โลกหมุนเร็ว/เรื่องสั้นเรื่องที่ 4 ของ Marquez

โลกหมุนเร็ว/เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง [email protected]

เรื่องสั้นเรื่องที่ 4 ของ Marquez

ได้หนังสือเล่มนี้มาจากร้านขายหนังสือที่ Jam Factory ของ คุณดวงฤทธ์ บุนนาค

ที่ร้านหนังสือนั่นมีหนังสือน่าอ่าน เป็นวรรณคดีระดับโลก ที่หากได้อ่านครบแล้วก็จะไม่เสียดายเมื่อตายจากโลกไป

ชื่อของ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ อยู่ในใจ เห็นหนังสือของเขาเป็นหนังสือแปลวางอยู่ เป็นนวนิยายขนาดสั้น 4 เรื่องของกาโบ หรือตัวมาร์เกซนั่นเอง

ทุกเรื่องสะท้อนการมองสังคมโบลิเวีย หรือจะว่าไปก็คือสังคมโลกในส่วนที่โง่เขลางมงายนำไปสู่ ปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เป็นไปตามสำนึกของเหตุผล แต่เป็นเพราะยึดถือมาเช่นนั้น เชื่อกันมาแบบนั้น

อย่างเรื่องการตายของ ซานเตียโก นาซาร์ ในเรื่องสั้นเรื่องที่สี่

เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องเป็นเพราะสังคมโบลิเวียที่มีค่านิยมยึดมั่นเรื่องพรหมจารี เจ้าสาวไหนหลอกเจ้าบ่าวว่าเป็นสาวบริสุทธิ์ แต่ว่าไม่บริสุทธิ์จริงเมื่อถูกจับได้เจ้าบ่าวถึงกับส่งตัวกลับคืนให้พ่อแม่

ผู้ชายคนไหนมาทำให้น้องสาวข้ามีราคีก่อนแต่งงาน ข้าผู้เป็นพี่ชายถึงกับต้องไปล้างแค้น

ใจจริงไม่อยากจะฆ่า อยากให้มีคนห้าม แต่คนจะถึงที่ตาย ขนาดคนทั้งเมืองรู้และอยากจะช่วยกันขัดขวางก็มีอันให้เป็นไป เตือนไม่ทัน ห้ามไม่ทัน

แถมก่อนจะตาย ชายผู้เคราะห์ร้ายยังถูกคู่หมั้นด่าทอคืนจดหมายรักให้เพราะคิดว่าเขาไปทำเจ้าสาวสูญเสียพรหมจารีก่อนคืนวันแต่งงานจริงๆ

เพราะต้องถึงที่ตาย เมื่อวิ่งหนีคนที่ตามฆ่ามาบ้านตัวเอง แม่ตัวเองแท้ๆ ไม่เห็นลูกชายมาที่ประตู นึกว่าผู้ปองร้ายมาก็ปิดประตูเสีย

ลูกชายเลยโดนฆ่าหน้าประตูบ้านตัวเองนั่นเอง

ในความสุดยอดของผู้เขียนเจ้าของรางวัลโนเบล ที่ผูกเรื่องอย่างซับซ้อนยอกย้อน ต้องบอกว่าเขาใจร้ายมากที่เขียนถึงความบังเอิญและความไม่พอดีต่างๆ ที่ส่งให้ชายผู้นี้ต้องถึงที่ตายอย่างน่าสงสาร

แต่นั่นแหละในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้ใจร้ายแต่งเรื่องขึ้นมาบีบคั้นหัวใจเรา เขากำลังสะท้อนโศกนาฏกรรมในเมืองเล็กๆ ที่ความตายมักมาจากสาเหตุที่ไม่สมควรเลย

ผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวนั้นหล่อนไม่ใช่สาวพรหมจารีจริง แต่ทว่า ชายที่ปล้นพรหมจารีหาใช่ผู้ตายที่ตายด้วยน้ำมือของพี่ชายเธอไม่ เป็นชายอื่นที่เธอปกป้องเอาไว้ แต่เธอเอาชื่อผู้ตายมาอ้างให้พ้นๆ ตัวไป เท่านั้นเอง

