ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : แข็งแรงด้วยอาหาร / อุรุดา โควินท์

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: แข็งแรงด้วยอาหาร

 

ฉันบอกตัวเอง ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำอาหารกินเองหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็…จนกว่าสถานการณ์โรคระบาดจะดีขึ้น

ฉันไปตลาดเวลาที่คนน้อยสุด ฉันไม่เข้าสถานที่ปิด อย่างห้างสรรพสินค้า ฉันบอกตัวเองว่า กินให้ดี กินให้อิ่ม นอนให้พอ ออกกำลังกายบ้าง ที่สำคัญ อย่าวิตกกังวล หรือกลัวมากนัก

ใช่ แม้ว่ามันจะน่าวิตก โดยเฉพาะคนในเมืองใหญ่ หรือจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูง

ความวิตกจะทำให้ภูมิต้านทานลดลง ฉันเลือกที่จะทำทุกอย่างเท่าที่สามารถ จองวัคซีนทางเลือก (ซึ่งไม่รู้จะนำเข้าได้เมื่อไร) ลงทะเบียนฉีดวัคซีนกับทางจังหวัด (ซึ่งไม่รู้จะได้คิวฉีดเข็มแรกเมื่อไร และไม่มีสิทธิ์เลือกวัคซีน)

ออกจากบ้านให้น้อยที่สุด อยู่ในบ้านฉันใส่หน้ากาก แม้แต่กับแม่ (เพราะแม่ขยันออกบ้าน ขยันเอาหน้ากากลงจากจมูกเหลือเกิน) และไว้เนื้อไว้ตัวเป็นพิเศษ ไม่เข้าใกล้ใคร ไม่จับตัวใคร

ตอนนี้ ก็มีแต่เขา และท้าวฮุ่ง ที่ฉันอยู่ใกล้ในระยะสองเมตร และเปลือยหน้า

มือก็ล้างจนแห้งแล้วแห้งอีก

เมื่อมีวินัยเพียงนี้ ฉันจะวางความวิตกกังวลลง เพราะส่วนที่เหลือ ดูเหมือนฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย

 

ฉันตื่นแต่เช้าทุกวัน เดินเข้าครัวเป็นอย่างแรก เมื่อก้าวเข้าครัว เปิดตู้เย็น หยิบจาน นั่นล่ะ วันได้เริ่มขึ้นอย่างแท้จริง

เขาพาท้าวฮุ่งไปเดินออกกำลังกายทุกเช้า ราว 40 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง

เมื่อเขากลับมา ฉันจะบอก “เช็ดเท้าให้ฮุ่ง แล้วมากินข้าวกัน”

มื้อเช้าของเราไม่ได้เป็นข้าวเสมอไป แต่ฉันใช้ประโยคนี้จนติดปาก สำหรับฉัน มันคือการบอกรัก และกล่าวอรุณสวัสดิ์ไปพร้อมกัน

ถ้าวันไหนร้อนมาก เขาจะอาบน้ำก่อนเดินเข้าครัว เช่นวันนี้

“ทำอะไรกิน”

“มีอโวคาโด เราจะกินกับขนมปังของน้องฝน”

เขาทำหน้าเบ้

ฉันหัวเราะ เขาไม่กินอโวคาโด (โดยสิ้นเชิง) ฉันรู้ ฉันก็ไม่รู้สึกอยากกินมาก่อน จนกระทั่งตอนนี้

“ไม่ได้กินเพราะอร่อย แต่เพราะมีประโยชน์” ฉันบอกเขา

“มันไม่มีรสชาติอะไรเลย” เขาว่า

“งั้นก็ทำเป็นลืม ว่ามีอโวคาโดอยู่บนขนมปัง เพราะจะทำไข่กวน และมีเบคอนทอดด้วย คิดเสียว่ากินไข่กวนกับเบคอน”

เขาพยักหน้า “โอเค จะลอง”

 

