คุยกับทูต : เฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา (ตอน 3) “การค้าไทย-สวิส” กับความท้าทายเรื่องภาษาและความร้อน

สวิตเซอร์แลนด์ให้ความสำคัญในด้านการศึกษาของประชาชน เรื่องสิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก

แม้จะเป็นประเทศขนาดเล็กมีประชากรเพียงแปดล้านกว่าคน แต่เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทั้งในด้านวัฒนธรรม ภาษา และความเชื่อทางศาสนา

อันเป็นผลมาจากเจตนารมณ์ทางการเมือง มีความมั่นคงทางการเมืองอันเนื่องมาจากการปกครองแบบประชาธิปไตย ในรูปของสมาพันธรัฐ (confederation)

มีรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งไม่มีภัยก่อการร้ายในประเทศจากการที่ตั้งตัวเป็นกลางมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

การมีนโยบายที่เป็นมิตรกับทุกประเทศด้วยการมีระบบเศรษฐกิจแบบเปิด (Open Economy) ทำให้รากฐานของประเทศมีความมั่นคงและง่ายต่อการที่จะพัฒนาในลำดับถัดไป

แม้เป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติจำกัด แต่มีโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมากและเจริญมากประเทศหนึ่ง

ทูตกับ รมว.ต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย

ส่งผลให้สมาพันธรัฐสวิสมีศักยภาพและมีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมสิ่งทอ นาฬิกา เคมีภัณฑ์ เวชภัณฑ์ เครื่องจักร เหล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้า และธุรกิจบริการ ได้แก่ สาขาการท่องเที่ยว การโรงแรม การบริการ สาขาการเงินและธนาคาร

ประชาชนมีรายได้เฉลี่ยค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประชากรในยุโรปด้วยกัน

รายได้หลักมาจากภาคบริการ โดยเฉพาะจากการท่องเที่ยวและธนาคาร

แรงงานมีทักษะสูง และมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี จึงทำให้เป็นประเทศที่มีค่าแรงสูงที่สุดประเทศหนึ่งของโลก

นอกจากนี้ เป็นประเทศหนึ่งในยูโรโซนที่ไม่ใช้สกุลเงินยูโร แต่ใช้เงินสวิสฟรังก์ที่มีฐานและค่าเงินแข็งแกร่งมาก

 

วันนี้ นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา (H.E. Mrs. Helene Budliger Artieda) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เล่าถึงความสัมพันธ์ทางด้านการค้า

“เรามีบริษัทสัญชาติสวิสประมาณ 200 แห่งอยู่ในประเทศไทย ซึ่งทำให้สมาพันธรัฐสวิสเป็นคู่ค้าอันดับที่ 12 ของไทย ในขณะที่กลุ่มเซ็นทรัลจากประเทศไทยได้ซื้อบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ด้วยโอกาสการลงทุนจำนวนมากนี้ ดิฉันจึงหวังว่าประเทศไทยจะลงทุนในสวิตเซอร์แลนด์เช่นนี้ต่อไป เพราะการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศถือเป็นหนึ่งในหน้าที่ที่สำคัญมากของดิฉัน”

“ปัจจุบัน การค้าระหว่างไทยและสวิตเซอร์แลนด์มีปริมาณ 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สิ่งที่ดีคือ มีจำนวนค่อนข้างสมดุลระหว่างการส่งออกและการนำเข้า ไม่ได้เป็นไปในลักษณะที่ประเทศใดประเทศหนึ่งมีอำนาจเหนืออีกประเทศหนึ่ง”

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ในปีที่ผ่านมา กลุ่มเซ็นทรัลร่วมกับซิกน่า เข้าซื้อกิจการ “โกลบัส” (Globus) เชนห้างสรรพสินค้าสุดหรูในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จำนวนทั้งหมด 8 แห่งที่ตั้งอยู่ในสุดยอดโลเกชั่นตามเมืองต่างๆ จากบริษัท Migros-Genossenschafts-Bund (MGB) โดยมีสัดส่วนการร่วมทุน 50 : 50 ข้อตกลงทางธุรกิจในครั้งนี้มีมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านฟรังก์สวิส ซึ่งรวมไปถึงการเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ชั้นนำต่างๆ ของสวิตเซอร์แลนด์ และโรงแรมอีกหนึ่งแห่งด้วย

