คนของโลก : จาง จ้าน ผู้รายงานข่าวโควิด-19 ในอู่ฮั่น กับโทษจำคุก 4 ปี

ศาลในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ให้จาง จ้าน นักข่าวพลเมืองหญิงวัย 37 ปี ต้องรับโทษจำคุกถึง 4 ปี

ในข้อหา “เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นในสังคม” จากการรายงานข่าวการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ที่จุดเริ่มต้นการแพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่น ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

นับเป็นการตัดสินโทษกับผู้รายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนเป็นครั้งแรก

การดำเนินคดีกับผู้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นความพยายามของทางการจีนในการปฏิเสธความล้มเหลวในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดใหม่ในอู่ฮั่น เพื่อพยายามฉายภาพความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดเท่านั้น

 

อดีตทนายความสาวผันตัวมาเป็นนักข่าวพลเมือง เริ่มต้นรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังรัฐบาลจีนประกาศล็อกดาวน์เมืองอู่ฮั่น

เหตุการณ์ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลจีนต้องทุ่มกำลังในการควบคุมการแพร่ระบาด นำไปสู่การผ่อนคลายการปิดกั้นข้อมูลข่าวสารลงในช่วงสั้นๆ ส่งผลให้บรรดานักข่าว รวมถึงนักข่าวพลเมืองลงพื้นที่รายงานสถานการณ์จากพื้นที่ได้โดยตรง

จางลงพื้นที่ในเมืองอู่ฮั่นในช่วงต้นของการแพร่ระบาด เผยแพร่ภาพโรงพยาบาลที่แออัดไปด้วยผู้ป่วย สถานีรถไฟที่ร้างผู้คน รวมถึงอัดคลิปวิพากษ์วิจารณ์นโยบายรัฐบาล เช่นโครงการ “อบรมความซาบซึ้งใจ” เพื่อขอบคุณรัฐบาลในการควบคุมการแพร่ระบาด

“ความซาบซึ้งเป็นเรื่องที่สอนกันได้เหรอ? ถ้ามันสอนกันได้มันคงเป็นความซาบซึ้งจอมปลอม” จางระบุในคลิปหนึ่ง

 

จางเผยแพร่บทความและคลิปวิดีโอผ่าน WeChat ในช่วงแรก แต่หลังจากเจอระบบการปิดกั้นข้อมูลของ WeChat จางเลือกเผยแพร่เนื้อหาผ่านทวิตเตอร์ และยูทูบ ที่ชาวจีนจะสามารถเข้าได้ผ่านการ VPN เท่านั้น

หลี่ต้าเว่ย เพื่อนของจาง เปิดเผยว่า จางไม่เคยเป็นนักข่าวพลเมือง ก่อนที่จะเดินทางจากบ้านในนครเซี่ยงไฮ้ไปยังเมืองอู่ฮั่น โดยหลี่ยอมรับว่า จางมีความดื้อรั้นและยึดมั่นในอุดมการณ์มาก จนบางครั้งก็ยากที่จะเข้าใจ

แน่นอนว่าจางรู้ถึงความเสี่ยงกับงานที่เธอทำ หลังจากมีรายงานนักข่าวพลเมืองหลายคนที่หายตัวไป ขณะที่แพทย์ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลการแพร่ระบาดถูกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายปิดปาก

ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม อยู่ดีๆ จางก็หยุดโพสต์ทุกอย่างลงอย่างน่าสงสัย ก่อนจะพบว่าจางถูกจับกุมและถูกนำตัวกลับมาขึ้นศาลที่นครเซี่ยงไฮ้ ในข้อหา “บิดเบือนข้อมูลและกระจายข่าวสารอันเป็นเท็จ” นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวหาจางด้วยว่า ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติอย่าง Radio Free Asia และ Epoch Times เป็นต้น

หลังถูกจับกุม จางยังคงท้าทายทางการจีนด้วยการอดอาหารประท้วงการจับกุมคุมขังที่ไม่ยุติธรรม

ด้านทนายความของจางออกมาเปิดเผยว่า จางถูกผู้คุมมัดมือและสอดท่อให้อาหารทางสายยางเข้าไปในลำคอเพื่อบังคับให้ร่างกายได้รับอาหารด้วย

“คุณจางเชื่อว่า เธอถูกดำเนินคดีจากการที่เธอใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก” ทนายความของจางระบุ

ขณะที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ออกมาเรียกร้องให้ทางการจีนปล่อยตัวจาง

 

ทั้งนี้ กระบวนการยุติธรรมของทางการจีนขึ้นชื่อเรื่องความไม่โปร่งใส หลายคดีที่มีความอ่อนไหวมักจะถูกพิจารณาคดีกันเป็นการภายใน ขณะที่สถิติการตัดสินลงโทษผู้ต้องสงสัยในระบบยุติธรรมของจีนเมื่อปี 2019 อยู่ที่ 99.9 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

นั่นจึงเป็นการยากที่จางจะรอดพ้นจากการถูกตัดสินให้ต้องรับโทษจำคุกในคดีดังกล่าวด้วยเช่นกัน

คลิปรองสุดท้ายในช่องยูทูบของจาง เป็นคลิปที่จางเดินในย่านที่มีการแพร่ระบาด ก่อนจะเกิดการโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เสื้อมีข้อความ “อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่”

เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเผชิญหน้ากับจางพร้อมกับถามว่า “ถ่ายทอดสดอยู่หรือเปล่า” และถามด้วยว่าเป็นนักข่าวหรือไม่ เมื่อจางไม่ให้ความร่วมมือ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุว่า “ถ้าเธอโพสต์คลิปลงเน็ตละก็ เธอจะต้องรับผิดชอบ”

“ฉันรับผิดชอบกับทุกสิ่งที่ฉันทำ” จางตะโกนสวน และว่า

“คุณก็ควรจะต้องรับผิดชอบกับการกระทำของคุณในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายเหมือนกัน”