ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 เมษายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | มุมมุสลิม |
ผู้เขียน | จรัญ มะลูลีม |
เผยแพร่ |
มุมมุสลิม
จรัญ มะลูลีม
กวีนิพนธ์ของมุฮัมมัด อิกบาล (9)
26.
ประชาชนผู้หลงทางพเนจรร่อนเร่ไปสู่หิญาซ
เบนสายตาที่ใฝ่ฝันหวนกลับมา
ดุจดังนกไนติงเกลผู้ไร้ปีก
กระพือปีกเพราะความรักฟากฟ้าอันเปิดกว้าง
ดอกไม้ตูมทุกดอกในอุทยานปรารถนาจักแบ่งบาน
ขจรความหอมหวนในเรือนกายของมักออก
สายพิณและเครื่องดีดต่างรออยู่ดุจเดียวกัน
จงแตะสายของมัน จงสดับบทเพลงของมันเถิด
เสียงเพลงก็รุ่มร้อนและรำคาญ
ปรารถนาจักผลุดพุ่งออกมาจากสายพิณ
ขุนเขาแห่งมูซา19 สั่นไหว กระหายที่จักได้ลุกไหม้ด้วยสายฟ้าแห่งพระองค์
27.
ประชาชาติที่พระองค์ทรงอวยพร ได้ปลดเปลื้องภาระของเขาให้เบาบาง
จงชูมดที่ต่ำต้อยขึ้นเถิดและทำให้มันเป็นสหายแห่งสุลัยมาน20
ทำให้ความรักอันเป็นสินค้าที่หายากมีอยู่อย่างอุดม
เพื่อว่าทุกคนอาจจักซื้อและขายได้
ทำให้ชาวอินเดียจำนวนล้านผู้ยังอยู่ในวัดเปลี่ยนไปรับอิสลาม
เราทุกข์ยากทรมานมายาวนาน
ดูเถิดว่าเลือดแห่งความโศกศัลย์ไหลหลั่งลงเรือนร่าง
อย่างไรบ้าง
จากดวงใจที่ถูกแทงทะลุโดยมีดคม
จงสดับเสียงร้องแห่งความปวดร้าวนี้
28.
กลิ่นหอมแห่งกุหลาบถูกลักไป
และความลับแห่งสวนถูกเผยขึ้น
ช่างเป็นภัยพิบัติมหันต์อันใดหนอ
ดอกไม้เองควรแสดงบทแห่งผู้ทรยศ
พิณแห่งอุทยานพังพินาศ ฤดูกาลแห่งดอกไม้ก็ผ่านไป
เหลือแต่เพียงไนติงเกลซึ่งสูญสิ้นความชื่นบาน
ในบทเพลงของมันแล้ว
ทรวงอกมันเต็มปรี่ด้วยเสียงดนตรี ซึ่งยังวกวนไปด้วยพายุ
29.
นกเขาละจากต้นไซเปรส บินจากสวนของมันไป
ดอกไม้โรยกลีบซึ่งถูกพัดพาไปตามยถากรรม
ทางเดินในสวนทอดตัวอยู่อย่างเปล่าเปลี่ยวน่าเวทนานัก
กิ่งก้านก็ไร้ใบไม้ซึ่งครั้งหนึ่งมันสวมใส่อยู่
เขาเท่านั้นยังยืนหยัดไม่โค้งงออยู่ในสายโซ่แห่งฤดูกาลที่ผันไป
อนิจจา ในสวนนั้นมิมีใครเหลืออยู่สักคนเดียวเพื่อสดับฟังเสียงคร่ำครวญของเขา
30.
ในการสิ้นชีพสของเรานั้นมิมีความปราโมทย์เลย
และในการดำรงชีวิตอยู่หรือก็ไร้ซึ่งปีติ
ความสำราญหนึ่งเดียวคือการรจนาบทกวี
และดื่มเลือดในหัวใจของเราเอง
คันฉ่องในดวงใจข้าฯ นั้นฝังด้วยอัญมณีมากหลายประกายแสง
ในหัวอกของข้าฯ นิมิตที่รวดร้าวถูกกักขังไว้
ใคร่จักรอระเบิดออกเป็นแสงฉาน
แต่ในสวนก็ไร้ซึ่งผู้มีดวงตาเป็นพยาน
ไม่มีทิวลิปที่หลั่งเลือดสักดอกเดียวที่จะทนพิษบาดแผลในทรวงอกของมันได้
31.
