“สมณะโพธิรักษ์”เจ้าสำนักสันติอโศก ตั้งเป้าอายุยืน 151 ปี ย้ำ “การเมือง-ธรรมะ” ขาดกันไม่ได้

หมายเหตุ : บทความเผยแพร่ครั้งแรก 12/02/2021

 

หากติดตามข่าวคราวทางการเมือง จะเห็นกองทัพธรรม ภายใต้การนำของสมณะโพธิรักษ์ (ชื่อเดิม มงคล รักพงษ์) เจ้าสำนักสันติอโศก ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นระยะๆ อย่างเมื่อ 14 ตุลาคมปีที่แล้วรวมตัวกันที่สะพานมัฆวานฯ เพื่อแสดงความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

“มติชนสุดสัปดาห์” มีโอกาสสนทนากับสมณะโพธิรักษ์ วัย 86 ปี ย่าง 87 ในหลากหลายประเด็น ซึ่งเวลานี้ผู้นำที่ชาวอโศกเรียกว่า “พ่อครู” พำนักอยู่ที่ราชธานีอโศก จ.อุบลราชธานี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

: ตอนนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง

“อยู่ในสถานะที่ดี ไม่มีโรคร้ายแรง นอกจากมีอวัยวะภายในส่วนเกินที่คอ เป็นกระเปาะที่หลอดคอหลายสิบปีแล้ว ทำให้เกิดอาการขัดเคืองที่เส้นเสียง ทำให้ไอ แต่ไม่ได้ไอจนเจ็บคอ เป็นความน่ารำคาญเท่านั้นเอง ตอนนี้ยังเทศน์ได้ปกติ วันละชั่วโมงครึ่ง”

หมอให้ระมัดระวัง อาตมาก็ประมาณตนเองแล้วว่ามันน่าจะได้ ทุกอย่างอาตมามีหลักเกณฑ์ในการรักษาตัวเองด้วย แบบง่ายๆ คือหลัก 8 อ. และมีอิทธิบาท 4 อารมณ์, อาหาร, อากาศ, ออกกำลังกาย, เอนกาย, เอาพิษออก, อาชีพ และอื่นๆ ในด้านจิตวิญญาณนี่แหละเป็นหลัก พยายามใช้จิตวิญญาณในฐานะผู้ปฏิบัติธรรม เรียกว่า เป็นสูตร Co-Efficiency เป็นภาษาทางวิทยาศาสตร์เขียนเป็นสูตรว่า

E = C (mc2+A) แทนค่าสูตร ดังนี้ m = ขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)

A = นาม 5 (เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ) c = ความเร็วของจิต และ C = ค่าสัมประสิทธิ์ปเทส

คิดว่าน่าจะได้ผลเพราะอาตมาอายุมากถึง 87 ปีแล้ว

เคยบอกไปตั้งแต่ก่อนอายุ 72 แล้วว่า 72 อาตมาคงต้องตายตามอายุขัย แล้วอาตมาก็ตั้งใจสร้างจนกระทั่งผ่าน 72 มาได้อีก 1 นักษัตร 12 ปี คือ 84 ตอนนี้เลย 84 มา 3 ปีแล้ว ถ้าจะไปอีกจนเป็น 96 ถ้าไปอีกก็เป็น 108 ตอนนี้พยายามพิสูจน์ตนเอง เป็นตัวอย่างเพื่อยืนยันกับคนทั้งโลกว่ามันทำได้ ทำอายุวัฒนะของชีวิตได้ด้วยพลังงานความรู้ของพระพุทธเจ้า

: หมายถึงตั้งเป้าว่าจะมีชีวิตจนถึงอายุ 108 ปีใช่ไหม

เป็นเป้าสูงกว่านั้น อาตมามีเหตุปัจจัยที่ทำให้ตัวเองมีตัวเลขที่เป็นเป้าคือ 151 ปี และเราก็พูดกันเล่นๆ กับหมอแล้วเลขก็มาตกที่เลขนี้ 151 ปี เลยถือเป็นเป้า พยายาม ถึงไม่ถึงก็ไม่เป็นไร นี่คือจุดหมายปลายทางที่จะทำให้ได้มากที่สุด ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น เป้าหมายคือ 151 แต่จะได้จริงๆ เท่าไหร่ก็ไม่รู้

