ไทม์เอาต์/Red Monster /’เลอบรอน เจมส์’ ยอดนักบาสมือทอง ขึ้นแท่นเจ้าของร่วม ‘ลิเวอร์พูล’

(FILES) In this file photo taken on October 15, 2011, US basketball player Lebron James (C), a minority owner at Anfield, looks on before the English Premier League football match between Liverpool and Manchester United at Anfield in Liverpool, England. RESTRICTED TO EDITORIAL USE. No use with unauthorized audio, video, data, fixture lists, club/league logos or ìliveî services. Online in-match use limited to 45 images, no video emulation. No use in betting, games or single club/league/player publications. - NBA superstar James has increased his ownership stake in English Premiership club Liverpool via a deal confirmed on March 31, 2021, that makes him a partner in Fenway Sports Group. (Photo by Andrew YATES / AFP)

ไทม์เอาต์/Red Monster

‘เลอบรอน เจมส์’

ยอดนักบาสมือทอง

ขึ้นแท่นเจ้าของร่วม ‘ลิเวอร์พูล’

เลอบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลชื่อดังแห่งศึกบาสเอ็นบีเอ ที่ใครๆ ต่างรู้จักเขาในฉายา คิงเจมส์

ปัจจุบันเขาอายุ 36 ปี พ่วงด้วยดีกรีแชมป์ลีกเอ็นบีเอ 4 สมัย, เอ็มวีพีรอบไฟนอลส์ 4 สมัย และเอ็มวีพีของฤดูกาลปกติ 4 สมัย รวมถึงเป็นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกกับสหรัฐ 2 สมัย เป็นต้น

เจมส์ไม่ได้ประสบความสำเร็จแค่เรื่องในสนามเท่านั้น

เพราะยังประสบความสำเร็จในด้านรายได้ด้วย

 

เมื่อต้นปี ฟอกซ์สปอร์ต รายงานว่า เจมส์เป็นนักบาสเอ็นบีเอที่ทำรายได้ต่อปีมากสุด 7 สมัยซ้อน และฟอร์บส์คาดว่าปีล่าสุดเขาทำเงินไปถึง 95.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในจำนวนนั้น เป็นรายได้นอกสนาม 64 ล้านดอลลาร์ โดยมาจากบรรดาหุ้นและสปอนเซอร์หลากหลายเจ้า เช่น บีตส์ อิเล็กทรอนิกส์ บริษัทผลิตอุปกรณ์ด้านเสียงชื่อดัง และไนกี้ แบรนด์กีฬาระดับโลกที่เซ็นสัญญาตลอดชีพกับเจมส์ไปแล้ว เป็นต้น

เมื่อรวมรายได้ปีล่าสุด เจมส์ทำเงินตลอดเส้นทางอาชีพทะลุ 1,000 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว นอกจากนี้ เขายังนำรายได้ไปลงทุนสานต่อเม็ดเงินให้งอกงามอีกด้วย

 

ล่าสุด เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มทุน เรดเบิร์ด แคปปิตอล ที่มีเจมส์ร่วมลงทุนอยู่ด้วย ซื้อหุ้นจาก แฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป หรือ เอฟเอสจี กลุ่มทุนเจ้าของสโมสร ลิเวอร์พูล ในสัดส่วน 10 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเงินจำนวน 750 ล้านดอลลาร์

เรดเบิร์ด แคปปิตอล กลายเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่สูงสุดเป็นอันดับ 3 ทำให้คิงเจมส์มีชื่อเป็นเจ้าของร่วมในทีมต่างๆ ของเครือเอฟเอสจี ซึ่งรวมถึง “ลิเวอร์พูล” ด้วย

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจมส์มีส่วนร่วมทางธุรกิจกับหงส์แดง

เจมส์เริ่มเข้ามาถือหุ้นของลิเวอร์พูลมาตั้งแต่ปี 2011 จากการใช้เงินประมาณ 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อจำนวนหุ้น 2 เปอร์เซ็นต์

“มีไม่กี่ทีมหรอก ที่เพียงแค่เห็นโลโก้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลกนี้ คุณก็สามารถรู้ได้เลยว่าพวกเขาเป็นใคร และเจ๋งแค่ไหน ซึ่งลิเวอร์พูลอยู่ในกลุ่มนั้น ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่ นั่นหมายความว่ามีศักยภาพในการเติบโตต่อได้อีก” เจมส์กล่าว

ด้วยตารางของเจมส์อาจทำให้ไม่ได้มาดูลิเวอร์พูลบ่อยนัก แต่เขาเคยปรากฏตัวที่สนามในแมตช์หงส์แดงปะทะกับ แมนฯ ยู เมื่อปี 2011

“การมาแอนฟิลด์ ได้เห็นแฟนบอลกว่า 40,000 คนตะโกนเชียร์แบบสุดพลังตลอดเกม เป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากๆ” เจมส์ระบุ

 

สัดส่วนการถือหุ้นหงส์แดง 2 เปอร์เซ็นต์ของเจมส์ เมื่อมองจากผลลัพธ์ที่ได้ในเวลาต่อมานั้น ถือว่าเป็นการลงทุนที่ดีมากๆ

เมื่อปี 2011 ตอนแรกที่เจมส์เข้ามาซื้อหุ้น 2 เปอร์เซ็นต์ มีมูลค่าอยู่ที่ 6.5 ล้านดอลลาร์ แต่ด้วยผลงานของหงส์แดงที่แข็งแกร่งขึ้น ทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นไปด้วย ซึ่งปี 2018 มีรายงานว่า หุ้นของเจมส์นั้นมูลค่าพุ่งมาที่ 32 ล้านดอลลาร์ และยังคงเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งคาดว่าปัจจุบันนี้มีมูลค่าราว 51 ล้านดอลลาร์แล้ว

มูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เกี่ยวโยงกับความสำเร็จของสโมสรหงส์แดง โดยเฉพาะ แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2019 ต่อด้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในปี 2020 รวมถึงถ้วยแชม์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ หรือถ้วยสโมสรโลก 2019

การที่กลุ่มทุนซื้อหุ้นหงส์แดงเพิ่มในครั้งนี้ แม้อาจเป็นช่วงที่หลายๆ ส่วนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผลงานหงส์แดงก็อยู่ในช่วงดร็อปลงจากซีซั่นก่อน แต่หากสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย ลิเวอร์พูลหวนคืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง มูลค่าจากเงินลงทุนก็จะงอกงามตามไปด้วย

นับเป็นการใช้เงินต่อเงิน มองการณ์ไกลหวังผลได้ในระยะยาวที่ดีของเลอบรอน เจมส์