุเกสที่มีชื่อเสียงที่สุดโดยกวีแห่งชาติ ลูอิช ดึ กามอยช์ (Luís de Camões) ผู้เขียนเรื่องออส ลูซิอาดาส (Os Lusíadas) นับเป็นหนังสือบทกวีมหากาพย์ภาษาโปรตุเกสที่สวยงาม”

“ในยุคปัจจุบัน เรามีกวีชื่อดังอีกคนหนึ่งคือ เฟอร์นันโด เปสโซอา (Fernando Pessoa) จะเห็นรูปปั้นเล็กๆ ของเขาตั้งอยู่ที่หน้าร้านกาแฟในกรุงลิสบอน”

“ถึงอย่างไร ผมก็ชอบอ่านเรื่องที่เกี่ยวกับการเมืองมากกว่าบทกวี เช่นเดียวกับชอบชมภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอดีต อย่างเช่นเรื่องราวของนโปเลียน และภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาซึ่งสวยงามมาก แม้ผมอาจไม่เข้าใจทุกอย่างแต่ก็มีความสุขที่มีโอกาสได้ชม”
“ส่วนภาพยนตร์ของโปรตุเกส มาโนเอล เดอ โอลิเวรา (Manoel de Oliveira) คือผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เริ่มต้นในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ทำผลงานเฉลี่ยหนึ่งเรื่องต่อปีเมื่ออายุเกิน 100 จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่อายุมากที่สุดในโลก เขาสร้างภาพยนตร์ได้สวยงาม มีผลงานมากที่สุดและได้รับรางวัลมากมาย ตอนที่เสียชีวิต เขาอยู่ในวัย 106 ปี”
“ทุกวันนี้ คนมักจะทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับปัญหาสังคมในโปรตุเกส อันเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติ ความเกลียดกลัวชาวต่างชาติ ความยากจน”
“แต่ส่วนตัวแล้ว ผมชอบดูหนังที่ให้ความสนุกสนานมากกว่า” ท่านทูตยิ้ม
โปรตุเกสขึ้นชื่อเรื่องเซรามิกมานานหลายร้อยปี ตามบ้านเรือนก็ยังแต่งผนังด้วยกระเบื้องลายคราม
นอกเหนือจากถ้วยชาม และที่โด่งดังแพร่หลาย คือทาร์ตไข่ หรือ Pastéis de Nata ในภาษาโปรตุเกส สืบเนื่องมาจากโปรตุเกสเป็นนักเดินเรือไปทั่วโลก ทำให้ขนมหวานนี้แพร่หลายไปทั่วโลก

จนถึงมาเก๊า (Macao) ซึ่งเคยเป็นดินแดนในครอบครองของโปรตุเกส และทาร์ตไข่ ก็ได้เข้ามาครองใจชาวไทยจวบจนปัจจุบัน
ยังมีขนมไทยหลายชนิดที่ได้รับอิทธิพลจากขนมของโปรตุเกส โดย “ท้าวทองกีบม้า” หรือ ดอญ่า มารี กีมาร์ (Dona Marie Guimar) เชื้อสายโปรตุเกส ญี่ปุ่นและเบงกาลี ภรรยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (นามเดิม คอนสแตนติน ฟอลคอน ชาวกรีก) ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เมื่อเข้าไปทำงานครัวในวัง จึงคิดทำขนมโดยดัดแปลงจากสูตรเดิมของโปรตุเกสเพื่อให้เข้ากับวัตถุดิบที่มีอยู่ในสยาม
อาทิ มะพร้าว แป้งข้าวเจ้า และนํ้าตาล มาผสมกับส่วนผสมของขนมตะวันตก ทำให้เกิดขนมหวานชนิดใหม่ๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ดังขนมที่มีสีเหลืองทองเพราะใช้ไข่แดงกับน้ำตาลเป็นหลัก ได้แก่ ฝอยทอง มาจากขนม fios de ovos ทองหยิบ มาจากขนม trouxas das Caldas และทองหยอด มาจากขนม ovos moles de Aveiro เป็นต้น
ชาวโปรตุเกสได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่รับประทานขนมหวานมากที่สุดชาติหนึ่งในทวีปยุโรป ซึ่งนิยมรับประทานหลังมื้ออาหารเที่ยงและเย็น ในระหว่างวันชาวโปรตุเกสยังนิยมไปร้านเบเกอรี่หรือที่เรียกว่า Pastelarias ที่มีอยู่ทั่วไปและดำเนินกิจการควบคู่ไปกับการจำหน่ายกาแฟสด
ร้านเหล่านี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตของชาวโปรตุเกส และถือเป็นแหล่งนัดพบปะสังสรรค์ของผู้คนในท้องถิ่น

ส่วนวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมโปรตุเกสมาช้านาน ชาวโปรตุเกสจะดื่มกาแฟทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ทำงาน หรือที่ร้านกาแฟ ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของชาวโปรตุเกส เพราะนอกจากจะได้ดื่มกาแฟชั้นดีพร้อมกับขนมอบเลิศรสแล้ว ร้านกาแฟยังเป็นแหล่งนัดพบของผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
“ก็เพราะคนชื่นชอบกาแฟโปรตุเกส ซึ่งเป็นกาแฟที่มีขนาดเล็กและเข้มข้น เหมือนเอสเปรสโซของอิตาลีที่มีรสแก่และเข้ม โปรตุเกสเรียกกาแฟว่า ไบคา (bica) แต่ผมเป็นคนไม่ดื่มกาแฟ”
กาแฟที่ชาวโปรตุเกสนิยมรับประทาน คือ กาแฟถ้วยเล็กๆ ที่มีความเข้มข้นมาก โดยจะดื่มหมดแก้วในครั้งเดียว ไม่ดื่มทีละน้อยเหมือนกาแฟถ้วยใหญ่ กาแฟที่มีขายในโปรตุเกสส่วนใหญ่จึงเป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง
ดังนั้น เมื่อไปโปรตุเกส ก็อย่าลืมแวะกินขนมทาร์ตไข่ของหวานเลื่องชื่อ และจิบ bica เอสเพรสโซเข้มข้นของคนโปรตุเกส

