กวีนิพนธ์ของมุฮัมมัด อิกบาล (9) / มุมมุสลิม จรัญ มะลูลีม

จรัญ มะลูลีม

มุมมุสลิม

จรัญ มะลูลีม

 

กวีนิพนธ์ของมุฮัมมัด อิกบาล (9)

 

26.

ประชาชนผู้หลงทางพเนจรร่อนเร่ไปสู่หิญาซ

เบนสายตาที่ใฝ่ฝันหวนกลับมา

ดุจดังนกไนติงเกลผู้ไร้ปีก

กระพือปีกเพราะความรักฟากฟ้าอันเปิดกว้าง

ดอกไม้ตูมทุกดอกในอุทยานปรารถนาจักแบ่งบาน

ขจรความหอมหวนในเรือนกายของมักออก

สายพิณและเครื่องดีดต่างรออยู่ดุจเดียวกัน

จงแตะสายของมัน จงสดับบทเพลงของมันเถิด

เสียงเพลงก็รุ่มร้อนและรำคาญ

ปรารถนาจักผลุดพุ่งออกมาจากสายพิณ

ขุนเขาแห่งมูซา19 สั่นไหว กระหายที่จักได้ลุกไหม้ด้วยสายฟ้าแห่งพระองค์

 

27.

ประชาชาติที่พระองค์ทรงอวยพร ได้ปลดเปลื้องภาระของเขาให้เบาบาง

จงชูมดที่ต่ำต้อยขึ้นเถิดและทำให้มันเป็นสหายแห่งสุลัยมาน20

ทำให้ความรักอันเป็นสินค้าที่หายากมีอยู่อย่างอุดม

เพื่อว่าทุกคนอาจจักซื้อและขายได้

ทำให้ชาวอินเดียจำนวนล้านผู้ยังอยู่ในวัดเปลี่ยนไปรับอิสลาม

เราทุกข์ยากทรมานมายาวนาน

ดูเถิดว่าเลือดแห่งความโศกศัลย์ไหลหลั่งลงเรือนร่าง

อย่างไรบ้าง

จากดวงใจที่ถูกแทงทะลุโดยมีดคม

จงสดับเสียงร้องแห่งความปวดร้าวนี้

 

28.

กลิ่นหอมแห่งกุหลาบถูกลักไป

และความลับแห่งสวนถูกเผยขึ้น

ช่างเป็นภัยพิบัติมหันต์อันใดหนอ

ดอกไม้เองควรแสดงบทแห่งผู้ทรยศ

พิณแห่งอุทยานพังพินาศ ฤดูกาลแห่งดอกไม้ก็ผ่านไป

เหลือแต่เพียงไนติงเกลซึ่งสูญสิ้นความชื่นบาน

ในบทเพลงของมันแล้ว

ทรวงอกมันเต็มปรี่ด้วยเสียงดนตรี ซึ่งยังวกวนไปด้วยพายุ

 

29.

นกเขาละจากต้นไซเปรส บินจากสวนของมันไป

ดอกไม้โรยกลีบซึ่งถูกพัดพาไปตามยถากรรม

ทางเดินในสวนทอดตัวอยู่อย่างเปล่าเปลี่ยวน่าเวทนานัก

กิ่งก้านก็ไร้ใบไม้ซึ่งครั้งหนึ่งมันสวมใส่อยู่

เขาเท่านั้นยังยืนหยัดไม่โค้งงออยู่ในสายโซ่แห่งฤดูกาลที่ผันไป

อนิจจา ในสวนนั้นมิมีใครเหลืออยู่สักคนเดียวเพื่อสดับฟังเสียงคร่ำครวญของเขา

 

30.

ในการสิ้นชีพสของเรานั้นมิมีความปราโมทย์เลย

และในการดำรงชีวิตอยู่หรือก็ไร้ซึ่งปีติ

ความสำราญหนึ่งเดียวคือการรจนาบทกวี

และดื่มเลือดในหัวใจของเราเอง

คันฉ่องในดวงใจข้าฯ นั้นฝังด้วยอัญมณีมากหลายประกายแสง

ในหัวอกของข้าฯ นิมิตที่รวดร้าวถูกกักขังไว้

ใคร่จักรอระเบิดออกเป็นแสงฉาน

แต่ในสวนก็ไร้ซึ่งผู้มีดวงตาเป็นพยาน

ไม่มีทิวลิปที่หลั่งเลือดสักดอกเดียวที่จะทนพิษบาดแผลในทรวงอกของมันได้

 

31.

ขอให้เสียงนกไนติงเกลผู้อ้างว้างนี้แทงทะลุเข้าใปในหัวใจของทุกผู้

ปลุกเร้าดวงใจผู้หลับใหลด้วยเสียงกังวานแห่งข้าฯ นี้

เราจักลงนามในสัญญาอันใหม่แห่งศรัทธาด้วยเลือดสด

ปล่อยดวงใจเราให้โหยกระหายอีกครั้งเถิดเพื่อจักได้จิบเหล้าองุ่น

จักเป็นไรไปหรือไม่หากว่าเหยือกนั้นเป็นของเปอร์เซีย

เพราะสุราที่ข้าฯ รินนั้นย่อมมาจากหิญาซ

จักเป็นไรไปหรือหากบทเพลงนั้นเป็นของอินเดีย

ความยวนใจของมันก็เป็นแบบหิญาซเอง

คำตอบต่อคำร้องทุกข์

 

อิกบาลได้ท่องบทกวี คำตอบต่อคำร้องทุกข์เป็นครั้งแรกในปี 1913 ณ ที่ประชุมในตำบลโมชิเกท เมืองลาโฮร์ การประชุมนี้ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อหาทุนช่วยชาวตุรกีรบกับชาวบุลกาเรียน

