สิ่งแวดล้อม : ถนนสวย-ต้นไม้งาม / ทวีศักดิ์ บุตรตัน

ทวีศักดิ์ บุตรตัน

ทวีศักดิ์ บุตรตัน

[email protected]

 

ถนนสวย-ต้นไม้งาม

ช่วงนี้ชีพจรลงเท้า

 

เดินทางไปหลายจังหวัดได้ชื่นชมทิวทัศน์ในห้วงสุดท้ายของฤดูหนาวปีนี้ซึ่งเป็นปีที่มีอากาศเย็นๆ และกินเวลายาวเป็นพิเศษตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มาสิ้นสุดปลายกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ระหว่างทางสายรังสิต-นครนายก ก่อนจะเข้าตัวเมืองนครนายก มองต้นสุพรรณิการ์บนเกาะกลางถนนและสองข้างทางต้นราชพฤกษ์ปลูกเป็นแนวยาวสุดสายตา ออกดอกช่อเหลืองห้อยเป็นพวงระย้า

บางช่วงแซมด้วยต้นเหลืองปรีดียาธร กำลังออกดอกเหลืองบานสะพรั่งเช่นกัน

ต้นสุพรรณิการ์ทิ้งใบจนเหลือให้เห็นแค่กิ่งก้าน น่าจะออกดอกเหลืองเต็มต้นในเร็ววันนี้

และถนนสายนี้จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาจังหวัดนครนายกในฤดูร้อนมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฉวยโอกาสขึ้นไปเชียงใหม่ ระหว่างเดินทางไปแถวๆ อำเภอแม่ออน ได้ชื่นชมกับถนนที่มีต้นสักปลูกเรียงสองข้างทาง ยามนี้ใบสักแห้งเป็นสีน้ำตาลช่วยเติมสีสันระหว่างทาง

ที่น่าแปลกใจกับถนนเส้นใหม่เพิ่งก่อสร้างเชื่อมกับตัวเมืองเชียงใหม่ บางช่วงบางตอนของถนน ไม่ปลูกต้นไม้สองข้างทางเอาไว้เลย ดูแล้วโล้นแล้ง มิหนำซ้ำยังสร้างแท่งแบริเออร์กั้นทางขวางสายตาอีกต่างหาก

ความจริงแล้ว การก่อสร้างถนนใหม่ในยุคปัจจุบันต้องคำนึงถึงการปลูกต้นไม้ให้ร่มรื่นสองข้างทางให้มากกว่าในอดีต เพราะสอดคล้องกับสถานการณ์โลกยุคใหม่ที่ไม่ใช่ปลูกต้นไม้เอาไว้แค่สวยงามสบายตาเท่านั้น หากต้นไม้คือโครงสร้างพื้นฐานของเมืองสีเขียว

แนวต้นไม้สองข้างทางให้ร่มเงาลดอุณหภูมิบนท้องถนนทำให้ถนนเย็นลง

ช่วยยืดอายุของถนนโดยเฉพาะถนนคอนกรีตหรือถนนลาดยางมะตอย สกัดฝุ่นควันพิษฟุ้งกระจาย

 

ผลการศึกษาของทั่วโลกพบว่าการปลูกต้นไม้ทั้งบนเกาะกลางถนนและสองข้างทางนั้นมีประโยชน์อย่างมาก

ในประการแรก แนวต้นไม้จะช่วยให้ผู้ขับขี่ได้สังเกตแนวถนนได้ชัดเจน

ปกติแล้วอุบัติเหตุส่วนใหญ่ผู้ขับขี่ประมาทใช้ความเร็วสูง การปลูกต้นไม้จะส่งผลต่อการรับรู้ความกว้างถนนของคนขับ คุณภาพการมองเห็นชัดเจนกว่าถนนที่โล่ง แนวต้นไม้ช่วยปลุกสติการขับขี่และลดระดับความเร็วโดยอัตโนมัติ

แนวต้นไม้ริมถนนและบนเกาะกลางยังช่วยให้ผู้ขับขี่ลดความเครียด ความคับข้องใจ ผู้ขับขี่จะรับรู้ถึงความร่มรื่นของต้นไม้ สูดอากาศสดชื่นมากกว่าถนนที่มีแต่คอนกรีตโล่งไร้สีเขียวของต้นไม้

ส่วนการปลูกต้นไม้กั้นกลางแบ่งเลนซ้าย-ขวาของถนนจะช่วยลดการชนประสานงาอีกด้วย

การปลูกต้นไม้ตามแนวถนนนั้นถือเป็นมาตรฐานสากล วิศวกรจะออกแบบถนนพร้อมๆ กับการวางแนวระยะของต้นไม้และพันธุ์ต้นไม้ที่เหมาะสมกับพื้นที่ สร้างความสวยงามให้กับเมือง

ลดความเครียดและเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่

 

ผลการศึกษาของสหรัฐพบว่าการเกิดอุบัติเหตุบนถนนของสหรัฐในปี 2549 มีจำนวน 38,600 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตราวๆ 43,000 คน

ในจำนวนนี้ 45 เปอร์เซ็นต์เกิดขึ้นบนถนนสายหลัก อีก 55 เปอร์เซ็นต์เกิดบนถนนสายรอง มาในปี 2553 จำนวนประชากรเกือบ 300 ล้านคน เกิดอุบัติเหตุรุนแรง 30,296 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 32,999 คน

