โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่จากอังกฤษ มฤตยูสู่ชาวโลก ส่งท้ายปี

หลังจากทั่วโลกต้องสยองกับไวรัสโคโรนา 2019 ที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ที่เริ่มจากประเทศจีน ก่อนจะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และสถานการณ์การระบาดที่เหมือนจะดีมาช่วงหนึ่ง หลังจากหลายประเทศออกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดและได้ผลอย่างเต็มที่ จนเริ่มกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติกันบ้างแล้ว

แต่การระบาดก็กลับมาใหม่อีก จนทำให้หลายประเทศต้องกลับไปล็อกดาวน์กันอีกครั้ง บางเมืองก็ล็อกดาวน์กันไปรอบที่ 3 แล้วก็มี

แม้ว่าตอนนี้จะเริ่มมีวัคซีนออกมาแล้ว แต่สถานการณ์ยิ่งดูย่ำแย่ลงไปอีก เมื่อพบว่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 นั้นได้กลายพันธุ์ และมีอันตรายที่มากขึ้น

โดยเริ่มพบเจอกับไวรัสกลายพันธุ์นี้ในประเทศอังกฤษ

 

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้กล่าวไว้ในการแถลงยกเลิกปาร์ตี้วันคริสต์มาสเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า เหตุผลหนึ่งของการล็อกดาวน์ ยกเลิกจัดงานฉลองคริสต์มาสนั้นเป็นเพราะเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ใหม่นี้ ที่อาจมีความสามารถในการระบาดเพิ่มขึ้นถึง 70 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเชื้อเดิม

พร้อมกันนี้ ยังได้ประกาศยกระดับการควบคุมโรคระบาดในพื้นที่กรุงลอนดอน รวมทั้งพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษขึ้นเป็นระดับที่ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

และมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า เป็นผลมาจากเชื้อโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ ที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ศูนย์ว่าด้วยการสร้างแบบจำลองเชิงคณิตศาสตร์ของโรคระบาด (ซีเอ็มเอ็มไอดี) ในสังกัดสำนักเวชศาสตร์เขตร้อนและสุขอนามัยลอนดอน (แอลเอสเอชทีเอ็ม) ของประเทศอังกฤษ ได้มีการเผยแพร่รายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเชื้อก่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยใหม่ ที่เพิ่งมีการตรวจสอบพบเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และกำลังแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในประเทศอังกฤษขณะนี้ว่า เชื้อกลายพันธุ์ดังกล่าวมีศักยภาพในการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉลี่ยมากขึ้น 56 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเชื้อก่อโรคโควิด-19 เดิม

และด้วยความรุนแรงที่มากขึ้นดังกล่าวนี้เอง อาจทำให้ในปี 2564 มีผู้ป่วยหนักที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น และอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อครั้งที่ไวรัสสายพันธุ์เดิมมีการระบาดในระลอกแรกในประเทศอังกฤษในปี 2563 แม้ว่าทางการอังกฤษจะยังคงบังคับใช้มาตรการเข้มงวด และยกระดับ

การควบคุมโรคสูงสุดเป็น 4 ระดับแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ ทีมวิจัยดังกล่าวได้ใช้วิธีตรวจสอบตัวอย่างที่พบในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้, ตะวันออก และในพื้นที่เขตกรุงลอนดอนของประเทศอังกฤษ และยอมรับว่า จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่าเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษนี้ มีอันตรายถึงชีวิตมากกว่าสายพันธุ์เดิมหรือไม่

ทีมวิจัยยังได้เตือนด้วยว่า การล็อกดาวน์ที่อังกฤษนำมาใช้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดที่มากขึ้นได้ หากไม่มีการปิดโรงเรียนระดับประถมและมัธยม รวมไปถึงมหาวิทยาลัยด้วย

แต่ในทางกลับกัน การผ่อนคลายมาตรการใดๆ มีแนวโน้มที่จะส่งผลทำให้เกิดการระบาดเพิ่มขึ้นได้ในทันที ทางการอังกฤษจึงมีความจำเป็นอย่างมากในการเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้แพร่หลายออกไปให้มากที่สุดโดยเร็ว

เพื่อให้ประเทศอังกฤษสามารถรองรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดที่เป็นภาระหนักอึ้งได้

 

หลังข่าวเรื่องเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษแพร่ออกไป ก็มีคำสั่งจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศว่า ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากอังกฤษ จะต้องมีผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบภายใน 3 วันก่อนเดินทาง จึงจะสามารถเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้

โดยจะต้องส่งผลการตรวจเชื้อที่เป็นลบดังกล่าวให้แก่สายการบิน และหากผู้โดยสารไม่ต้องการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทางสายการบินจะต้องปฏิเสธรับผู้โดยสารคนดังกล่าว ซึ่งคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคมเป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังมีอีกกว่า 50 ประเทศทั่วโลกที่เริ่มออกมาตรการจำกัดการเดินทางจากประเทศอังกฤษแล้ว รวมไปถึงการปิดกั้นชายแดนที่ติดต่อกับประเทศอังกฤษ

แต่มาตรการเหล่านั้นก็อาจจะดูช้าเกินไป เพราะไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ก็ได้เริ่มไปโผล่ตามประเทศอื่นๆ แล้ว

อย่างที่ประเทศฝรั่งเศส ก็มีการยืนยันพบผู้ป่วยติดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่แล้ว โดยพบว่าผู้ป่วยรายนี้เพิ่งเดินทางมาจากกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ นอกจากนี้ ยังพบที่เดนมาร์ก อิตาลี และเนเธอร์แลนด์

ส่วนที่เอเชียก็ไม่พ้น เพราะผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่นี้ในประเทศญี่ปุ่นแล้วเช่นกัน

เป็นผลให้ญี่ปุ่นประกาศ “ปิดประเทศ” ห้ามชาวต่างชาติที่ไม่ได้มีถิ่นพำนักในญี่ปุ่นเดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม ถึงสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า

โดยสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลญี่ปุ่นในต่างประเทศได้หยุดการออกวีซ่าให้ชาวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป

ขณะที่มีรายงานพบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์จากอังกฤษนี้ ที่ประเทศเกาหลีใต้อีก 3 ราย และที่จอร์แดนอีก 2 ราย ทั้งหมดเป็นผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากอังกฤษทั้งสิ้น

เรียกได้ว่าเป็นความปั่นป่วนส่งท้ายปี สำหรับโควิด-19 ที่แม้เวลาจะล่วงเลยมาเป็นปีแล้ว แต่สถานการณ์กลับยังไม่ดีขึ้น แถมยังมีการกลายพันธุ์ที่ดูจะร้ายแรงขึ้น

มีเพียงความหวังจากวัคซีนเท่านั้น ที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของชาวโลกในตอนนี้