ที่ดินจะนะ ‘ประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี’ / บทความพิเศษ

บทความพิเศษ

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

[email protected]

 

ที่ดินจะนะ

‘ประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี’

 

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมุฮัมมัดและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

16-19 กุมภาพันธ์นี้ ฝ่ายค้านจะเปิดญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล 9 คน โดย 1 ใน 9 คนคือ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในข้อหา

“ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ”

ข้อหานี้ ประเด็นหลักจากการเป็นที่ทราบของสื่อคือ เรื่องที่ดินจะนะ ที่เอื้อต่อนายทุน ในโครงการจะนะเมืองอุตสาหกรรม ในขณะที่ท่านนิพนธ์ก็ทราบดีและออกมาสัมภาษณ์ผ่านสื่อ “นิพนธ์” ลั่นพร้อมแจงทุกเรื่อง คาดปมโครงการจะนะ ทำโดย “ก้าวไกล” จองกฐินอภิปรายไม่ไว้วางใจ…

ซึ่งวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีซึ่งพรรคก้าวไกลต้องการจะขอเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ยินดีและมีความพร้อมที่จะชี้แจงทุกเรื่อง ทุกกรณี ทั้งนี้ คาดว่าสาเหตุที่มีชื่ออยู่ในกลุ่มรัฐมนตรี 11 คนที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ น่าจะมาจากโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกเลือกให้เป็นเมืองต้นแบบตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นไปตามแผนของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในการพัฒนาพื้นที่และเศรษฐกิจ รวมถึงสร้างงานให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว เพราะที่ผ่านมา ทราบว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และ ส.ส.พรรคก้าวไกล หลายคนได้ลงพื้นที่มาเก็บข้อมูลในพื้นที่หลายครั้งแล้ว สำหรับโครงการนี้เป็นการเชิญชวนให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุน โดยไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเลย และอยู่ในขั้นตอนการเชิญชวนเอกชนมาร่วมลงทุน แต่ถูกบางกลุ่มบางคนพูดความจริงไม่หมด และใช้ข้อมูลบิดเบือนในสื่อโซเชียลพาดพิงถึง

“จะได้เป็นโอกาสดีที่ผมจะได้ชี้แจงเหตุผลต่อสังคมในวงกว้างให้ได้เข้าใจในเรื่องดังกล่าว และพร้อมที่จะชี้แจงข้อกล่าวหาในทุกเรื่องที่ฝ่ายค้านจองกฐินที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจผม เพราะผมมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนี้ว่าทำถูกต้อง โดยยึดหลักกฎหมาย และประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก” นายนิพนธ์กล่าว

(อ้างอิงจาก : https://www.dailynews.co.th/politics/820907)

 

ดร.มังโสด หมะเต๊ะ เครือข่ายโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามอำเภอจะนะ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า “มีความผิดปกติในที่ดินอำเภอจะนะที่กำลังจะกลายเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรม…โดยมีการใช้อำนาจทางการเมือง (ชาวบ้านทราบดีว่าใคร) ระบบราชการ นายหน้าหาประโยชน์ และกลุ่มทุน ทำงานกันอย่างเป็นระบบ ทั้งข่มขู่ ครอบงำ บังคับซื้อ ฟ้อง เผาทำลายต้นขั้ว และอื่นๆ กับชาวบ้านในพื้นที่ พวกเขาทำกันมานาน ทำมาเรื่อยๆ จนเคยชิน เพราะคิดว่าชาวบ้านโง่ คิดอะไรไม่เป็น หลายคนยอมถอยด้วยความกลัว หลายคนยอมรับค่าที่ดินในราคาถูกกว่าที่ควรจะเป็น แต่หลายคนยังสู้ อย่างชาวบ้านที่นำหลักฐานมายื่นกับท่านธรรมนัส”

และทำให้ “ชาวบ้าน” ฟ้องนายทุน ทั้งทางแพ่ง และศาลปกครอง

 

กฤษฎา ขุนณรงค์ ทนายความเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนภาคใต้ เปิดเผยว่า

1 กุมภาพันธ์ 2564 ชาวบ้านจากอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา 5 ราย พร้อมทนายความจากเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนภาคใต้ และนักศึกษาจากกลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม และประชาธิปไตย (Law Long Beach) ได้เดินทางไปศาลจังหวัดนาทวี และ 5 กุมภาพันธ์ ศาลปกครองสงขลา เพื่อยื่นฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาจะนะ และขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสอบสวนเปรียบเทียบเพื่อออกโฉนดที่ดินให้แก่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งออกทับที่ดินทำกินของชาวบ้าน