ขอให้เสียงนกไนติงเกลผู้อ้างว้างนี้แทงทะลุเข้าใปในหัวใจของทุกผู้
ปลุกเร้าดวงใจผู้หลับใหลด้วยเสียงกังวานแห่งข้าฯ นี้
เราจักลงนามในสัญญาอันใหม่แห่งศรัทธาด้วยเลือดสด
ปล่อยดวงใจเราให้โหยกระหายอีกครั้งเถิดเพื่อจักได้จิบเหล้าองุ่น
จักเป็นไรไปหรือไม่หากว่าเหยือกนั้นเป็นของเปอร์เซีย
เพราะสุราที่ข้าฯ รินนั้นย่อมมาจากหิญาซ
จักเป็นไรไปหรือหากบทเพลงนั้นเป็นของอินเดีย
ความยวนใจของมันก็เป็นแบบหิญาซเอง
คำตอบต่อคำร้องทุกข์
อิกบาลได้ท่องบทกวี คำตอบต่อคำร้องทุกข์เป็นครั้งแรกในปี 1913 ณ ที่ประชุมในตำบลโมชิเกท เมืองลาโฮร์ การประชุมนี้ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อหาทุนช่วยชาวตุรกีรบกับชาวบุลกาเรียน
สำเนาบทกวีนี้ขายได้นับพันๆ ฉบับและได้ถูกส่งไปยังกรุงคอนสแตนติโนเปิล
เห็นได้ชัดว่าในการประพันธ์กวีบทนี้อิกบาลตั้งใจที่จะตอบคำวิพากษ์วิจารณ์ของอุลามาอฺ (นักการศาสนา) หัวเก่าที่ต่อต้านบทกวี “คำร้องทุกข์” ของเขาด้วยซึ่งได้จัดพิมพ์เมื่อสี่ปีก่อนโน้น
ในตอนแรกของบทกวีนี้ได้อธิบายว่าเนื่องจากคำร้องทุกข์ของเขาเกิดมาจากความปวดร้าวในดวงใจของเขาเอง มันจึงขึ้นสูงไปสรวงสวรรค์ได้
สามตอนต่อมาแต่งเติม แนวเรื่องของตอนที่หนึ่งในรูปของการสนทนาระหว่าง ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าและจบลงด้วยการที่ริดวานผู้เป็นยามแห่งสรวงสวรรค์รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเชื้อสายของอาดัมผู้ถูกขับไล่จากสวนเอเดน
บทกวีส่วนที่เหลืออุทิศให้แก่คำตอบของพระผู้เป็นเจ้าแกคำร้องทุกข์ของอิกบาล
คำตอบของอัลลอฮฺ
1.
ถ้อยที่กล่าวจากหัวใจย่อมไม่แคล้วจักมีผล
ต้นตอมันศักดิ์สิทธิ์และพิสุทธิ์ สายตามันทอดไปสู่ที่สูง
มันหามีปีกไม่ แต่กระนั้นก็ยังมีพลังบิน
มันลอยลิ่วจากผงธุลีแทงทะลุผืนนภา
ความรักของข้าฯ นั้นช่างหัวแข็งและผยองนัก
โน้มน้าวไปทางมีพิษภัย
คำร้องทุกข์ของข้าฯ นั้นตรงทื่อ มันแหวกผ่านห้วงนภากาศ
2.
โค้งรอบฟ้าบุร่ำบุราณได้ยินเข้า มักกล่าวว่า
“มีผู้ใดอยู่ ณ หนไหนสักแห่งหนึ่ง”
ดาวพระเคราะห์เอ่ยขึ้นว่า
“คงมีใครบางคนอยู่บนยอดเขาสูงเก่าแก่นี้”
“หาใช่ที่นี่ไม่” ดวงจันทร์ค้าน “คงจักต้องเป็นใครจากผืนดินเบื้องล่าง”
มีแต่เพียงยามประตูสวนเอเดนเท่านั้น
ที่จำคำคร่ำครวญของข้าฯ ได้
และเข้าใจได้ว่าข้าฯ ก็คือมนุษย์ที่ถูกเหวี่ยงลงมาจากสวรรค์
3.
เสียงนั้นลอยมาก่อนความพินาศแม้กระทั่งมวลมลาอิกัตเอง
แก่ผู้อื่นซึ่งในท้องฟ้า ความลี้ลับนั้นหาได้เผยออกไม่
(พวกเขานึกอัศจรรย์ใจว่า) อันความสูงของฟากฟ้านั้น
จะเป็นเป้าหมายแห่งการดิ้นรนของมนุษย์หรือ?
เจ้าธุลีหยิบมือหนึ่งนี้รู้จักมารยาทน้อยเสียเหลือเกิน
บรรดาผู้พักพิงอยู่ในเขตขันธ์เบื้องล่างเหล่านี้ช่างโอหังนี่กระไร!
4.
มันด่าทอแม้กระทั่งอัลลอฮฺ มันช่างเย่อหยิ่งเสียเหลือแสน
มันคืออาดัมผู้เดียวกับที่มวลมลาอิกัตโค้งคำนับให้หรือเปล่าหนอ?
มันรู้จักสรรพสิ่ง ทั้งจำนวนและคุณภาพ
ถูกละ มันรู้จักสิ่งเหล่านี้ แต่หารู้จักความลับแห่งความถ่อมตนไม่
มนุษย์เที่ยวโอ้อวดพลังแห่งถ้อยคำของตนอย่างทะนงอยู่เสมอ
แต่พวกเขาหารู้จักวิธีกล่าวถ้อยไม่
5.
มีสุรเสียงดำรัสว่า “เรื่องของเจ้าช่างเต็มไปด้วยความเศร้า
น้ำตาเจ้าไหวระริกที่ขอบตา พร้อมจะไหลหลั่งลงมาแล้ว
ฟากฟ้าลั่นสะท้านด้วยเสียงร้องร่ำคร่ำครวญของเจ้า
ดวงใจอันรุนแรงด้วยอารมณ์ดันลิ้นเจ้าให้กล่าวอย่างมีเล่ห์!
คำร้องทุกข์ของเจ้าช่างคล่องแคล่วนัก
เจ้าเอ่ยถ้อยออกมาให้ดูดั่งคำสรรเสริญ
บังอาจพูดกับเราในฐานะเท่าเทียมกัน
นี่มนุษย์สูงเทียมฟ้าแล้วหรือไฉน?
19มูซา ชื่อท่านศาสดาท่านหนึ่งของอิสลาม ผู้ให้กำเนิดศาสนาจูดาห์ เป็นผู้นำชาวยิวต่อสู้กับการกดขี่ของกษัตริย์ฟาโรห์
20สุลัยมาน ชื่อศาสดาท่านหนึ่งของอิสลาม ผู้เป็นทั้งศาสดาและจอมจักรพรรดิในพระคัมภีร์กุรอานกล่าวถึงท่านกับมด เพราะท่านรู้ภาษามดและอื่นๆ