ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 27 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2563 |
---|---|
เผยแพร่ |
วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร
รัชทายาท อวี้หวัง จิ้งหวัง (73)
ความปลาบปลื้มของจักรพรรดิเหลียงนำไปสู่การกวักมือเรียก “เจ้าหน้าที่” พร้อมกับรับสั่ง “ไปเอาผ้าไหมปักลายมังกรและมุกทองมาให้อวี้หวังเป็นรางวัล”
อันนำไปสู่การขมวดของ “ไห่เยี่ยน” ว่า
จิ้งหวังไต่สวนคดีอย่างยากลำบาก ซ้ำยังสามารถปิดคดีได้อย่างงดงาม กลับได้รับเพียงคำชมเชยประเภท “ไม่เค็ม ไม่จืด” เพียง 2-3 คำ อวี้หวังแค่ออกแรงเล็กๆ น้อยๆ กลับได้รับพระราชทานรางวัลล้ำค่า
ขุนนางทั้ง 3 ซึ่งเข้ามาพร้อมกับจิ้งหวัง ปากแม้ไม่ได้กล่าวอันใด ทว่า ในใจกลับรู้สึกผิดหวัง
เผชิญหน้ากับความลำเอียงของเสด็จพ่อ ประสานเข้ากับความลำพองใจของอวี้หวังและความเห็นใจของผู้ร่วมงาน จิ้งหวังกลับไม่เผยความผิดปกติออกมาแม้แต่น้อย
การปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมเช่นนี้เขาคุ้นชินมานานแล้ว คุ้นชินมาอย่างต่อเนื่อง
ความลำเอียงโดยไม่ลืมหูลืมตาของจักรพรรดิเหลียงในยามนี้ยิ่งไม่อาจสร้างความปวดร้าวได้ ตรงกันข้าม กลับปลุกความฮึกเหิมภายในจิตให้คุโชนยิ่งขึ้น
กระนั้น เซียวจิ่งเหยียน ยังต้องผ่าน “ด่าน” ทดสอบอีกด่านจนได้
หลังถอยออกมาจากตำหนักอู่อิง จิ้งหวังก็แยกกับขุนนางทั้ง 3 จากนั้นได้ยินเสียงร้องเรียกของอวี้หวังดังมาแต่ไกล “จิ่งเหยียน รอเดี๋ยว”
หากเป็นในอดีต คงเดินจากไปโดยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
แต่สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ของเซียวจิ่งเหยียน ความยินดีหรือทุกข์โศกไม่นับเป็นอันใดแล้ว เพราะผ่านมาหมดสิ้นแล้ว ดังนั้น จึงหยุดฝีเท้าลงหันกลับมาช้าๆ
อวี้หวังมาถึงพร้อมกับใบหน้าเกลื่อนด้วยรอยยิ้มสนิทสนมพลางอธิบาย
“เจ้าอย่าได้น้อยใจ เสด็จพ่อพอพระทัยต่อผลงานของเจ้าอย่างยิ่ง แต่รอให้เจ้าจัดการเรื่องราวทั้งหมดให้เสร็จสิ้นค่อยทรงปูนบำเหน็จ ข้าไม่มีความดีแต่กลับรับความชอบเบียดบังหน้าตาเจ้า
ดังนั้น ผ้าไหมและมุกทองหากเจ้าไม่รังเกียจ ข้าจะให้คนส่งไปให้เจ้าที่จวน”
คำปฏิเสธยืนกรานจากจิ้งหวังทำให้อวี้หวังถึงกับอึ้งด้วยความงงงัน เพราะปกติทำอะไรราบรื่นมาโดยตลอด ยามนี้ถึงกับพูดไม่ออก
พูดไม่ออกและแปลกใจ
มองจากมุมของอวี้หวัง หากว่ากันตามกฎมณเฑียรบาล จิ้งหวังมีชั้นยศเป็นเพียงแค่จวิ้นหวัง ยังไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นชินหวัง ฐานันดรของเหล่าชายารองทั้งหลายก็ยิ่งต่ำต้อย
ไม่อาจประดับเรือนร่างด้วยผ้าไหมมังกร มุกทอง
ทว่า กฎข้อนี้ความจริงก็มิได้ปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดสักเท่าไร อย่าว่าแต่ชายารองของแต่ละจวนหวัง แม้กระทั่งชั้นภรรยาที่ต่ำลงมาก็ยังใช้เครื่องประดับเลียนแบบมุกทองกันอย่างแพร่หลายตามสมัยนิยม
องค์จักรพรรดิก็ทรงลืมพระเนตรข้าง หลับพระเนตรข้าง
มีก็แต่จิ้งหวังที่ดันทุรังจะปฏิบัติตามกฎให้ได้ อวี้หวังจึงได้แต่หัวเราะอย่างขัดเขิน “เป็นข้าไม่รอบคอบเอง แต่เจ้ามีความสามารถปานนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องได้เลื่อนเป็นชินหวังแน่นอน
วันที่ 5 ข้าจะจัดงานเลี้ยงที่จวน จิ่งเหยียนเจ้าปีนี้อย่างไรต้องให้เกียรติมาร่วมงาน”
จิ้งหวังนึกในใจ “ท่านเคยเชิญข้าเมื่อไรกัน” แต่ทราบดีว่า ครั้งนี้อวี้หวังต้องการแสดงให้ภายนอกเห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างพวกเขาทั้งสอง จึงพยักหน้าแช่มช้าแล้วกล่าว
“สมควรไปคารวะเสด็จพี่และพี่สะใภ้จริงๆ”
สภาพการณ์อันเกิดขึ้นในและนอกราชสำนัก “ไห่เยี่ยน” ประเมินและสรุปว่า เซียวจิ่งเหยียนรับมือกับไมตรีของอวี้หวังด้วยความเยือกเย็น ทั้งมิได้กระตือรือร้นขานรับ
ทั้งเหมือนจะมีใจเอนเอียงอยู่บ้าง
เนื่องจากภาพลักษณ์ของเขาในความทรงจำของผู้อื่นคือความแข็งกระด้างเย็นชามาตลอด แต่ความเอนเอียงเล็กๆ ก็เพียงพอให้คิดโยงไปต่างๆ นานาในสายตารัชทายาท
กว่าจะโค่นซิงกั๋วกงได้เลือดตาแทบกระเด็น ยามนี้กลับปรากฏจิ้งหวังโผล่ขึ้นมาอีกคน
รัชทายาทย่อมรู้สึกหงุดหงิด ตรงข้ามกับเซี่ยอวี้ที่สะกดกลั้นอารมณ์ไม่พอใจไว้ได้ กระทั่งถูกอวี้หวังจงใจค้อนใส่หลายครั้งในท้องพระโรง ก็ยังอดทนไว้ไม่บันดาลโทสะออกมา
ทั้งหมดนี้คือเครือข่ายและโครงสร้างอันเป็นความขัดแย้งในราชสำนักในนครจินหลิง