จริงๆ แล้วคนเราอายุเกิน 100 ขึ้นไปถือเป็นผลสำเร็จของชีวิตแล้ว จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจถือว่าเป็นคนอายุยืน ยิ่งเลย 120 ไปถือเป็นเรื่องอัศจรรย์ได้เลย

อาตมาคิดว่าเมื่อถึงเวลานั้น สูตรที่อาตมากำหนดไว้น่าจะเป็นที่ยอมรับของสังคม

สมณะโพธิรักษ์อธิบายว่า การทำอายุวัฒนะใช้พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นหลักเกณฑ์ใหญ่เลย ใช้ความรู้มหาปเทส 4 ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ ความประมาณสิ่งที่มันไม่เที่ยง สิ่งที่มันเข้ามาในปัจจุบัน ซึ่งไม่เหมือนกับยุคพระพุทธเจ้า ไม่เหมือนยุคที่ผ่านมา เพราะจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา มาถึงวันนี้มันผ่านมา 2500 กว่าปีแล้ว สูตรพระพุทธเจ้าต้องใช้สัปปุริสธรรม 7 (ธรรมของสัตบุรุษ ธรรมที่ทำให้เป็นสัตบุรุษ คุณสมบัติของคนดี ธรรมของผู้ดี) และมหาปเทสตลอดมา

ช่วง 48 ปีของการก่อตั้งสำนักสันติอโศก ปัจจุบันมีสมณะทั้งหมด 86 รูป และมีสมาชิกอีกนับไม่ถ้วน อย่างที่เจ้าสำนักแจงว่า สมณะ 86 รูปนี้ไม่ได้เพิ่มจำนวนขึ้น เราพยายามอยู่ แต่ก็ไม่บังคับใคร สมัครใจบวชก็มา ทุกวันนี้มีฆราวาสชายอยู่ไม่น้อย และที่เป็นพระอริยะอยู่ในขีดอรหันต์ก็มีอยู่ในบางคน คือเขาเห็นว่าถ้าบวชแล้วจะทำงานได้แคบกว่าการเป็นฆราวาส แต่คุณธรรมเขาไม่มีปัญหา

ส่วนชาวสมาชิกชาวอโศกนั้นประมาณไม่ได้ เพราะคนแอบเป็นสมาชิกมีอยู่พอสมควร เราไม่สามารถทราบได้ บางคนไม่อยากเปิดตัว ถ้าระดมคนที่เปิดตัวหรือเป็นสมาชิกก็มีจำนวนพันเท่านั้น จะถึงหมื่นหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ถ้านับคนที่สนใจรวมไปด้วย จำนวนแสนน่าจะได้ ถึงล้านคนไหมคงยังไม่ถึงหรอกเพราะเป็นโลกุตรธรรม ไม่ใช่ง่ายๆ ที่คนจะเข้าใจว่านี่คือสิ่งที่ดีงาม อาจจะอีก 100 ปีคนถึงจะเข้าใจ

สำหรับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังเป็นชาวอโศกอยู่ ตอนนี้เตรียมตัวจะมาอยู่ราชธานีอโศก ผู้ที่เป็นลูกๆ หลานๆ ก็ทำบ้านให้อยู่กันอย่างเรียบร้อยรอแกมา คือถ้า พล.ต.จำลองมา โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรีจะร้าง เลยจัดการอยู่ว่าจะทำอย่างไร เพราะเขาบอกแล้วตั้งใจจะมาอยู่ที่ราชธานีอโศก

: ก่อตั้งสันติอโศกมาเกือบ 50 ปี คิดว่ามาถึงจุดที่ประสบความสำเร็จหรือยัง

“สำเร็จมาเป็นรายทางและเจริญวัยอยู่เรื่อยๆ ยังไม่ถึงจุดพีกสุด จะเรียกว่าสำเร็จสูงสุดก็ต่อเมื่อถึงจุดพีกสุด ซึ่งมันยังไม่ถึง”

 

: มีความคิดเห็นอย่างไรกับการเมืองบ้านเรายุคนี้

อยู่ในเกณฑ์ดีมากเลย อาตมาให้เกณฑ์เรื่องประชาธิปไตยบ้านเราเป็นเบอร์หนึ่งของโลก แต่คนฟังไม่ขึ้นว่าอาตมาใช้อะไรตัดสิน ไม่ได้พูดพล่อยๆ ใช้โครงสร้างที่มีของพระพุทธเจ้าเป็นการตัดสิน พระพุทธเจ้าเป็นสุดยอดนักประชาธิปไตย ไม่มีการเห็นแก่ตัว

ประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้าคือหมดตัวตนเป็นอนัตตา เพราะฉะนั้น จึงมีแต่โลกานุกัมปายะ หลักของพระพุทธเจ้า คือ พหุชนหิตายะ พหุชนะสุขายะ โลกานุกัมปายะ ที่เป็นคีย์ไขความเป็นประชาธิปไตยสูงสุด คือทำประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ พหุชนหิตายะ ทำให้มวลประชาชนมีความสุข พหุชนะสุขายะและรับใช้ประชาชน รับใช้โลกด้วย โลกานุกัมปายะ ไม่ใช่ขีดแค่ที่ประเทศไทย นี่คือปัญญาของศาสนาพุทธ ปัญญาเรื่องการเมือง

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมชาวอโศกต้องไปยุ่งการเมือง ประเด็นนี้คนก็มีความเข้าใจแตกต่างกันไป อาตมายืนยันว่า ธรรมะกับการเมืองต้องเข้าไปอยู่ด้วยกัน คนที่เป็นนักธรรมะหรือนักการเมืองไม่มีธรรมะนี่ประเทศชาติซวยเลย ถ้าขจัดธรรมะออกจากการเมือง ออกจากนักการเมือง เป็นความซวยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นธรรมะของศาสนาไหน จะต้องมีธรรมะ

ยิ่งธรรมะของพระพุทธเจ้ายิ่งจำเป็น คนเข้าใจผิดว่าธรรมะจำเป็นต้องแยกออกจากการเมือง อันนี้เป็นความเห็นที่ผิดอย่างมหันต์ แม้แต่มหาตมะคานธียังรู้ดีว่าการเมืองต้องมีธรรมะ คานธีพูดว่าจะต้องเอาธรรมะสถาปนาลงไปในการเมือง ไม่เช่นนั้นการเมืองบรรลัยถ้าไม่มีธรรมะ

 

: ยืนยันใช่ไหมว่าที่ผ่านมาการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองของสันติอโศกถูกต้องแล้ว

ถูกต้องแล้ว ดี ใช้ได้เลย โดยภาพรวมของประชาธิปไตยในโลก อาตมาว่าประชาธิปไตยต้องมี 2 ขา ประชาธิปไตยที่มีขาเดียวคือประชาธิปไตยพิการ

อย่างอเมริกา เมืองที่ไม่มีพระเจ้าแผ่นดินมันขาดวิญญาณ เพราะพระเจ้าแผ่นดินนั้นคือวิญญาณของประเทศชาติ เอาแต่เลือกตั้งใครก็ได้ ใครก็เข้ามาบริหารได้ มันไม่ต่อเนื่อง มันไม่มีหลักยึด ไม่มีกฎมณเฑียรบาล ไม่มีการสืบสันติวงศ์ มันไม่ได้