สมาพันธรัฐสวิสเป็นประเทศผู้ลงทุนรายใหญ่จากยุโรปในประเทศไทย เริ่มเข้ามาดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 1866 บริษัท Jucker, Sigg & Co. ก็ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1882 ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท Berli Jucker

ปัจจุบัน บริษัทสวิสที่เข้ามาลงทุนในไทย ได้แก่ Diethelm Keller (ธุรกิจท่องเที่ยว) ETA (Swatch Group – ผลิตชิ้นส่วนนาฬิกา) Nestl? (อุตสาหกรรมอาหาร) Holcim (ปูนซีเมนต์นครหลวง) Roche และ Novartis (ยาและเวชภัณฑ์) ABB (ผลิตเครื่องจักรให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ) เป็นต้น

ส่วนบริษัทจากไทยที่มีการลงทุนในสมาพันธรัฐสวิสที่สำคัญ ได้แก่ ธุรกิจการโรงแรม เครื่องใช้ไฟฟ้า และนาฬิกา

เอกอัครราชทูตสวิสกัยประธานหอการค้า สวิส-ไทย

ถามว่า ประสบการณ์จากประเทศแอฟริกาใต้ มีส่วนช่วยในการปรับตัวในฐานะเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยอย่างไร ท่านทูตมีคำตอบว่า

“ระยะเวลาสี่ปีในแอฟริกาใต้ช่วยให้ดิฉันสามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตในฐานะทูตประจำประเทศไทยได้เป็นอย่างดี เพราะหน้าที่หลักที่สำคัญของดิฉันตอนนั้นคือแอฟริกาใต้ โดยรับผิดชอบอีกห้าประเทศ คือนามิเบีย บอตสวานา เลโซโท เอสวาตินี และมอริเชียส”

“ส่วนที่ประเทศไทย ดิฉันมีเขตอาณาครอบคลุมประเทศ สปป.ลาว และกัมพูชา ดังนั้น สิ่งที่ได้จากแอฟริกาใต้คือ การมีตัวตนภายในภูมิภาคหนึ่ง อย่างที่เคยทำ ซึ่งต้องทำให้เกิดความสมดุล และคำนึงถึงการขับเคลื่อนความสัมพันธ์นี้จากทางไกล สามารถประยุกต์บางสิ่งที่ได้เรียนรู้มาใช้ที่นี่”

“ก็นับว่าโชคดีที่ดิฉันมีทีมงานที่มีความรู้ความสามารถมาก ช่วยให้ดิฉันกลมกลืนเข้าสู่วัฒนธรรมใหม่ได้อย่างง่ายดาย เพราะอุปทูตซึ่งมาประจำอยู่ที่นี่สามปีแล้ว สามารถให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์อย่างมาก รวมทั้งใช้ทักษะจากการสังเกต และการฟังของตัวเองด้วย”

“ในแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกันทางวัฒนธรรม แต่การพยายามทำความเข้าใจและมีความเคารพต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มักจะช่วยให้งานทุกอย่างดำเนินได้อย่างราบรื่น”

 

“ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีสถานทูต 101 แห่งทั่วโลก สำหรับสถานทูตของเราที่กรุงเทพฯ มีเจ้าหน้าที่ที่เป็นชาวสวิสประมาณ 16 คน แต่ในส่วนแผนกการทูตก็จะมีดิฉันและอุปทูต เรายังมีทีมกงสุลขนาดใหญ่ที่รับผิดชอบชุมชนชาวสวิสในภูมิภาค มีสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ และมีทีมช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เรามีเจ้าหน้าที่คนไทยและคนสวิสที่พำนักอยู่ในประเทศ เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็เพราะทีมที่มีความเป็นพหุภาษาและวัฒนธรรม”

“นอกจากเรื่องสภาพอากาศที่ร้อน เรื่องภาษา นับเป็นความความท้าทายอย่างหนึ่งของดิฉัน เพราะดิฉันไม่ได้พูดภาษาไทย และในความจริงที่ว่า ภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นภาษาที่พูดกันอย่างแพร่หลายมากนักในประเทศไทย ทั้งในงานธุรกิจหรือราชการ”

“กรุงเทพฯ ถือว่าเป็นหน่วยประจำการที่เรายุ่งมาก หากถามว่าแตกต่างกันอย่างไร กรุงเทพฯ มีความปลอดภัยสูง และมีงานสังคมที่ค่อนข้างบ่อยและเต็มไปด้วยความตื่นตา”

