สังคม อาเพศ ขยายวงกว้าง/โลกทรรศน์ อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์

อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์

โลกทรรศน์

อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์

 

สังคม อาเพศ ขยายวงกว้าง

 

ภาพที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน

ผู้คนล้มตายริมถนน ในซอย

เมรุเผาศพร้อนจนระเบิด เมรุพังคลืนลงมา พระท่านสวมชุดป้องกันโรคมาช่วยแบกศพเพราะขาดคนช่วย

ชาวบ้านมานอนรอรับการตรวจโรคข้ามคืนแม้ฝนตก

คนนับพันคนนั่งรออาหารและน้ำที่คนเอามาบริจาคที่พัทยา

น่าเวทนา แต่เราปฏิเสธความจริงนี้ไม่ได้และสั่งไม่ให้เห็นไม่ได้

 

ทุกข์ ทุกหย่อมหญ้า

ข้อมูลธนาคารโลกชี้ว่า จีดีพีต่อหัวของคนไทยลดลงจากปี 2562-2563 ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าปี 2564 อัตราการเติบโตของจีดีพีเหลือเพียง 1.8% ตัวเลขคนตกงานทางการเพิ่มขึ้น 1.96% ในไตรมาสแรกของปี 2564 คนอีก 2 ล้านคนในภาคไม่เป็นทางการ ตกงาน คนยากจนในไทยเพิ่มขึ้นจาก 7.2% ปี 2559 เป็น 8.8% ในปี 2563

ย้อนหลังไปกว่า 18 เดือน กิจกรรมทางเศรษฐกิจตกต่ำอย่างมาก โดยเฉพาะ SME ภาคบริการและภาคท่องเที่ยว

รัฐบาลใช้มาตรการควบคุมการเคลื่อนไหวของผู้คนในช่วงการระบาดรอบที่ 3 ของโควิด-19 ตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งไปทำลายล้างชุมชนที่อ่อนไหวง่าย แม้มองกันว่า ช่วงไตรมาส 4 มองในมุมบวกว่าความเลวร้ายสุดๆ จะจบสิ้นและเศรษฐกิจในประเทศเริ่มต้นกลับมาที่เดิมอย่างช้าๆ

รัฐบาลพยายามเริ่มต้นภาคท่องเที่ยว สนับสนุนให้คนไทยท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากแรงงานคนไทยกลับจากเมียนมาที่แม่สอด ทำลายข้อริเริ่มนี้และการแพร่ระบาดที่แหล่งบันเทิงย่านทองหล่อนำไปสู่มาตรการควบคุมต่างๆ ของรัฐบาล ที่กรุงเทพฯ ร้านอาหาร ธุรกิจขนาดเล็กและกิจการร้านค้าที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยว ทนทุกข์ทรมานจากช่วงเวลาควบคุม ค่าใช้จ่ายเพื่อบริโภคน้อยลงและไม่มีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ

มีสัญญาณชัดเจนเห็นความป่วยไข้ของเศรษฐกิจประเทศ โรงงานและโกดังว่างเปล่า ร้านค้าปิด บ้านและที่ดินเพื่อขายเกลื่อนเมือง เต็นท์อาหารเปิดเพื่อการกุศลพยายามช่วยเหลือผู้คนที่ต้องดิ้นรนหาอาหาร แรงงานขายบริการทางเพศประมาณเกือบ 500,000 คนที่สร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจราว 6.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3.0% ของจีดีพีก่อนเกิดโรคระบาด ไม่เข้าเกณฑ์ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล อาชีพของพวกเขาผิดกฎหมาย

แล้วพวกเขาและครอบครัวอยู่กันอย่างไร?

ระบาดครั้งแรก ใช้เงินเก็บทั้งหมด

ระบาดครั้งที่สอง หลายคนยืมเงินจากเพื่อนๆ หรือนายทุนเงินกู้

ระหว่างระบาดครั้งที่สาม กำลังทำให้พวกเขาอดอยาก พวกเขาและครอบครัวจะอยู่กันอย่างไร?

สิ่งที่เหมือนกันนี้กำลังเกิดขึ้นในต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะเมืองพึ่งพาการท่องเที่ยวบางแห่ง เช่น หาดใหญ่ ที่พึ่งพานักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ใจกลางเมืองหาดใหญ่มองเห็นเป็นเมืองร้าง มีเพียงราคายางเพิ่มขึ้นนิดหน่อยที่พอสร้างรายได้บ้าง

รัฐบาลประยุทธ์พยายามสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจกับสาธารณสุขได้ตัดสินใจเรื่องการควบคุม ไม่เพียงโรงงานขนาดใหญ่วิตกกังวลการควบคุม แม้โรงงานขนาดเล็ก ธุรกิจบริการ โรงแรมถูกควบคุมด้วยคำสั่งหลายฉบับ โรงงานถูกปิดไปหลายเดือนปีที่แล้ว โรงแรมในต่างจังหวัดหลายแห่งถูกสั่งปิดหลายเดือน โรงแรมหลายแห่งไม่ได้เปิดอีกเลย

ประมาณ 22% ของเศรษฐกิจเดินหน้าด้วยการท่องเที่ยว ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 40 ล้านคนเดินทางมาเยือนไทย ปี 2562 นักท่องเที่ยวหายเกือบหมดเลย เมื่อชายแดนนานาชาติปิดเดือนมีนาคมปีที่แล้ว รัฐบาลสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศด้วยการอุดหนุนค่าเดินทางและค่าที่พัก อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เริ่มขึ้นอีกในปีนี้และการแพร่ระบาดช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาได้ลอบทำลายล้างข้อริเริ่มนี้จนสิ้น