แต่โดยค่าเฉลี่ยองค์รวมแล้วการเมืองของไทยนั้นดีที่สุด กับอเมริกานั้นคนละขั้วเลย ประชาธิปไตยของอเมริกากำลังอยู่ในระหว่างเสื่อมหนัก แต่ประชาธิปไตยของไทยกำลังโดดเด่นมาก หลายคนมองว่าประชาธิปไตยไทยมีสิ่งบกพร่อง มันก็แน่นอน เพราะประชาธิปไตยจะมีด้านเดียวได้อย่างไร

 

: มองอย่างไรกรณีเด็กรุ่นใหม่ออกมาชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง

เป็นธรรมชาติของประชาธิปไตย ต้องมีฝ่ายค้าน ไม่อย่างนั้นจะยืนยันอย่างไรได้ว่าเป็นประชาธิปไตย ถ้าไม่มีบุคคลเหล่านี้ออกมาแสดงอะไรเลย ก็เป็นเผด็จการหมู่เหมือนจีนแผนดินใหญ่ จะเป็นประชาธิปไตยเผด็จการหมู่ ประชาธิปไตยต้องมีฝ่ายค้าน ถึงจะเป็นประชาธิปไตยร้อยเปอร์เซ็นต์

 

: กองทัพธรรมและชาวอโศกสนับสนุนพรรคการเมืองไหนบ้าง

ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองไหนเลย แต่ส่งเสริมสิ่งที่เป็นพฤติการการเมืองที่เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะรัฐบาลที่กำลังดำเนินการ ถ้าเห็นดีก็ส่งเสริมเพราะเราใช้ปัญญาวินิจฉัยเสมอ แต่คนก็มองว่าไม่เป็นกลางเพราะเราเข้าข้างรัฐบาล ทั้งที่เมื่ออะไรดีเราก็เข้าข้าง

ความเป็นกลางคือการเข้าข้างคนดี ถ้าความเป็นกลางที่ไม่เข้าข้างใครคือความเป็นกลางที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ คือความหลงผิด เป็นความเข้าใจผิด ถ้าคนดีไม่ส่งเสริม คนชั่วหรือคนที่ต่อต้านก็จะมีกำลัง เมื่อคนชั่วมีกำลังก็โค่นคนดีล้มได้

 

: การเมืองบ้านเราน่าเป็นห่วงตรงไหน

“ไม่ห่วง บอกแล้วว่ากำลังไปได้ด้วยดีจะไปห่วงอะไร มีแต่จะส่งเสริม มีแต่จะพยายามแนะนำกัน คนที่คิดว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ควรโค่นล้ม ไม่ควรส่งเสริมนั้น เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ถ้าจะพูดอย่างกฎหมาย อาตมาว่าพวกนี้คือกบฏ เป็นพวกที่ทำไม่ถูกเพราะไม่เข้าใจ แต่จะไปโทษเขาไม่ได้ เพราะเขาก็ทำตามความคิดของเขา เราก็เห็นใจเหมือนกัน จะบอกว่าเขาเป็นกบฏก็พูดไม่ได้เช่นกัน แต่ถ้ามองว่ามันเป็นความร้ายแรงก็น่าจะพูดได้”

การเมืองทุกวันนี้ของประเทศไทย โดยเฉพาะรัฐบาลทำไว้ดีแล้ว มีอะไรอาตมาก็ให้สัญญาณอยู่บ้าง ใครจะรับสัญญาณหรือไม่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่สำคัญคือ สิ่งที่เคยพูดมานานแล้วว่าในสังคมถ้าการศึกษาไม่ลดกิเลสจะกู้ประเทศไม่ได้ เพราะการศึกษาทางโลกไม่มีการเรียนรู้เรื่องกิเลสเลย กิเลสจึงเป็นตัวร้ายสำคัญ จบออกมายิ่งมีความรู้มากก็ยิ่งกิเลสมาก

ต้องไปศึกษาร่วมกันให้เป็นการศึกษาที่ลดกิเลสถึงจะกู้ประเทศได้