นี่เป็นเรื่องความเป็นไปอันสับสนอลหม่านและสุดแสนจะไร้สาระของเมืองนี้และคนในเมืองนี้ที่ผู้เขียนมองจากสายตาที่เจาะทะลุถึงตัวละครแต่ละตัวที่ส่วนใหญ่อยู่ไปวันๆ ไร้ความสามารถที่จะป้องกันผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งทั้งที่รู้ว่าเขากำลังจะถูกฆ่า

เบื้องหลังเรื่องราวเหล่านี้ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ต้องการจะบอกว่า ในประเทศต่างๆ ในขณะที่ประชาชนต้องต่อสู้เสียเลือดเสียเนื้อกันไปอย่างมหาศาล อุดมการณ์ที่พวกเขายึดมั่นกลับกลายเป็นเรื่องจอมปลอม เมื่อการต่อสู้ทั้งหมดกลายเป็นเกมการต่อรองผลประโยชน์ของผู้นำประเทศ แต่ประชาชนกลับเป็นเพียงแต่เครื่องมือของการแย่งชิงอำนาจเท่านั้น

ประชาชนที่เป็นเพียงเครื่องมือ จะทำอะไรได้นอกจากจมอยู่กับความยากจนและงมงาย วันแล้ววันเล่า ระบบสาธารณสุขไม่มี ตำรวจหละหลวม ระบบยุติธรรมยังไม่เข้าที่เข้าทาง

มาร์เกซสะท้อนให้เห็นความล่มสลายของประชาชนที่เป็นหมากทางการเมือง ผ่านทางเหตุการณ์อันไร้สาระ ไร้ทิศทางของการดำรงอยู่

“หลังการเข่นฆ่าแล้วสิบสองวัน อัยการจึงมาถึงเมืองที่เป็นแผลเรื้อรัง เอาห้องไม้สกปรกในศาลากลางต่างที่ทำงาน สภาพอากาศก็ร้อนรุ่มจนเกิดพยับแดด กาแฟก็ต้องต้มในหม้อเปรอะคราบเหล้ากาญา ฝูงชนทะลักไหลเข้ามาเป็นพยานโดยไม่ต้องมีหมายเรียก ท่านต้องขอกำลังคนมาควบคุม ทุกคนกระเหี้ยนกระหือรืออยากป่าวร้องให้รู้ว่า ตนก็มีส่วนในเหตุการณ์เหมือนกัน อัยการเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ ยังสวมชุดที่ใช้ผ้าเนื้อลินิน อันเป็นเครื่องแบบนักเรียนกฎหมาย…ข้าพเจ้าประมวลเอาจากเอกสารสำนวน ซึ่งข้าพเจ้ากับคนอีกหลายคนช่วยกันค้นหา ณ ศาลสถิตยุติธรรมในริโออาชาเมื่อเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้วยี่สิบปี เอกสารทุกชนิดไม่ได้แยกเป็นหมวดหมู่ สำนวนคดีสุมกันนานเป็นศตวรรษบนพื้นตึกโคโลเนียลอันเก่าชรา ซึ่งในกาลก่อนเคยเป็นกองบัญชาการของ เซอร์ฟรานซิส เดรค อยู่สองวัน เวลาน้ำขึ้น น้ำจะทะลักเข้าชั้นล่าง เอกสารไม่ได้มัดรวมเป็นชุดๆ จะลอยฟ่องกลางห้องร้าง”

เช่นเดียวกับนักเขียนทุกคน มาร์เกซมีความอยากรู้อยากเห็น ยิ่งกรณีของเรื่องแปลกๆ ที่ไม่น่าเกิดขึ้นนี้ เขาสนใจที่จะเข้าไปค้นคว้าว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

จะอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างนวนิยายที่ตื่นเต้นทุกบรรทัด ชวนให้ติดตามก็ได้ความตื่นเต้นครบ จะอ่านอย่างเป็นการพิเคราะห์โลกก็สะใจ

คนส่วนใหญ่ในโลกนี้คือคนจน เรื่องของเขาจึงเป็นเรื่องของคนทั้งโลก

คนจนมักไม่มีโอกาสที่จะทำให้คนสนใจ หนังสือของมาร์เกซก็คล้ายคลึงกับ Les Miserables ของ Victor Hugo มันทำให้เรายิ้มได้ในความหดหู่

และมันทำให้เรารู้ว่าคนจนมีชีวิตเช่นนี้เองหนอ