สำเนาบทกวีนี้ขายได้นับพันๆ ฉบับและได้ถูกส่งไปยังกรุงคอนสแตนติโนเปิล

เห็นได้ชัดว่าในการประพันธ์กวีบทนี้อิกบาลตั้งใจที่จะตอบคำวิพากษ์วิจารณ์ของอุลามาอฺ (นักการศาสนา) หัวเก่าที่ต่อต้านบทกวี “คำร้องทุกข์” ของเขาด้วยซึ่งได้จัดพิมพ์เมื่อสี่ปีก่อนโน้น

ในตอนแรกของบทกวีนี้ได้อธิบายว่าเนื่องจากคำร้องทุกข์ของเขาเกิดมาจากความปวดร้าวในดวงใจของเขาเอง มันจึงขึ้นสูงไปสรวงสวรรค์ได้

สามตอนต่อมาแต่งเติม แนวเรื่องของตอนที่หนึ่งในรูปของการสนทนาระหว่าง ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าและจบลงด้วยการที่ริดวานผู้เป็นยามแห่งสรวงสวรรค์รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเชื้อสายของอาดัมผู้ถูกขับไล่จากสวนเอเดน

บทกวีส่วนที่เหลืออุทิศให้แก่คำตอบของพระผู้เป็นเจ้าแกคำร้องทุกข์ของอิกบาล

คำตอบของอัลลอฮฺ

 

1.

ถ้อยที่กล่าวจากหัวใจย่อมไม่แคล้วจักมีผล

ต้นตอมันศักดิ์สิทธิ์และพิสุทธิ์ สายตามันทอดไปสู่ที่สูง

มันหามีปีกไม่ แต่กระนั้นก็ยังมีพลังบิน

มันลอยลิ่วจากผงธุลีแทงทะลุผืนนภา

ความรักของข้าฯ นั้นช่างหัวแข็งและผยองนัก

โน้มน้าวไปทางมีพิษภัย

คำร้องทุกข์ของข้าฯ นั้นตรงทื่อ มันแหวกผ่านห้วงนภากาศ

 

2.

โค้งรอบฟ้าบุร่ำบุราณได้ยินเข้า มักกล่าวว่า

“มีผู้ใดอยู่ ณ หนไหนสักแห่งหนึ่ง”

ดาวพระเคราะห์เอ่ยขึ้นว่า

“คงมีใครบางคนอยู่บนยอดเขาสูงเก่าแก่นี้”

“หาใช่ที่นี่ไม่” ดวงจันทร์ค้าน “คงจักต้องเป็นใครจากผืนดินเบื้องล่าง”

มีแต่เพียงยามประตูสวนเอเดนเท่านั้น

ที่จำคำคร่ำครวญของข้าฯ ได้

และเข้าใจได้ว่าข้าฯ ก็คือมนุษย์ที่ถูกเหวี่ยงลงมาจากสวรรค์

 

3.

เสียงนั้นลอยมาก่อนความพินาศแม้กระทั่งมวลมลาอิกัตเอง

แก่ผู้อื่นซึ่งในท้องฟ้า ความลี้ลับนั้นหาได้เผยออกไม่

(พวกเขานึกอัศจรรย์ใจว่า) อันความสูงของฟากฟ้านั้น

จะเป็นเป้าหมายแห่งการดิ้นรนของมนุษย์หรือ?

เจ้าธุลีหยิบมือหนึ่งนี้รู้จักมารยาทน้อยเสียเหลือเกิน

บรรดาผู้พักพิงอยู่ในเขตขันธ์เบื้องล่างเหล่านี้ช่างโอหังนี่กระไร!

 

4.

มันด่าทอแม้กระทั่งอัลลอฮฺ มันช่างเย่อหยิ่งเสียเหลือแสน

มันคืออาดัมผู้เดียวกับที่มวลมลาอิกัตโค้งคำนับให้หรือเปล่าหนอ?

มันรู้จักสรรพสิ่ง ทั้งจำนวนและคุณภาพ

ถูกละ มันรู้จักสิ่งเหล่านี้ แต่หารู้จักความลับแห่งความถ่อมตนไม่

มนุษย์เที่ยวโอ้อวดพลังแห่งถ้อยคำของตนอย่างทะนงอยู่เสมอ

แต่พวกเขาหารู้จักวิธีกล่าวถ้อยไม่

 

5.

มีสุรเสียงดำรัสว่า “เรื่องของเจ้าช่างเต็มไปด้วยความเศร้า

น้ำตาเจ้าไหวระริกที่ขอบตา พร้อมจะไหลหลั่งลงมาแล้ว

ฟากฟ้าลั่นสะท้านด้วยเสียงร้องร่ำคร่ำครวญของเจ้า

ดวงใจอันรุนแรงด้วยอารมณ์ดันลิ้นเจ้าให้กล่าวอย่างมีเล่ห์!

คำร้องทุกข์ของเจ้าช่างคล่องแคล่วนัก

เจ้าเอ่ยถ้อยออกมาให้ดูดั่งคำสรรเสริญ

บังอาจพูดกับเราในฐานะเท่าเทียมกัน

นี่มนุษย์สูงเทียมฟ้าแล้วหรือไฉน?

19มูซา ชื่อท่านศาสดาท่านหนึ่งของอิสลาม ผู้ให้กำเนิดศาสนาจูดาห์ เป็นผู้นำชาวยิวต่อสู้กับการกดขี่ของกษัตริย์ฟาโรห์

20สุลัยมาน ชื่อศาสดาท่านหนึ่งของอิสลาม ผู้เป็นทั้งศาสดาและจอมจักรพรรดิในพระคัมภีร์กุรอานกล่าวถึงท่านกับมด เพราะท่านรู้ภาษามดและอื่นๆ