สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร / โทนี่ สมายล์

สถานีคิดเลขที่ 12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

————————–

โทนี่ สมายล์

————————–

คงไม่ต้องประเมินอะไรให้ซับซ้อน

ฟันธง ไปได้เลยว่า นับจากนี้ Tony Wooodsome คงไม่เพียงใช้ คลับเฮาส์ แสดงบทบาททางการเมืองเท่านั้น

โทนี่-ทักษิณ-แม้ว หรืออะไรก็ตาม ที่สามารถสื่อความหมายถึง อดีตผู้นำคนที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร”ได้

ถึงเวลานี้ คงออกมาเร่ง “เกม”เต็มที่

เพื่อให้ พรรคเพื่อไทย กลับมามีบทบาทสำหรับคนไทยอีกครั้ง

เพราะการเมือง ตอนนี้

เป็นอย่าง ที่ ขนาดเด็กรุ่นหลังในสังกัด”โทนี่” คือ นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย บอกและอธิบายเป็นฉากๆ เมื่อ “เริ่มเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลขนานใหญ่”

สืบเนื่องจากคำพิพากษาของศาลอาญาคดีการชุมนุมปี 2556-57 ของแกนนำกลุ่ม กปปส. ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกรวม 39 คน ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งตัวรัฐมนตรีถึง 3 คน และส.ส.อีกหลายคนต้องพ้นจากตำแหน่ง

ถือเป็นพายุทอร์นาโดของรัฐบาลชุดใหญ่ เหมือนมาช่วยซ้ำวิกฤติให้รัฐบาลให้ดูยุ่งเหยิงหนักไปอีก

ไหนต้องปรับคณะรัฐมนตรี

ไหนจะเคลียร์ใจกับพรรคร่วม

ไหน”อาจ”ต้องหาคนลงเลือกตั้งซ่อม

ไหนต้องทำความสะอาดบ้านตัวเอง หลังจากศึกซักฟอก

“ชื่อ Tony ของท่านทักษิณ ใน Club House ร้อนฉ่า เพราะคนเข้าไปฟังไม่กี่นาทีกับเวลา 7 ปีของรัฐบาลนี้เทียบกันไม่ได้เลย ท่านจะปรับครม.ชุดใหญ่ หรือจะแค่ผ่าตัดเล็กมันก็ไม่สามารถกู้ศรัทธาประชาชนได้…ชีวิตรัฐบาลตอนนี้เหมือนคนไข้ใส่เครื่องช่วยหายใจ รอวันออกซิเจนหมด”คือ คำประเมินจากนางสาวตรีชฎา

ที่เชื่อว่า หลายคนก็คงพยักหน้าเห็นด้วย

เห็นด้วยกับความไม่ราบรื่น การเมือง จากนี้

เอาแค่ ปรับคณะรัฐมนตรี ก็ร้อนฉ่า ของการต่อรอง ทั้งในพรรคพลังประชารัฐเอง ทั้งในพรรคร่วมรัฐบาล

ตอนนี้ไม่มีใครสงวนท่าทีอะไรแล้ว

ต้องการอะไรก็แสดงออกมาตรงๆ โต้งๆ

ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่มาครบ 2 ปีแล้ว

จากนี้ ถือเป็นการนับถอยหลังเพื่อก้าวไปสู่ การเลือกตั้งใหม่

จะ ยื้อให้ครบ 2 ปีที่เหลือหรือไม่

ซึ่งบทเรียนการเมืองไทย บอกมาหลายยุคหลายสมัยแล้วว่า–ยาก

ยิ่ง เป็นรัฐบาลผสม หลายพรรค ยิ่งเหน็ดเหนื่อย

ที่สำคัญ พรรคที่เป็นแกนนำซึ่งมีที่มาจากการรวมก๊วน รวมก๊ก มิได้มาจากฐานคิดหรืออุดมการณ์เดียวกัน

ยิ่งมีความเปราะบาง

เพราะจะยึดโยงกันได้เฉพาะเรื่องผลประโยชน์ และตำแหน่งเท่านั้น

ซึ่งประเมินตอนนี้การปรับคณะรัฐมนตรีคงยากจะราบรื่น

และอาจจะเป็นการปรับครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไปลุ้นในการเลือกตั้ง ครั้งใหม่ก็ได้

เวลา 1หรือ 2 ปีข้างหน้านี้ จึงถือว่า ไม่มาก ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน

รวมถึง โทนี่ซึ่งแม้จะไม่สามารถเกี่ยวข้องการเมืองโดยตรงได้ก็ตาม

แต่ด้วย”อิทธิพล”โดยอ้อมก็คงต้องเตรียมทำการบ้านกันยกใหญ่

และไม่ว่า จะเป็นแค่”พี้” หรือเป็น”แก่น”

คงจะใช้ทุกช่องทางที่มี ออกมาเขย่าให้คนยกเรื่องกระพี้มากระทบกระเทียบหงุดหงิดแน่

ซึ่งก็คงอยู่ที่คนถูกทำให้หงุดหงิดจะใช้อำนาจ บารมี ทั้งที่สืบเนื่องมาจาการรัฐประหาร และที่เสริมเติมขึ้นมาจาก”การเมือง”ในห้วง2ปีที่ผ่านมา

สยบปัญหาศึกในให้ราบคาบ เพื่อที่จะมีแรงและพลังไปรับมือ”ศึกนอก” ที่โหมเข้าใสทุกสารทิศ ได้แค่ไหน

ซึ่งดูสถานการณ์ตอนนี้ แล้ว

เห็น”โทนี่”ที่ใครๆก็บอกว่า หมดสภาพและถูกก้าวข้ามไปแล้ว

เป็น โทนี่ สมายล์

ยิ้มร่าที่ดูไบ

หลังเห็นรัฐนาวาส่อหมดสภาพเช่นกัน