กรณีนี้ สืบเนื่องมาจากการที่บริษัทดังกล่าวได้ยื่นเรื่องขอออกโฉนดที่ดินในที่ดินซึ่งถือเอกสารสิทธิ์หนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก. โดยในการเดินสำรวจเพื่อรังวัดสอบเขตที่ดินเพื่อออกโฉนดแทน น.ส.3 ก. ปรากฏว่าที่ดินดังกล่าวทับที่ทำกินที่ชาวบ้านครอบครองมาตั้งแต่บรรพบุรุษอยู่จำนวนหลายราย

และมีชาวบ้านอย่างน้อย 5 ราย ได้คัดค้านการรังวัดออกโฉนดที่ดินดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าตนได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวมาโดยตลอด

บางรายถือครองต่อจากปู่มาสู่บิดาแล้วมาสู่ตน บางรายถือครองตกทอดจากผู้ครอบครองเดิมด้วยการซื้อ-ขาย และแต่ละแปลงได้ถือครองมาก่อนหลายสิบปี ส่วนผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก. รวมทั้งบริษัทเอกชนไม่เคยเข้าครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินที่ขอรังวัดนั้นแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 เจ้าพนักงานที่ดินได้แจ้งคำสั่งสอบสวนเปรียบเทียบในกรณีดังกล่าว โดยวินิจฉัยให้ออกโฉนดที่ดินให้แก่บริษัทเอกชน

กลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจึงได้ปรึกษากับเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น และทีมทนายความจากเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนภาคใต้ ซึ่งเมื่อประมาณต้นเดือนมกราคม 2564 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 437 ทับที่ดินของชาวบ้าน 3 ราย ที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 438 ทับที่ดินของชาวบ้าน 5 ราย และที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 439 ทับที่ดินของชาวบ้าน 2 ราย คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่เศษ

โดยมีข้อสังเกตว่า การออกเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก.ข้างต้น อาศัยเพียงการเดินสำรวจเท่านั้น โดยที่ผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิ์ได้ซึ่งได้โอนต่อกันไปหลายทอดจนถึงบริษัทเอกชนนั้น ไม่เคยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในความเป็นจริงแต่อย่างใด

ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีเห็นว่า ที่ดินดังกล่าวตนได้ครอบครองทำประโยชน์สืบต่อเนื่องกันมาไม่ขาดสาย การที่บริษัทไปยื่นขอรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินโดยที่ไม่ได้เข้าครอบครองอยู่จริง และเจ้าพนักงานที่ดินออกคำสั่งให้ออกโฉนดที่ดินให้แก่บริษัท จึงเป็นการดำเนินกระบวนการสอบสวนเปรียบเทียบเพื่อออกคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าจึงได้มาฟ้องคดีเพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ดินดังกล่าว

 

ถือว่า ชาวบ้านมีความกล้าหาญมากที่ฟ้องนายทุน อันส่งต่อถึงผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น (ส่วนใหญ่ชาวบ้านรู้ว่าเป็นใคร) เพื่อผดุงกฎหมายบ้านเมืองและพระเจ้า

สำหรับกรณีการคดโกงที่ดินดังกล่าว (หากเป็นความจริง) ไม่ว่าจะคดโกงในรูปแบบใดก็ตาม หลักกฎหมายอิสลามถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม (หะรอม) ทั้งสิ้น เช่น โกงที่ดินเขามา โกงโฉนด ย้ายหลักหิน โกงที่ดินมรดก ฯลฯ ล้วนเป็นบาปใหญ่หลวงนัก ซึ่งประเด็นนี้ท่านรสูลุลลอฮฺของเรา (ศาสนทูต) พูดได้อย่างชัดเจนยิ่ง

ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า “และพระองค์อัลลอฮฺทรงสาปแช่ง (งดความเมตตา) แก่บุคคลที่เปลี่ยนแปลง (หรือย้าย) หลักโฉนดที่ดิน” [หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยมุสลิม หะดีษที่ 4422]

ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า “บุคคลใดโกงที่ดินเพียงแค่คืบเดียวในสภาพที่อธรรม (โกงคนอื่นเขามา) เช่นนี้แผ่นดินทั้งเจ็ดชั้นจะรัดคอของเขา [หมายถึงเขาต้องแบกที่ดินนั้นรวมถึงส่วนลึกของที่ดินนั้นถึงเจ็ดชั้น] ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ” [หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยบุคอรีย์ 3198]

เมื่อเห็นภาพเหล่านี้แล้วทำให้รัฐมนตรีเจอศึกหนักทั้งในสภาและในศาล อันจะส่งผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์ทั้งระดับชาติและท้องถิ่นที่จะมีการเลือกตั้งอีกไม่กี่วันข้างหน้า