ฉันแน่ใจว่ามันไม่เลวนัก ฉันชิมแล้ว อโวคาโดเนื้อดีมาก และเราก็ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ให้มากเข้าไว้

ขนมปังฝีมือภรรยาชาวเยอรมัน ได้มาตั้งแต่เมื่อวาน ฉันหั่นเป็นชิ้น จี่ในกระทะให้สีสวยทั้งสองด้าน

แอบมองเขา

อดขำไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันทำอาหารจากวัตถุดิบที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย มันถึงเวลาแล้วล่ะ ที่เราจะกินเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่อร่อยอย่างเดียว

ฉันใส่สิ่งที่เขาชอบลงไป นั่นก็คือเนยกระเทียม ทำอย่างง่ายๆ ตั้งกระทะ ใส่เนยลงกระทะ ตามด้วยกระเทียมสับ และพาสลีย์สับ ผัดพอให้เนยละลาย กระเทียมหอม ก็เอามาทาขนมปัง

เปิดอีกกระทะ ทำไข่กวน ตีไข่ให้แตก ใส่เกลือลงไปด้วย

ตั้งกระทะ ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน พอกระทะเริ่มร้อน ใส่เนยพร้อมกับไข่ ใช้ส้อมกวนเร็วๆ พอให้ไข่สุก ปิดเตา

จำต้องใช้อีกกระทะสำหรับทอดเบคอน เพราะมีไข่ติดกระทะนิดหน่อย

อาหารง่ายก็จริง แต่กระทะหลายใบ ไม่เป็นไร ก็แค่ล้างกระทะ

เทน้ำมันลงกระทะ พอเริ่มร้อน ค่อยใส่เบคอนหั่นชิ้นเล็กลงไป ทอดให้กรอบ เอาขึ้นจากกระทะ ซับน้ำมันรอ

อโวคาโดที่เขาไม่ชอบ ฉันจะซ่อนไว้ด้านล่าง โดยหั่นเป็นชิ้น (ยิ่งบดเขายิ่งไม่ชอบ)

วางขนมปังทาเนยกระเทียมบนจาน ตามด้วยอโวคาโด บีบมะนาวนิด โรยเกลือหน่อย

ไข่กวนโปะด้านบนเยอะๆ ดูเผินๆ จะได้เหมือนกินขนมปังกับไข่

โรยเบคอนทอด และพาสลีย์สับ แล้วฉันก็บรรจงเสิร์ฟพร้อมยิ้มหวาน

เขาอมยิ้ม “ดูดี”

“คิดว่าอร่อยด้วย” ฉันยืดอก

เขามองอาหาร “สวยมากเลยนะ แล้วจานก็เท่มาก”

“ไม่เคยเจอจากร้านไหนอีกเลย หวงมากใบนี้”

ฉันรู้ว่าเขาชอบจานใบนี้ ฉันเลือกมัน โดยหวังว่าจานจะช่วยดึงความสนใจของเขาไปจากอโวคาโด

 

เราดื่มนมแทนกาแฟในมื้อเช้า เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย

ฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองหรอกนะ มันอร่อยมากเลยล่ะ เหมือนกินขนมปังที่ทาเนยหนาๆ กับไข่กวน มีความเค็มของเบคอนมาแทรก หอมกระเทียม และหอมพาสลีย์

เขากินชิ้นแรกหมด ดื่มนม มองหน้าฉัน

หรือจะกินแค่นี้ ไม่นะ

เขาหัวเราะ ชี้หน้าฉัน “ลุ้นล่ะสิ”

ฉันยักไหล่ “ก็แล้วแต่ ทำของดีๆ ให้กินอ่ะ”

เขาตบไหล่ฉัน “บังเอิญว่าอร่อยดี” เขาหยิบอีกชิ้น กัดคำโตๆ

ฉันปล่อยก๊าก ต้องอย่างนี้สิ ภูมิคุ้มกันในบ้าน เราสร้างได้ เบื่อจะรอวัคซีนแล้ว