หนังสือเรียนสำหรับเด็ก : พวกอุตริ-หาที่ตาย

ในป่ามีงูเหลือมยักษ์ ที่เขมือบเหยื่อที่เคราะห์ร้าย มันเป็นเจ้าป่า ที่ยากจะหาสิ่งใดไปสู้กับมันได้

ในแม่น้ำ มีงูอนาคอนด้า ที่เลื้อยไปในสายน้ำ และหากินกับเหยื่อตามริมน้ำ

คณะทหาร ที่ใช้ ม.๔๔ คือผู้มีอำนาจล้นฟ้า พวกเขาจึงเหมือนงูเหลือมยักษ์

แต่ธรรมกาย ที่ถือว่าเจ้าอาวาสของตนอยู่เหนือพ้นความผิด อยู่เหนือกฎหมาย ก็ไม่ต่างกับงูอนาคอนด้า

อาจจะจริง ที่มีกลุ่มคนที่ต้องการล้มล้างธรรมกาย มีเจตนาอื่นแอบแฝง เรียกว่า ต้องการเขมือบธรรมกาย

ถ้าเช่นนั้น นี่คือศึกสองงูยักษ์ ไม่จำเป็นที่ชาวบ้านต้องไปข้องแวะด้วยเลย

หากคิดว่าน่าสนใจ ก็ไปนั่งดูข้างหน้า หากคิดว่าสยดสยองเกินไป ก็ถอยห่าง

เพราะในที่สุด ไม่ว่าใครจะเขมือบใคร ก็เพียงแค่งูใหญ่หายไปตัวหนึ่งในป่านี้

แต่เมืองไทยนี้เป็นป่าประหลาด บางครั้งงูใหญ่ก็เลื้อยหายไป หนีไปซุกซ่อนตัวในที่ใดที่หนึ่ง แล้วทุกคนก็ลืมไป

อยากเข้าใจธรรม ให้มองโลกรอบตัว

ไม่นานมานี้ มีนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน ถูกผู้ก่อการร้ายในฟิลิปปินส์จับตัวไปเรียกค่าไถ่ เมื่อไม่ได้เงิน ก็ฆ่าตัดคอ ด้วยมีดโค้ง ส่วนเมียถูกตีตายตั้งแต่แรก เพราะโจรจะข่มขืน แต่เธอขัดขืน

ความน่าสนใจอยู่ที่ ผู้ชายชาวเยอรมันคนนี้ เขาอายุ 70 ปี ส่วนเมียอายุ 50 กว่า เมื่อปี 2008 เขากับเมียก็ถูกจับโดยโจรสลัดโซมาเลีย และถูกเรียกค่าไถ่ ในครั้งนั้น พวกเขายอมจ่ายค่าไถ่ ซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก และถูกปล่อยตัวมา

แต่พวกเขายังไม่เข็ด ยังแล่นเรือยอชต์ในย่านน้ำอันตราย คิดไม่ถึงว่าจะโดนจับไปเรียกค่าไถ่เป็นครั้งที่สอง

ทำไมครั้งนี้เขาจึงไม่ได้รับเงินค่าไถ่ ฉันคิดว่าญาติพี่น้องที่บ้านคงเอือมระอา หรืออาจไม่มีเงินแล้ว แม้แต่เจ้าหน้าที่ก็คงไม่เต็มใจทำคดีนี้ เพราะเห็นว่าพวกเขาเหมือนคนฆ่าตัวตาย ไม่เข็ดหลาบ

คนธรรมดา โดนครั้งเดียวก็เข็ดแล้ว พอแล้ว แต่ผัวเมียคู่นี้มีความกระหายในการล่องเรือยอชต์ในย่านน้ำอันตราย มากผิดปกติ

มนุษย์ต้องการความสนุก ความตื่นเต้น อย่างสูงสุด โดยไม่สนใจว่าต้องจ่ายราคาเท่าไร

ฉันมีเพื่อนที่ฐานะปานกลาง แต่เขาเอาเงินเก็บทั้งหมดไปท่องเที่ยวในดินแดนที่ห่างไกล และไปยาก เพราะเขาคิดว่า ตายแล้วก็ไม่ได้เอาเงินไปไหน เขาจึงยอมจ่ายเงินราคาแพง ไปเที่ยวขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ อย่างมีความสุข และไปทุกที่ที่ไปยาก อย่างกระหาย

ฉันพิศวงว่าทำไมเขาต้องกระหายขนาดนั้น เขาใช้จนเงินหมดจริงๆ เรียกว่ายอมตาย เพื่อตอบสนองความต้องการนี้

เช่นเดียวกับคนจำนวนมาก ที่ปีนเขาเอเวอเรสต์ แม้จะเป็นคนที่พัน หรือคนที่หมื่น ก็เต็มใจ

บางคนไปเสียชีวิตในการเดินทาง

เช่นเดียวกับคนอีกหลายคน ที่พยายามจะไปดวงจันทร์ หรือเพียงแค่ไปบินวนรอบๆ ดวงจันทร์ ยอมจ่ายด้วยราคาแพงลิบ

ธรรมะไม่ได้บอกให้คนเราไม่อยากรู้อยากเห็น หรือไม่ต้องการผจญภัย

เพียงแต่ไม่ได้ไปด้วยความหิวกระหายขนาดนั้น หรือไปแบบไม่สนใจในราคาที่จ่าย

ทั้งนี้เพราะธรรมะบอกให้เรารู้ถึงความลี้ลับพิสดารของสิ่งรอบกาย ของสิ่งเรียบง่าย ราคาถูก เราไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินราคาแพงขนาดนั้นก็ได้ ไม่นับนักสำรวจ หรือนักบุกเบิก เสี่ยงอันตรายไปถึงดวงจันทร์ อันนั้นมีคุณค่าอยู่

แต่การไปท่องเที่ยว ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น มันต้องเริ่มด้วยการถามตัวเองก่อนว่า นี่เป็นการสำรวจให้เพื่อนมนุษย์ หรือเป็นการท่องเที่ยว

อันแรกเป็นทางการ

อันที่สองเป็นเรื่องส่วนตัว

ไม่นานมานี้ มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ไปถ่ายภาพแต่งงาน บนธารน้ำแข็งในอลาสก้า แล้วตกลงไปในร่อง เสียชีวิตทั้งคู่

ปกติธารน้ำแข็งเหล่านี้ เป็นดินแดนอันตราย ไม่ใช่ที่จะไปเดินเล่นเลย มันเคลื่อนไหว มันดูนิ่ง แข็งจากด้านนอก แต่ที่จริงข้างในมันเต็มไปด้วยการเคลื่อนไหว มันมีความไม่เสถียรมากมาย ฉันเคยไปอยู่ใกล้ๆ ตื่นตะลึงในเสียง เพราะมันมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เสียงที่เกิดจากการเคลื่อนไหวภายใน

ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาวันนั้นแต่งชุดอะไร

หากแต่งชุดทะมัดทะแมงอย่างนักปีนเขา โอกาสรอดของพวกเขาก็มีมากขึ้นหน่อย แต่หากแต่งชุดแบบนั้น จะไปถ่ายรูปเพื่อฉลองวันวิวาห์ทำไม ก็ไม่เข้ากัน

หากแต่งชุดรุ่มร่ามของเจ้าบ่าวสาว ก็ยิ่งไม่เหมาะกับธารน้ำแข็งที่แสนลื่น พร้อมจะปริแตก เกิดร่องลึก ที่คาดเดาไม่ได้ ชุดวิวาห์ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการไปเดินบนธารน้ำแข็งเลย

