ต่างประเทศ : เหตุระเบิดที่แนชวิลล์ เหตุระทึกขวัญในเช้าวันคริสต์มาส

เช้าวันที่ 25 ธันวาคม หรือวันคริสต์มาส วันหยุดที่ควรจะเป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองของคนเกือบทั้งโลก

แต่ที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา กลับกลายเป็นเหมือนฉากหนึ่งในภาพยนตร์สงครามเมื่อรถบ้านที่จอดอยู่หน้าอาคารส่งสัญญาณสื่อสารของบริษัท AT&T ริมถนน Seccond Avenue North เกิดระเบิดตูมสนั่นหวั่นไหว

แรงสั่นสะเทือนส่งผลให้อาคารหลังหนึ่งในบริเวณใกล้เคียงพังถล่มลงมา อาคารนับ 10 หลังในรัศมีแรงระเบิดพังเสียหาย หน้าต่างและประตูพังยับเยิน เศษซากชิ้นส่วนรถยนต์ เศษปูนกระจายไปไกลหลายช่วงตึก เกิดไฟไหม้ขึ้นหลายจุด ท่อประปาแตกจนเกิดน้ำท่วม ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง สัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตในภูมิภาคถูกตัดขาด

โชคดีเหตุดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียง 3 คน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบเศษชิ้นส่วนมนุษย์กระจัดกระจายในที่เกิดเหตุ ซึ่งสรุปจากการสืบสวนชี้ว่านั่นคือผู้ก่อเหตุระเบิดที่อยู่ในรถบ้านดังกล่าว

 

จากการตรวจสอบชิ้นส่วนดีเอ็นเอ เจ้าหน้าที่พบว่าเป็นของ “นายแอนโธนี ควินน์ วอร์เนอร์” ชายชาวแนชวิลล์ วัย 63 ปี

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการสรุปเรื่องแรงจูงใจในการก่อเหตุ

เจ้าหน้าที่ค้นบ้านของวอร์เนอร์ ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปเพียง 17 กิโลเมตร ขณะที่ภาพถ่ายจาก Google Street Veiw ที่ถ่ายไว้ช่วงเดือนมีนาคม ถึงพฤษภาคม ปี 2019 พบรถบ้านแบบเดียวกันกับที่ใช้ก่อเหตุจอดอยู่ที่บ้านหลังนี้

มีรายงานว่าวอร์เนอร์โอนรถยนต์ส่วนตัวให้คนอื่นไป และบอกคนใกล้ชิดว่าตนเองป่วยเป็นโรคมะเร็ง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าวอร์เนอร์เป็นโรคมะเร็งจริงหรือไม่ ขณะที่การติดตามเส้นทางการเงินพบว่าวอร์เนอร์ซื้อวัสดุที่สามารถนำมาใช้ประกอบระเบิดเอาไว้ด้วยก่อนเกิดเหตุ

 

วอร์เนอร์มีประวัติการทำงานกับบริษัทด้านไอทีในพื้นที่ใกล้บ้าน โดยส่งอีเมลขอเกษียณอายุการทำงานกับบริษัทสุดท้ายที่ทำงานอยู่เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา และมีประวัติเคยตั้งบริษัทสัญญาณกันขโมยที่เปิดทำการระหว่างปี 1993 ถึง 1998

จากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยภาพรถบ้านขับเข้ามาในพื้นที่ในวันเกิดเหตุ ก่อนเข้ามาจอดหน้าอาคาร AT&T ตั้งแต่เช้ามืดของวันคริสต์มาส ในเวลา 01.22 น.

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ชาวบ้านที่พักอาศัยในอพาร์ตเมนต์ฝังตรงข้ามจุดเกิดเหตุเปิดเผยว่า ตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ก่อนจะเห็นรถบ้านจอดอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้าม และเล่าด้วยว่า มีเสียงประกาศดังออกมาจากเครื่องขยายเสียงจากรถบ้านว่า “อพยพด่วน! รถคันนี้มีระเบิดและจะระเบิดแล้ว อพยพด่วน!”

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้งจากประชาชนถึงเสียงปืนที่ดังขึ้น โดยหลังจากได้ยินเสียงเตือนจากเครื่องขยายเสียงที่รถบ้านจึงตัดสินใจเรียกกำลังเสริมและช่วยกันเคาะประตูบ้านเรือนประชาชนโดยรอบเพื่ออพยพออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จุดเกิดเหตุตัดสินใจเรียกเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าพื้นที่ แต่ก็สายเกินไป รถบ้านเกิดระเบิดขึ้นในเวลา 06.30 น.

