ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 กุมภาพันธ์ 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
หนึ่งในกิจกรรม “นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน” เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ของกลุ่มราษฎร
คือการที่นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ แกนนำกลุ่มราษฎร
ให้ผู้ชุมนุมช่วยกันนำกระถางต้นไม้ ดอกไม้ ออกจากบริเวณฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
จากนั้น นำผ้าสีแดง 30 x 30 เมตร ที่บรรจุข้อความต่างๆ ที่กลุ่มราษฎรเขียนไว้
ขึ้นไปคลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
นายภาณุพงศ์อธิบายถึงกิจกรรมนี้ว่า
“เดิมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นพื้นที่ที่คนเข้าถึงได้ สามารถมารวมตัวแสดงออกทางการเมืองได้ แต่กลับมีการล้อมรั้วปิดกั้น เอาต้นไม้มาวาง เป็นการเหยียบย่ำสิทธิเสรีภาพประชาชน ทำร้ายประชาธิปไตย”
“การปกป้องอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นหน้าที่พลเมืองผู้รักประชาธิปไตย สิ่งใดไม่เป็นส่วนหนึ่งของอนุสาวรีย์ จะต้องเอาออกให้หมด”
ชาตรี ประกิตนนทการ เจ้าของคอลัมน์ “พื้นที่ระหว่างบรรทัด”
สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
สนใจตั้งแต่เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครเข้าปรับภูมิทัศน์โดยรอบ
ทำโครงเหล็กคลุมบันไดโดยรอบทั้งหมด
แล้วใช้แผ่นพื้นปูทับเพื่อเปลี่ยนพื้นที่ทั้งหมดเป็นทางลาดสำหรับวางกระถางต้นไม้และดอกไม้
การปรับภูมิทัศน์นี้ อาจารย์ชาตรีบอกว่า ได้สร้างความไม่สบายใจให้กับหลายฝ่าย
เพราะการติดตั้งโครงสร้างกึ่งถาวรลงไปในพื้นที่
ทำให้เกิดความสงสัยว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะถูกปรับสภาพฐานอนุสาวรีย์ไปเป็นสวนดอกไม้แบบถาวร
ที่ประชาชนไม่สามารถเดินเข้าไปได้อีกต่อไปหรือไม่
ยิ่งกว่านั้น ยังมีคำถามถึงการติดตั้งโครงเหล็กที่มีน้ำหนักมาก ลงบนฐานอนุสาวรีย์ที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติเมื่อปี 2558 นั้น
เป็นเรื่องสมควรหรือไม่
และจะส่งผลกระทบต่อโบราณสถานมากน้อยแค่ไหน
อาจารย์ชาตรีในฐานะนักวิชาการด้านสถาปนิก
บอกว่า อยากชวนให้มองการปรับภูมิทิศน์นี้ในความหมายและบริบทที่กว้างขึ้น
ด้วยรูปแบบการปรับภูมิทัศน์ดังกล่าวซึ่งมิใช่ปรากฏแค่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเท่านั้น
หากแต่เกิดขึ้นอย่างแยกไม่ออกจากบรรยากาศการเมืองไทยหลังรัฐประหาร 2557
การจัดสวนดอกไม้บนพื้นที่สาธารณะเพื่อความสวยงามไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับถนนราชดำเนิน
ที่เป็นถนนสายประวัติศาสตร์ มีแขกบ้านแขกเมืองเดินทางผ่านถนนเส้นนี้อยู่เสมอ
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะต้องได้รับการดูแลและตกแต่งให้สวยงามอยู่เสมอ
แต่อาจารย์ชาตรีตั้งข้อสังเกตว่า การตกแต่งถนนสายนี้ในอดีตก็ไม่เคยล่วงล้ำเข้ามาในบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแต่อย่างใด
ส่วนใหญ่จะเป็นการประดับตกแต่งด้วยไฟเพื่อเสริมความสง่างามของอนุสาวรีย์เป็นหลัก
หากจะมีบ้างก็เป็นเพียงการทำซุ้มชั่วคราว ประดับธงทิว และวางกลุ่มกระถางดอกไม้เป็นหย่อมๆ
มากกว่าที่จะวางคลุมพื้นที่ทั้งหมดของฐานจนไม่สามารถเดินเข้าไปที่ตัวอนุสาวรีย์ได้เช่นที่ปรากฏในปัจจุบัน
“…พูดให้ชัดก็คือ การจัดสวนเพื่อส่งเสริมอนุสาวรีย์ให้สวยงามขึ้น ประชาชนเดินเข้าไปศึกษาและซึมซับศิลปะ สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์ได้อย่างมีสุนทรียรสเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องปกติ
แต่การจัดสวนล้อมเต็มพื้นที่รอบอนุสาวรีย์แบบถาวรที่คนไม่สามารถเดินเข้าใกล้อนุสาวรีย์ได้เลยคือสิ่งผิดปกติ
ซึ่งความผิดปกตินี้เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังรัฐประหาร 2557”
ผิดปกติอย่างไร
พลิกอ่านที่หน้า 31