ส่วนไวน์โปรตุเกส อาจจะไม่โด่งดังในบ้านเรานัก ในความเป็นจริงแล้ว โปรตุเกสเป็นประเทศหนึ่งที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์คุณภาพสูง ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่า โปรตุเกสมีการผลิตไวน์เพื่อการส่งออกตั้งแต่สมัยยุคกลาง จากการเผยแพร่วิทยาการของชนกลุ่มแรกๆ ที่เข้ามาตั้งรกรากในดินแดนประเทศโปรตุเกส
ปัจจุบันไวน์โปรตุเกสเริ่มเป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากขึ้น ชนิดของไวน์โปรตุเกสที่เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ อาทิ พอร์ตไวน์ และไวน์มาไดย์ร่า
นอกจากนี้ โปรตุเกสยังมีไวน์ที่ใช้เสิร์ฟบนโต๊ะอาหารคุณภาพดี ที่ผลิตได้จากทั้งทางตอนเหนือและทางตอนใต้ของประเทศอีกด้วย
“ปัจจุบันไวน์โปรตุเกสในเมืองไทยยังมีปริมาณที่น้อยมาก ผมจึงอยากจะแนะนำไวน์โปรตุเกสให้เพื่อนชาวไทยได้รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ได้ดื่มไวน์รสชาติที่ดีที่สุด มีคุณภาพที่โดดเด่นโดยได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจากงานแสดงไวน์ในฝรั่งเศสและเยอรมนี”
“เราทำงานในเรื่องเขตการค้าเสรี (FTA) ร่วมกับประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปต่อไป โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาษีศุลกากรระหว่างกัน”

โปรตุเกสมีชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกยาวตลอดแผ่นดินช่วงตะวันตกของประเทศ ทำให้มีชื่อเสียงมากมาหลายร้อยปีในเรื่องการทำอาหารทะเลที่มีรสชาติดี และด้วยเหตุที่ชาวโปรตุเกสเป็นนักเดินเรือ อาหารส่วนใหญ่คิดค้นโดยเกษตรกรหรือชาวประมงที่ต้องใช้แรงงานในการทำงานมาก อาหารของโปรตุเกสจึงมีอิทธิพลต่ออาหารของชาติต่างๆ ในเอเชียด้วย เช่น อินเดีย และอาหารส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์ ปลา ข้าว และมันฝรั่ง
โปรตุเกสได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่รับประทานปลาและอาหารทะเลมากที่สุดชาติหนึ่งในทวีปยุโรป โดยในเมนูอาหารโปรตุเกส มักจะมีอาหารที่ทำจากปลาอยู่ด้วยเสมอ
“ส่วนผมเป็นมังสวิรัติมาหลายปีแล้ว รับประทานแต่พืชผัก ผลไม้เป็นหลัก รวมทั้งพาสต้าทุกประเภท อาจมีปลาและไก่บ้างเล็กน้อย ยกเว้นเนื้อแดง และผมชอบวิธีการปรุงกุ้งของไทยด้วย ชาวโปรตุเกสมักนิยมปลาที่ปรุงอย่างธรรมชาติด้วยน้ำมันมะกอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นไม่มีอย่างอื่น ซึ่งผมว่าอร่อยมาก”
“อาหารไทยที่ผมชอบคืออาหารทั่วๆ ไปที่คนนิยม เช่น ข้าวซอย ข้าวผัดกุ้ง หรือไก่”
“ปัจจุบัน อาหารไทยในโปรตุเกส เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และมีร้านอาหารไทยหลายแห่ง ผมจึงหวังว่านักท่องเที่ยวชาวไทยจะพากันไปเยือนโปรตุเกสมากขึ้น เพราะโปรตุเกสเป็นหนึ่งในประเทศที่มีคนเดินทางไปท่องเที่ยวมากที่สุดในยุโรป เนื่องจากสภาพอากาศที่สบายๆ”
บทสนทนาทำให้เราได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และสงบสุขของท่านทูตอารมณ์ดี “จูอาว บีอร์นาร์ดู ไวน์สไตน์”
“เมื่อถึงวันหยุด ผมมักจะหาโอกาสออกไปสำรวจสถานที่ต่างๆ คนเดียวในชุดยีนส์ บางครั้งเดินจากสถานทูตผ่านศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ ไปตามถนน หรือตรอก ซอกซอยแคบๆ ไม่นานก็จะได้เห็นวัด ร้านกาแฟเล็กๆ และผู้คนที่เดินสวนไป-มา ผมไม่ถ่ายรูป แต่เลือกที่จะเก็บภาพที่ได้พบเห็นไว้ในความทรงจำ เป็นความประทับใจอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้ผมสนุกสนานเพลิดเพลิน และมีความสุขที่ได้มาอยู่ที่นี่… ประเทศไทย”