 

มากกว่าเศรษฐกิจและโรคระบาด

การทะยานขึ้นของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วยให้ตาสว่าง มองเห็นสองมาตรฐาน ระหว่างชนชั้นนำกับคนอื่นๆ ตัวอย่างมองเห็นได้จากการเปิดตัวและฉีดวัคซีน คนชั้นนำและบรรดาผู้มีอภิสิทธิ์ สามารถประกันการฉีดวัคซีนดีกว่าหลายคนในกลุ่มคนทั่วไป

ในขณะเดียวกัน ประชาชนคนไทยกำลังเจ็บปวด อภิสิทธิ์พยายามใช้ภาษีของประชาชนจัดซื้ออาวุธยุทโปกรณ์ อ้างความมั่นคงของชาติ

แท้จริงแล้ว ความมั่นคงของประชาชนคือ ความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ความมั่นคงทางทหารอย่างเดียว ท่ามกลางผู้คนอดอยาก รอคอยอาหารและน้ำดื่ม

พระต้องมาทำหน้าที่สัปเหร่อเผาศพ และเมรุเผาศพแตกและเสียหายจากความร้อนด้วยคนล้มตายจำนวนมาก

ทว่าการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ยังเดินหน้าและขยายกว้างออกไป พื้นที่ที่ชาวบ้านรู้กันทั่วว่าคืออะไรนี้ กำลังกลายเป็นเมืองในเมือง

 

คนที่ทุกข์ทรมาน

อดอยาก เห็นแล้วคิดอะไรหรือ?

ตั้งแต่เมษายนที่แล้ว เมื่อนายกรัฐมนตรีประยุทธ์เข้าควบคุมเบ็ดเสร็จการจัดการโรคระบาด แต่ด้วยความล่าช้าและการเปิดตัวที่ไร้จุดหมาย โครงการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ หลายคนเห็นใจท่านรวมทั้งผมด้วย

แต่คนไทยและชาวต่างชาติต่างประหลาดใจที่ผู้นำของเราฝากความหวังด้วยเดิมพันใหญ่กับการผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในบ้านเรานี่เอง ซึ่งทั้งช้าและให้วัคซีนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

แล้วรัฐบาลก็รู้ว่า รัฐบาลมีทางเลือกน้อยที่จะได้แอสตร้าเซนเนก้าเป็นวัคซีนหลักของประเทศ

แอสตร้าเซนเนก้าช่วยอธิบายต่อเราว่า ทำไมไทยเป็นเพียงประเทศเดียวที่ปฏิเสธการเข้าร่วมโครงการ COVAX ขององค์การอนามัยโลก?

ทำไมนายกรัฐมนตรีประยุทธ์และรัฐบาลของท่านผ่านไปเลย ต่อข้อเสนอต่างๆ ในช่วงปี 2563 ที่จะซื้อวัคซีน mRNA อย่าง Pfizer และ Moderna ซึ่งตอนนี้เสียงผู้คนทั่วเมืองไทยเรียกร้องวัคซีนทั้งสองชนิดกันดังสนั่นเมือง

คล้ายกับการก่อสร้างพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่ใครๆ ได้เห็นเต็มตา คาดการณ์ได้ว่า บริษัทผู้ผลิตวัคซีนวางแผนขายแอสตร้าเซนเนก้าไปทั่วภูมิภาคอาเซียน แล้วบอกว่า ขายไม่เอากำไร แต่ไม่ขาดทุน โดยที่รัฐบาลและประชาชนไทยที่จ่ายภาษี จ่ายเงินไปเพื่อปรับปรุงโรงงานผลิตของบริษัทที่ไม่เคยผลิตวัคซีนมาก่อน

แล้วบริษัทมีกำไรในปีนี้ หลังจากขาดทุนมาตลอด 5 ปีคืออะไร?

 

คนไทยช่างไม่มีสมองเลยหรือ?

หลายคนเห็นใจและเข้าใจนายกรัฐมนตรี ผมก็คิดเช่นนั้น นายกรัฐมนตรีอาจไม่มีความสามารถในทุกเรื่อง แต่เมื่อมีอำนาจเบ็ดเสร็จ การเจรจาต่อรองย่อมเป็นสิ่งที่ควรจะทำเพราะประเทศไทยกำลังทุกข์รอบด้าน ตัวเลขคนติดเชื้อจากการแพร่ระบาดโควิดและการล้มตายที่เพิ่มขึ้น พิสูจน์ออกมาอย่างนั้น

ช่วงเวลาอันใกล้นี้ โซเชียลมีเดียมองนักการเมืองอยู่เหนือกฎหมาย ตอนนี้รัฐบาลถูกวิจารณ์ในวงกว้างที่กว้างขวางกว่าเมื่อก่อนเกิดโรคระบาด ความไม่พอใจกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

มีการคาดการณ์ว่า รัฐบาลปะพุแบบขอไปทีกำลังกลายเป็นสิ่งที่นายกฯ ควบคุมได้ยากมาก มีทั้งไร้เอกภาพและไม่มีความไว้วางใจระหว่างกันเอง พรรคใหญ่ พรรคพลังประชารัฐตอนนี้ แตกร้าวกับภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์และชาติไทยพัฒนาในหลายๆ เรื่อง

ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า และการเมือง เป็นอะไรที่มากไปกว่าเศรษฐกิจและโรคระบาด แต่จะผนวกรวมสู่หายนะ