“ที่นี่คือ ราชอาณาจักร ส่วนในแอฟริกาใต้ เป็นรูปแบบของประธานาธิบดี แต่มีกษัตริย์แห่งเลโซโท และกษัตริย์แห่งเอสวาตินี”

“สำหรับเรื่องการแต่งตัว หากเข้าพบประมุขแห่งรัฐในแอฟริกาใต้ ในฐานะผู้หญิงดิฉันจะสวมชุดกระโปรง แต่ถ้าไปพบรัฐมนตรีก็จะสวมชุดสูทธุรกิจ ส่วนในประเทศไทย ดิฉันจะใส่ชุดผ้าไหมไทยหรือชุดที่มีสีสันสวยงาม”

“ในทุกหน่วยประจำการจะพบแง่มุมใหม่ๆ กรุงเทพฯ มีหน่วยงานในระดับภูมิภาคอย่าง UNESCAP และหน่วยงานสหประชาชาติอื่นๆ ซึ่งดิฉันมักจะต้องเข้าร่วมประชุมหารือเป็นประจำ ถือเป็นงานรับผิดชอบใหม่ของดิฉัน”

นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย

แล้ววันหยุดชอบไปไหนหรือชอบทำอะไร

“ดิฉันไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก แต่ไม่นานมานี้ ดิฉันมีโอกาสไปร่วมงานบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2020 (Bangkok Art Biennale : BAB) ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) งานศิลปะสาธารณะร่วมสมัยในโครงการเดอะ ปาร์ค (The PARQ) และงานจัดแสดงภายในวัดโพธิ์ และวัดอรุณฯ ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ”

“สามีของดิฉันนั้นชอบที่นี่มาก เพราะเขาเป็นนักกิจกรรมตัวยง โดยเป็นนักดาราศาสตร์วิทยุสมัครเล่น มีห้องทดลองวิทยาศาสตร์ที่นี่ สามารถส่งสัญญาณวิทยุไปยังดวงจันทร์และกลับมายังโลกอีกครั้ง และเขาเพิ่งได้รับใบอนุญาตจากทางการไทย ซึ่งนับเป็นสิ่งที่พิเศษมาก”

“นอกจากเป็นผู้สนับสนุนในกิจกรรมที่หลากหลายของดิฉันแล้ว เขายังชอบการทำอาหาร อย่างเช่น วันนี้ ดิฉันเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน และอาหารค่ำที่บ้านพัก สามีซึ่งเป็นเชฟที่มีความสามารถ ก็ได้มาช่วยออกแบบรายการอาหารให้ดิฉันด้วย”

“ตอนนี้ สามีเริ่มเรียนกอลฟ์แล้ว แม้จะอยู่ในระดับเริ่มต้น แต่เขาก็กระตือรือร้นมาก”

เสียงหัวเราะ ทำให้เราได้รู้สึกถึงความสุขที่อบอวลไปทั่วบริเวณ เมื่อท่านทูตกล่าวว่า

“ปีนี้ นับเป็นปีที่ 24 ที่เราครบรอบการแต่งงาน เราทั้งสองไม่มีลูก แต่มีสุนัขสามตัว ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเรา”

นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย
ประวัติ
นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา
ประสบการณ์
ตุลาคม 2019-ปัจจุบัน : เอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำราชอาณาจักรไทย ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว2015 -2019 : เอกอัครราชทูตหญิงคนแรกของสวิตเซอร์แลนด์ประจำประเทศแอฟริกาใต้ ผู้แทนของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในบอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มอริเชียส และนามิเบีย และผู้แทนพิเศษของสวิตเซอร์แลนด์ ประจำกลุ่มประชาคมเพื่อการพัฒนาแห่งภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ (SADC)ตุลาคม 2008-กันยายน 2015 : อธิบดีกรมทรัพยากรของกระทรวงต่างประเทศสวิส (FDFA)

2006 : ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ FDFA

2000-2006 : ฝ่ายการเงินของ FDFA

1985-2000 : ประจำสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ในเมืองลากอส ฮาวานา ซานฟรานซิสโก สตราสบูร์ก ลิมาและโบโกตา

1985 : เข้าทำงานใน FDFA

เกิด : เมืองซูริก ในปี 1965

การศึกษา : ปริญญาบริหารธุรกิจ มหาบัณฑิต จาก Externado de Colombia University in Bogota

สถานภาพ : สมรส