ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 มิถุนายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
ท่วงท่า การเมือง
ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์
ราชสีห์ หรือหนู
คำประกาศความพร้อมในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะมาจากพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคำตอบโดยตรงต่อการไม่กลัวในเรื่อง “ยุบสภา”
คำถามก็คือ การปล่อยข่าว “ยุบสภา” เกิดขึ้นมาอย่างไร
เกิดขึ้นมาพร้อมกับการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ และการเสนอพระราชกำหนดกู้เงิน 5 แสนล้านบาทเข้าสู่สภา
เป็นการเสนอพร้อมกับคำเตือนที่ว่าต้อง “ผ่าน” ความเห็นชอบ
เพราะหากไม่ผ่านความเห็นชอบในที่ประชุมสภา ทางออกหากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออกก็จำเป็นต้องมีการยุบสภาเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่
เท่ากับเป็นการเตือนโดยตรงไปยังพรรคร่วมรัฐบาลโดยตรง
เพราะว่าเสียงของ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านมีเพียง 200 กว่าปริ่มๆ เท่านั้นไม่สามารถคว่ำร่างกฎหมายการเงินทั้ง 2 ฉบับได้อย่างเด็ดขาด
เป็นการแสดงความเห็นชอบ ขณะที่ไม่กลัวต่อการยุบสภา ไม่กลัวการเลือกตั้ง
ท่าทีของพรรคภูมิใจไทย ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ ต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ จึงเป็นท่าทีที่ควรให้ความสนใจ
เหมือนกับ 2 พรรคนี้จะเป็นดั่ง “หมูในอวย” ไม่กล้าหือ ไม่กล้าอือ
แต่หากใครที่ติดตามการอภิปรายของ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ในที่ประชุมอย่างเกาะติดก็จะมองเห็นว่า 2 พรรคนี้มี “ความเห็น” ต่องบประมาณ
ไม่ว่าจะเป็นนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ไม่ว่าจะเป็นนายกนก วงษ์ตระหง่าน
ยิ่งนายชาดา ไทยเศรษฐ์ นายภราดร ปริศนานันทกุล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ และปิดท้ายโดยนายศุภชัย ใจสมุทร ยิ่งร้อนแรงแหลมคม
แต่พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ก็ยกมือให้กับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ
แม้ในการพิจารณาพระราชกำหนดเงินกู้ 5 แสนล้านบาท เพื่อนำมาแก้ปัญหาโควิดก็เชื่อได้ว่าการอภิปรายของพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ก็จะร้อนแรงเช่นเดียวกัน
เป็นความร้อนแรงโดยพร้อมจะยกมือให้ผ่านความเห็นชอบ
ท่าทีของพรรคภูมิใจไทย ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ เช่นนี้สามารถสรุปได้เป็นการเล่นละคร เพราะยังติดยึดและห่วงในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
เป็นกระบวนการอภิปรายดัง “ราชสีห์” แต่ลงมติไม่ต่างไปจาก “หนู”
เป็นภาพสะท้อนของการเมืองแบบเก่า ไม่ว่าจะสะท้อนออกผ่านตัวของนักการเมือง ไม่ว่าจะสะท้อนออกผ่านพรรคการเมือง
แต่เมื่อดำรงอยู่ในเดือนมิถุนายน 2564 ก็ทรงความหมาย
เพราะในความเป็นจริง ความร้อนแรงอันปรากฏผ่านท่าทีแบบ “ราชสีห์” เช่นนี้ได้จำหลักอย่างหนักแน่นอยู่ในสังคม และไหวเคลื่อนแสดงบทบาทของมันอยู่
ก่อให้เกิดรอยร้าวอย่างเด่นระหว่างพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์กับรัฐบาล
เมื่อเข้าสู่อุณหภูมิทางการเมืองที่เหมาะสมและมากด้วยความพร้อม ก็จะนำไปสู่ปรากฏการณ์ใหม่ในทางการเมืองอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้พ้น
เพราะว่า “อาวุธ” ได้ออกไปอยู่ใน “สังคม” แล้ว
การประกาศความพร้อมที่จะเข้าสู่ “การเลือกตั้ง” ไม่ว่าจะมาจากพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์ จึงถือได้ว่าเป็นความท้าทายในทางการเมือง
ท้าทายต่อคำขู่ในเรื่อง “การยุบสภา”
สะท้อนให้เห็นว่า การร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ มิได้ร่วมในแบบ “หมูในอวย” อย่างเซื่องๆ ตรงกันข้าม กลับพร้อมที่จะเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน”
นี่คืออารมณ์หนึ่งที่ดำรงอยู่ในสังคมแห่งความขัดแย้ง แตกแยก