ไม่ว่าการปรากฏชื่อของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไม่ว่าการ

ปรากฏชื่อของ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ในฐานะหัวขบวนพรรคเพื่อไทย

ล้วนมีความเป็นไปได้

เป็นไปได้เหมือนครั้งหนึ่งเคยมีการเอ่ยถึงชื่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

แม้จะมีรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอยู่ก็ตาม

เพราะรับรู้กันอย่างเด่นชัดว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ เสมอเป็นเพียง “รักษาการ” เหมือนที่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ เคยปฏิบัติ

เป็น “รักษาการ” เพื่อ “รอ”

 

การเอ่ยชื่อไม่ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไม่ว่า นายสุรเกียรติ เสถียรไทย ไม่ว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

เป็นเรื่องที่ดังมาจาก “คนนอก”

เป็นเรื่องของความคาดหมายจากสภาพความเป็นจริงหลัง จาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้อง “เว้นวรรค” ทางการเมือง

เหมือนกับครั้งหนึ่งมีชื่อ นายสมัคร สุนทรเวช

เหมือนกับครั้งหนึ่งมีชื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะแคนดิเดตคนสำคัญ

แต่แล้ว นายสมัคร สุนทรเวช ก็เหมาะสมมากกว่า

และเมื่อ นายสมัคร สุนทรเวช มีอันเป็นไปโดย “องค์กรอิสระ” นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็เข้ามา

จากนั้น จึงเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

 

ในสถานการณ์ที่วันและเวลาของ “การเลือกตั้ง” ยังไม่มีการกำหนดและยังไม่มีความแจ่มชัด

“แคนดิเดต” ในทางการเมือง “ปรากฏ” ขึ้นเสมอ

ไม่แน่ว่าจะเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือไม่ ไม่แน่ว่าจะเป็น นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย หรือไม่

ไม่แน่ อาจเป็น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มากกว่าก็ได้

1 เพื่อให้แวดวงการเมืองด้วยกันพิจารณา 1 เพื่อให้สังคมได้กลั่นกรอง และ 1 เพื่อให้ภายในพรรคเพื่อไทยรวมถึงสมาชิกพรรคพิจารณา

นี่ย่อมเป็นวิถี “ประชาธิปไตย” วิถีหนึ่ง