สรุปคือ พวกเขาอุตริ พวกเขาหาที่ตาย

และศพของพวกเขาก็ไม่สามารถถูกกู้ออกมาได้ เพราะมันลงลึก อีกนานกว่าธารน้ำแข็งนี้จะละลาย กว่าศพของพวกเขาจะโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง อาจนานหลายสิบปี หรือหลายร้อยปี

มีคนกลุ่มหนึ่งไปแจกหนังสือคนจรจัด พวกเขาทำด้วยอุดมคติ คิดว่า นี่คือการแสดงความยิ่งใหญ่ของหนังสือ ต้องการบอกว่าหนังสือคือทิพย์

คนจรจัดคนนั้นตกตะลึง ที่มีคนกลุ่มหนึ่ง อยู่ๆ ก็มาให้หนังสือเขา เราจะเห็นภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื้นตัน จนน้ำตาคลอ แต่คนน้ำตาคลอ ไม่ใช่ผู้รับ หากแต่เป็นผู้ให้

ผู้ให้ซึ้งใจยิ่งนัก เพราะได้เห็นความเป็นทิพย์ของหนังสือ

ส่วนผู้รับตกใจเกินกว่าจะพูดอะไร หรือทำอะไรได้

การกระทำนี้ เกิดจากเจตนาดี เกิดจากอุดมคติ แต่ทว่ามันไม่ได้ตอบโจทย์ที่ว่า ต้นทุนนี้ใครจ่าย เพราะหนังสือต้องมีต้นทุน มันไม่ใช่ต้นหญ้าที่ขึ้นเอง ความแฟร์ที่สุดคือ คนอ่านเป็นคนจ่าย หนังสือจึงควรวางขาย หากโลกนี้ไม่มีคนอยากซื้อหนังสือ ก็แสดงว่าไม่ต้องพิมพ์หนังสือ จบ มันก็เรียบง่ายแค่นั้นเอง ไม่ต้องไปฝืน

แต่คนรักหนังสือบางคนยอมรับไม่ได้

ขนาดฉันที่อ่านหนังสือมาตลอดชีวิต ก็ยังไม่สามารถอ่านหนังสือเมื่อไรก็ได้ ต้องขึ้นกับอารมณ์ ขึ้นกับสมาธิเหมือนกัน

คนไม่เคยตกปลา อยู่ๆ แค่หย่อนเบ็ดลงไปในน้ำ ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะตกปลา

คนอ่านหนังสือออก ก็ไม่แน่ว่าจะอ่านหนังสือ เขาต้องค่อยๆ สะสมทักษะอันนี้

คนจรจัดคนนั้น ยากจะอ่านหนังสือ สิ่งจำเป็นสำหรับเขา คือที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม

เขาไม่กล้าปฏิเสธ แต่เขารับไปแล้ว ทำอะไรต่อ ผู้ให้คงไม่ได้ตามไปดู แต่เราก็เดาได้ หากไม่เอาไปทิ้ง ก็เอาไปขาย หากขายได้ คุณให้โดยไม่สนใจว่าคนรับจะอ่านหรือไม่ และไม่สนใจว่าใครคือผู้จ่ายราคา

นี่คือความเพ้อฝัน

นักเพ้อฝันเหล่านี้ แปลก เราจะเกลียดพวกเขาก็ไม่ได้ เพราะพวกเขาน่ารัก ไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ แต่จะเห็นด้วย สนับสนุน ก็ไม่ได้ ได้แต่ตกตะลึง มองดู

คนพวกนี้ ส่วนใหญ่ชีวิตจบลงไม่ดี ไม่ใช่เพราะมีใครไปทำอะไรพวกเขาหรอก แต่เพราะพวกเขาจะทำตัวเอง

ความช่างฝัน จะทำให้พวกเขาเดินลงเหว เหมือนหนุ่มสาวที่แต่งชุดวิวาห์ไปเดินบนธารน้ำแข็ง

มันดิ่งลึกลงไป ลงไปในร่อง และหาศพไม่เจอ นานหลายสิบปี หรือหลายร้อยปี