แต่พบว่าถนนที่มีแนวต้นไม้แบ่งเลนซ้าย-ขวาและปลูกสองข้างทางช่วยลดอุบัติเหตุลงได้อย่างน้อยๆ 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งดูตัวเลขแล้วจิ๊ดเดียว แต่คิดเป็นจำนวนอุบัติเหตุลดได้ 300 กว่าครั้ง

ส่วนบ้านเราช่วงปี 2549 เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 10,326 คน ขณะที่จำนวนประชากรของไทยในเวลานั้น 67.2 ล้านคน

มาในปี 2556 สถิติการสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุพุ่งทะลุเป็น 22,281 คน มีผู้บาดเจ็บเฉลี่ย 107,542 คนต่อปี

แต่บ้านเรายังไม่มีใครทำสถิติแต่ละปีมีคนขับรถชนแนวต้นไม้กลางถนนหรือต้นไม้ที่ปลูกข้างทาง

สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ ได้คำนวณมูลค่าความสูญเสียจากการเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุจราจรจากพื้นที่ในจังหวัดสระบุรี ด้วยวิธีการประเมินความเต็มใจที่จะจ่ายในการลดอุบัติเหตุทางถนนของคนในพื้นที่

พบว่าการเสียชีวิตมีมูลค่าเท่ากับประมาณ 10 ล้านบาทต่อราย

ขณะที่การบาดเจ็บสาหัสมีมูลค่าเท่ากับประมาณ 3 ล้านบาทต่อราย

ในช่วงปี 2554-2556 มูลค่าของอุบัติเหตุเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 545,435 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)

ค่าเฉลี่ยการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตของคนไทยบนท้องถนนจึงสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศ พัฒนาแล้วทั่วโลก

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน คือการไร้วินัย ไม่เคารพกฎจราจร

จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสอนให้คนใช้รถใช้ถนนมีวินัยและเคารพกฎจราจรตั้งแต่วัยเด็ก

 

ถ้าไม่เรียนรู้ตั้งแต่เด็กแล้ว การทำให้สถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนลดลงก็มีความเป็นไปได้น้อยมาก

อย่าลืมว่าการเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้งนั้น หมายถึงการสูญเสียในทุกด้าน ทั้งเอาชีวิตมาสังเวย พ่อแม่ญาติพี่น้องต้องพลัดพรากเสียน้ำตา

ผู้ได้รับบาดเจ็บต้องเสียโอกาสเสียเวลาในการรักษา หมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ต้องเข้ามาดูแล

เมื่อสถิติการเกิดอุบัติเหตุในแต่ละปีทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเงินเป็นแสนๆ ล้านอย่างที่ทีดีอาร์ไอคำนวณเอาไว้เช่นนี้แล้ว ก็ต้องทบทวนขันน็อตกันใหม่ในทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถใช้ถนน

มาตรฐานของการรักษาวินัยการขับรถต้องเข้มข้นกว่าที่เป็นอยู่

การอนุญาตให้ใบขับขี่กับผู้ที่เพียงแค่สอบผ่านกฎจราจรไม่เพียงพอ

เอาแค่เรื่องง่ายๆ แค่การจอดรถให้เด็กๆ คนสูงวัยข้ามถนนเวลานี้มีให้เห็นน้อยมาก

คนขับรถยนต์ส่วนใหญ่พร้อมจะเหยียบคันเร่งผ่านอย่างไม่แยแส

นี่สะท้อนให้เห็นจิตสำนึกสาธารณะของผู้ขับขี่เป็นอย่างดี

 

มาตรฐานของถนนเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อยไปกว่ากัน

ต้องยอมรับว่าถนนในบ้านเรามาตรฐานต่ำมาก ไม่ต้องเปรียบเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว เอาแค่เพื่อนบ้าน ถนนอย่างในเวียดนาม หรือมาเลเซียก็เห็นได้ชัด

ถนนของเราสร้างได้ไม่กี่ปีก็มีสภาพเป็นหลุมบ่อทรุดแตกร้าวต้องรื้อซ่อมแทบทุกปี

ถนนสายมิตรภาพเส้นทางตั้งแต่สระบุรีไปถึงนครราชสีมาเป็นตัวอย่าง ผ่านไปทีไรก็เห็นซ่อมแล้วซ่อมอีก เลนด้านซ้ายทรุดพังเพราะรถบรรทุกเกินน้ำหนักวิ่ง รถจึงหันมาวิ่งเลนกลาง เลนขวา เมื่อรถช้าอืดก็ไปขวางทางทำให้การจราจรไม่ลื่นไหล

อีกมาตรฐานหนึ่งที่จำเป็นต้องยกระดับ นั่นคือการก่อสร้างถนนและการปลูกต้นไม้ในทุกๆ โครงการ

การปลูกต้นไม้ช่วยทั้งลดอุบัติเหตุการจราจรและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้สวยงามร่มรื่น เป็นประโยชน์ทั้งทางวิศวกรรม ภูมิสถาปัตย์และสุขภาพจิตของประชาชน