 

หลังเกิดเหตุ รายงานข่าวในสื่อท้องถิ่นรวมถึงในโลกออนไลน์ต่างรายงานถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นายที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “วีรบุรุษ” หลังจากช่วยกันอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ได้ทันเวลาก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้น

หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นาย ออกมาเล่าถึงเหตุการณ์ระทึกว่า ตนได้ยินเสียงเตือนจากเครื่องขยายเสียงจากรถบ้านคันดังกล่าว พร้อมกับเพลง “Downtown” เพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตในเมืองท่ามกลางแสงไฟสว่างไสว คลอไปด้วย ก่อนจะวิ่งไปอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ และเกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหว ปรากฏแสงสีส้มสว่างวาบ พร้อมกับเสียงที่ดังจนทำให้ต้องสูญเสียการได้ยินไปชั่วขณะ

“ผมเห็นพระเจ้า ผมไม่อายเลยที่จะพูดแบบนั้น” เจมส์ เวลส์ 1 ใน 6 เจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุพูดถึงเหตุการณ์ระทึกในเช้าวันนั้น

จอห์น คูเปอร์ นายกเทศมนตรีเมืองแนชวิลล์ แถลงข่าวเคียงข้างเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 6 นายระบุว่า “ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่ทุกท่านคงจะคิดว่าสิ่งที่พวกเขาทำเป็นเพียงการทำหน้าที่ตามปกติเท่านั้น แต่พวกเราในแนชวิลล์รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่พิเศษมากๆ”

 

เวลานี้ยังไม่ชัดเจนว่าอาคารบริษัท AT&T เป็นเป้าหมายการระเบิดหรือไม่ ขณะที่ในถนน Seccond Avenue North เองก็เป็นแหล่งรวมสถานบันเทิง ร้านอาหาร และแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น Hard Rock Cafe ร้านอาหารชื่อดัง รวมถึงบริษัทรถบัสชมเมืองหลายแห่ง โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า เหตุระเบิดอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากหากเหตุเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางวันหรือช่วงหัวค่ำเนื่องจากเป็นถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน

เหตุระเบิดดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายกับพื้นที่โดยรอบเท่านั้น แต่ความเสียหายกับอาคารส่งสัญญาณของ AT&T ส่งผลกระทบให้สัญญาณการสื่อสารในบางส่วนของรัฐเทนเนสซี เคนทักกี และแอละแบมา ถูกตัดขาด

นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ศูนย์แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย 911 กว่า 20 แห่งถูกตัดขาดการสื่อสารลงด้วย ก่อนที่ AT&T จะแก้ไขระบบได้ในเวลาต่อมา

ไม่เฉพาะกับการสื่อสารเท่านั้น แต่เหตุระเบิดยังส่งผลให้สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือเอฟเอเอ ต้องประกาศระงับเที่ยวบินที่สนามบินนานาชาติแนชวิลล์ เนื่องจากการสื่อสารที่ขัดข้อง

ขณะที่เอฟเอเอยังประกาศให้น่านฟ้ารัศมี 1.6 กิโลเมตรจากจุดระเบิดเป็น “เขตป้องกันทางอากาศ” ห้ามไม่ให้มีการบินอากาศยานในน่านฟ้าดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงสืบสวนอย่างต่อเนื่องเพื่อหาแรงจูงใจในการก่อเหตุของ “วอร์เนอร์” ในครั้งนี้ ขณะที่ “ริก ลอด” เพื่อนบ้านของวอร์เนอร์ ออกมาเปิดเผยว่า มือระเบิดอาจเคยส่งสัญญาณบางอย่างให้ตนรู้ก่อนเกิดเหตุไม่กี่วัน

“ซานต้ามีอะไรดีๆ มาให้คุณในวันคริสต์มาสนี้รึเปล่า?” ลอดจอดรถทักทายวอร์เนอร์ที่ยืนอยู่หน้าบ้าน

“โอ้ ใช่ แนชวิลล์และโลกใบนี้ จะไม่มีวันลืมผมได้เลยละ” วอร์เนอร์ตอบ