‘มุก โอลีฟส์’ : ‘เราควรมีชีวิตที่ดีในช่วงอายุที่ดีที่สุด’ / เปลี่ยนผ่าน

เปลี่ยนผ่าน

บุญญฤทธิ์ บัวขำ

 

‘มุก โอลีฟส์’

: ‘เราควรมีชีวิตที่ดีในช่วงอายุที่ดีที่สุด’

 

“เสียเวลามีชีวิตที่ดี ในช่วงอายุที่ดีที่สุด ให้กับรัฐบาลที่ห่วยที่สุดในประวัติศาสตร์” นั่นคือข้อความสะท้อนความในใจของ “มุก-กฤตพร มณฑีรรัตน์” อดีตสมาชิกวงโอลีฟส์ ที่อ้างว่าได้รับผลกระทบจากการทำงานของรัฐบาลชุดนี้

มุกโพสต์ข้อความดังกล่าวลงในสื่อโซเชียลช่องทางต่างๆ เมื่อวันที่ 7 เมษายน ก่อนมันจะกลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ทันที

โดยมีทั้งคนที่ออกมาเชียร์ความคิดเห็นนี้ พร้อมแชร์ประสบการณ์คล้ายคลึงกันของตนเอง และฝ่ายที่มองว่ามุกยังเป็นเด็กเพิ่งมาศึกษาเรื่องการเมือง จึงอาจจะไม่เท่าทันโลกใบนี้อย่างแท้จริง

 

“มุก โอลีฟส์” เริ่มต้นอาชีพสายบันเทิงด้วยการเป็นศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปในค่ายเพลงใหญ่แห่งหนึ่ง เธอและเพื่อนๆ มีเพลงดังขึ้นอันดับ 1 ในคลื่นวิทยุหลายสถานี ก่อนที่ความนิยมของวงจะค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลา

มุกจึงเริ่มต้นทำงานตามสายอาชีพที่เธอเล่าเรียนมา นั่นคือการเป็น “วิศวกร” ในบริษัทธุรกิจน้ำมัน

แม้จะถูกบางคนสบประมาทว่าเด็กสาววัย 28 ปีผู้นี้ยัง “เด็กเกินไป” ในการแสดงความเห็นทางการเมือง แต่มุกเปิดเผยว่าเธอเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่สนใจติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ตลอด

“เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือ แล้วเราก็ชอบตามข่าวบ้านเมือง ตั้งแต่เด็กๆ ก่อนไปโรงเรียนก็จะกินข้าวเช้ากับที่บ้าน ก็คือนั่งดูข่าวแล้ว กลับมาบ้านก็ต้องดูข่าวเย็น ในห้องน้ำก็จะมีหนังสือพิมพ์กองเป็นตึกเลย เพราะฉะนั้น ก็จะเป็นคนที่อ่านหนังสือตามข่าวบ้านเมืองตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว

“คือมุกไม่ได้คิดว่าการที่เราเป็นวิศวกร การที่เราเป็นนักร้อง หรือการที่เราเป็นแค่บุคคลธรรมดา มันต้องแยกออกจากการเมือง เรื่องการเมืองคือเรื่องของทุกคน คุณเดินออกมานอกบ้านคุณก็เจอการเมืองแล้ว ฟุตปาธ ถนน รถติด สายไฟ ฝุ่น คือทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกับการเมืองหมด

“เพราะฉะนั้น มุกเลยหันมาสนใจสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนควรได้รับ”

การที่ดาราคนหนึ่งหรือบุคคลคนหนึ่งออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ท่ามกลางความขัดแย้งแตกแยกในสังคม ผู้คนเหล่านั้นล้วนทราบดีอยู่แล้วว่าการเลือกทางเดินสายนี้มีราคาที่ต้องจ่าย

เช่นเดียวกับพ่อของมุกเองที่คอยเป็นห่วงลูกสาวอยู่เสมอ โดยเขาเคยถามลูกสาวว่า “รู้ใช่ไหมว่าการที่เราพูดมันจะมีผลกระทบอะไรบ้าง?”

แต่ด้วยความที่มุกทำงานในฐานะ “บุคคลสาธารณะ” มาตั้งแต่เด็กๆ เธอจึงถือว่าแรงกระทบเหล่านั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะเคยเจอมาจนชินแล้ว ทั้งยังยืนยันกับพ่อว่าเธอรับเรื่องนี้ได้

ดังนั้น วิศวกร-อดีตนักร้องหญิง จึงแสดงทัศนะทางการเมืองผ่านโซเชียลมีเดียอย่างจริงจัง เธอวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงส่งกำลังใจให้กับกลุ่มประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มุกได้รับ “ก้อนอิฐ” จากผู้มีความคิดฝั่งตรงข้าม

“มุกต้องการให้คนรับรู้ว่าเราสามารถวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้ คือเราไม่พอใจอะไรเราพูดได้ แต่ไม่ใช่ว่าเอะอะเราจะฉอดๆๆๆ อย่างเดียว

“ส่วนใหญ่ที่มุกโพสต์ลงไปก็คือสิ่งที่เราเจอมากับตัว หรือว่าผลกระทบโดยส่วนรวมที่เราไม่ได้โดนตรงๆ อย่างเช่นตำรวจสลายม็อบ เราก็โพสต์เพราะว่าเราทนดูไม่ได้ มันแค่ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเอง รู้สึกไม่โอเคก็แค่โพสต์ ทำไมต้องเก็บไว้

“เมื่อคืนก็เพิ่งได้เห็นคอมเมนต์ (ด้านลบ) อยู่เหมือนกัน ประมาณว่า แหมหนู ไปโตก่อนแล้วกัน ถึงค่อยมาพูดเรื่องการเมือง แหม หนูอยู่มากี่ปีกี่สมัยแล้ว

“คือเรางงว่าทำไมต้องเอาเรื่องอายุมาข่มกันด้วย อายุมากกว่า โอเคเราก็เคารพ แต่มุกคาดหวังให้เอาเหตุและผลมานั่งคุยกันมากกว่าที่จะมานั่งบอกว่าฉันโตกว่า ฉันแก่กว่า ถ้าคุยกันเรื่องเหตุและผล มุกเปิดใจฟังมากเลย เรามานั่งคุยกันได้”

 

มุกเองก็เกิดคำถามในใจว่าเพราะเหตุใดจึงมีคนกลุ่มหนึ่ง “เห็นดีเห็นชอบ” กับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ เธอเคยพยายามไปนั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะกับคนเหล่านั้นบางส่วน

ตลอดการสนทนาราว 1-2 ชั่วโมง เธอพบว่าพวกเขามี “กำแพง” ของตัวเอง ผลลัพธ์ในการแลกเปลี่ยนมุมมองจึงไม่ค่อยน่าพอใจสักเท่าไหร่ เพราะชุดข้อมูลพื้นฐานที่สองฝ่ายได้รับนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

โดยส่วนตัว “มุก โอลีฟส์” ประกาศว่าแนวคิดและจุดยืนของเธอมีความชัดเจน นั่นคือการเรียกร้องให้รัฐบาลมอบ “สวัสดิการที่ดี” ให้แก่ประชาชน เพราะเธอมองว่าเราควรมีชีวิตที่ดีในช่วงอายุที่ดีที่สุด

“สิ่งที่เราโพสต์ก็คือมานั่งคิดว่าเราอายุ 28 ปี ย้อนกลับไป 7 ปี เราเรียนจบปุ๊บ เราก็ต้องอยู่กับรัฐบาลนี้มาตลอด มันไม่ได้ดีขึ้น แต่แย่ลง ช่วงอายุเลข 2 เนี่ย มันเป็นยุคทองของมนุษย์คนหนึ่งเลย เรียนจบมาต้อง โอ้โห! ไฟแรงมาก ทำงานได้เงินไปเที่ยวต่างประเทศ คือมีทั้งแรง มีทั้งเงิน มีทั้งเวลา

“มันจะมีคอมเมนต์เขียนว่า 1.ห่วยเองหรือเปล่า? 2.เห็นในอินสตาแกรมชีวิตก็ดีอยู่แล้วนี่ 3.อยู่ไม่ได้ก็ตายไป ตลกป่ะ? แต่ละอัน 1 2 3 คืองงมาก มุกบอกว่ามันห่วย รัฐบาลห่วย คือมุกไม่ได้บอกว่าชีวิตมุกมันห่วยขนาดนั้น แต่ว่ามันดีได้มากกว่านี้

“คือถ้ามุกพูดไป ก็จะมีคอมเมนต์หนึ่งเขียนประมาณว่า โอ๊ยหนู! ประเทศอื่นก็มีแย่อยู่นะ ก็อย่าไปเทียบกับประเทศนั้นสิ ไปเทียบประเทศที่เขาดีสิ สวัสดิการพลเมืองที่ดีเนี่ยคือมุกรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับภาษีที่เราเสียไป ภาษีที่เราเสียไปมันเอาไปใช้ประโยชน์ได้มากขนาดไหน”

 

บางครั้ง มุกถึงขั้นมีความคิดจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศเหมือนที่หลายๆ คนตัดสินใจ แต่สุดท้ายเธอก็คิดทบทวนอีกครั้งหนึ่งว่า “มันก็ยังพอมีหวังในประเทศนี้อยู่บ้าง”

เพราะสิ่งที่เธอต้องการก็แค่เรื่องง่ายๆ นั่นคือการมีรถสาธารณะที่ดี ทางเท้าที่ดี การศึกษาที่ดีที่ทุกคนต้องเข้าถึงได้ น้ำประปาที่สะอาด อากาศที่ดี เนื่องจากเธอเชื่อว่าหากทุกอย่างสามารถเริ่มต้นมาได้ขนาดนั้นแล้ว การพัฒนาขั้นต่อๆ ไป ก็คงดำเนินไปได้ไม่ยาก

“ความสุขในวัย 28 ปีของมุก คือยังมีชีวิตรอด แล้วก็ยังมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรดีๆ ในทุกวัน เราก็ยังมีหวังในประเทศนี้อยู่ ถึงแม้มันจะน้อย ก็ยังมีหวังอยู่ แล้วยิ่งได้เห็นเด็กๆ รุ่นใหม่ที่เขาออกมาขับเคลื่อนภายในเวลา 2 ปี เขายังแบบ…หูย ทำได้มากกว่าเราที่โตมา 28 ปีอีก เพราะงั้นมุกเลยรู้สึกว่าเริ่มมีหวัง

“ความสุขของมุกคือรอที่จะเห็นในอีก 1-10 ปีข้างหน้า ยังมีความสุข มีหวังอยู่ว่าประเทศจะไปได้ดี”