วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/ตรึงตรา สตรีชุดเขียว (87)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

ตรึงตรา สตรีชุดเขียว (87)

อาการบาดเจ็บของเอี้ยก่วยรุนแรงอย่างยิ่ง มีแต่ “สตรีชุดเขียว” นั่นเองที่ยกร่างเขาขึ้นนั่งบนม้าผอมออกจากสถานที่เกิดเหตุ

เมื่อรู้สึกตัวและลืมตาขึ้นช้าๆ

เอี้ยก่วยอดใจหายวาบมิได้ ที่แท้นอนอยู่บนเตียงหลังหนึ่งบนร่างคลุมไว้ด้วยผ้าห่มผืนบางเบา ขณะจะพลิกกายลุกขึ้นพลันรู้สึกกระดูกซี่โครงปวดแปลบมิอาจขยับขับเคลื่อนได้ พอเหลียวหน้ามองเห็นริมหน้าต่างปรากฏสตรีชุดเขียวนางหนึ่ง

มือซ้ายกดทับกระดาษ มือขวาจับพู่กัน กำลังเขียนอักษร

นางหันหลังให้เตียงจึงไม่อาจเห็นโฉมหน้า แต่จากเงาหลังอันอ้อนแอ้น เอวบางเพียงหยิบมือเดียวนับว่างดงามยิ่ง

ตำแหน่งที่เอี้ยก่วยอยู่เป็นห้องเล็กๆ ของกระท่อมหลังหนึ่ง เตียงไม้กระดาน ม้านั่งทำจากไม้ตกแต่งอย่างรวบรัด ผนัง 4 ด้านว่างเปล่าแต่สะอาดสะอ้าน ไร้ฝุ่นละออง บรรยากาศน่ารื่นรมย์ บนโต๊ะเตี้ยข้างเตียง

เห็นพิณคันหนึ่ง ขลุ่ยหยกเลาหนึ่ง

เพียงจำได้ว่า ต่อสู้จวบจนรับบาดเจ็บ แต่เหตุไฉนจึงได้มาถึงที่นี่ ในสมองล้วนเวิ้งว้างว่างเปล่าเมื่อทบทวนหวนนึกคลับคล้ายว่าฟุบร่างบนหลังม้ามีคนจูงออกเดินทาง คนผู้นั้นเป็นสตรีนางหนึ่ง

ยามนี้พอนึกดูคล้ายจำได้ว่าเงาหลังของนางเป็นสตรีเบื้องหน้า

ทันใดเอี้ยก่วยฉุกใจคิด สตรีชุดเขียวเบื้องหน้าเป็นคนเดียวกับที่เคยเตือนภัยบนเส้นทางสู่นครฉางอาน ภายหลังผนึกกำลังกันช่วยเหลือเล็กบ้อซังออกมา เมื่อหวนนึกขึ้นก็อดร้องโพล่งขึ้นมามิได้

“เจ้เจ๊ ที่แท้เป็นท่านช่วยชีวิตข้าพเจ้าอีก”

สตรีชุดเขียวหยุดพู่กันไว้ ไม่เขียนต่อ แต่ก็มิได้เหลียวหลังกลับ หากกล่าวด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลว่า “ไม่ถือเป็นการช่วยชีวิตท่าน ข้าพเจ้าประจวบกับเดินทางผ่านไปเห็นลามะทิเบตนั้นป่าเถื่อนดุร้ายยิ่ง ท่านเองก็ได้รับบาดเจ็บ”

“ท่านมีมโนธรรมล้ำเลิศ ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเอง ข้าพเจ้าประสบพบเหตุออกแรงสักเล็กน้อยนับเป็นอย่างไรได้”

กล่าวด้วยความนุ่มนวล ไม่ว่าเรื่องของโกวโกว ไม่ว่าเรื่องของเล็กบ้อซัง

ในความเมตตา 3 ส่วนยังให้ความเคารพ 3 ส่วน บันดาลให้ผู้รับฟังทั้งสบายใจ ทั้งปลื้มปีติ ผิดแผกแตกต่างจากสตรีที่เอี้ยก่วยเคยรู้จักมา

พอกล่าวคำพูดหลายประโยค ก็จับพู่กันเขียนหนังสือต่อ

มีความคิดเชิงเปรียบเทียบเกิดขึ้นในใจของเอี้ยก่วยโดยอัตโนมัติ เป็นการเปรียบเทียบกับบรรดาสตรีที่เอี้ยก่วยเคยพบพานมา

นางไม่คล้ายเล็กบ้อซังที่ซุกซนเหลือร้าย

ยิ่งไม่คล้ายก๊วยพู้ที่เอาแต่ใจตัว เยลุกอี้ เปิดเผย ภูมิฐาน อ้วงง้วนเพี้ย อ่อนแอน่าเวทนา สำหรับเซียวเล้งนึ่ง ตอนแรกเย็นชาราวน้ำแข็ง เฉยเมยไม่สนใจ ภายหลังบังเกิดเป็นความรักขอร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันนับเป็นนิสัยสุดปลาย

มีแต่สตรีชุดเขียวนางนี้ที่สุภาพอ่อนโยน นุ่มนวลเอาใจ

ทราบว่าเอี้ยก่วยคิดถึง “โกวโกว” จึงปลอบโยนอีกฝ่ายหนึ่งพักรักษาตัวให้ดี หลังจากทุเลาจากอาการบาดเจ็บจะออกตามหาในบัดดล

“อย่าได้วิตกเกินไป ในที่สุดต้องหาพบได้” ภายในคำปลอบโยนเปี่ยมด้วยความหวัง มั่นใจ

รู้สึกว่าเมื่ออยู่กับนางมีแต่ความสงบสุข “ท่านอย่าได้ถามนั่นถามนี่ ยังคงนอนอย่างสงบ อย่าได้คิดฟุ้งซ่าน วุ่นวาย อาการบาดเจ็บบอบช้ำจะทุเลาหายดีโดยเร็ว”

สตรีนางนี้สวมหน้ากากหนังมนุษย์ แต่สร้างความไว้วางใจอย่างยิ่ง

ไว้วางใจถึงกับเอี้ยก่วยกล้ากล่าว “ข้าพเจ้าคิดถึงนางกลับมิใช่รูปโฉมโนมพรรณของนาง ต่อให้นางเป็นสตรีอัปลักษณ์อันดับ 1 แห่งแผ่นดิน ข้าพเจ้ายังคงคิดถึง แต่ว่า แต่ว่า หากท่านพบเห็นนางต้องนิยมชมเชยกว่าเดิม”

สตรีชุดเขียวเป็นใคร

กล่าวสำหรับคนที่ติดตามเรื่องราวของเอี้ยก่วยใน “มังกรหยก ภาค 2” ไม่ยากเลยที่จะคาดเดาว่า สตรีชุดเขียวนี้เป็นใคร

มีความเป็นมาอย่างไร

1 นางมีสายสัมพันธ์กับ “เล็อบ้อซัง” แนบแน่นอย่างยิ่ง 1 การที่นางสามารถช่วยอึ้งย้ง เอี้ยก่วย ให้รอดพ้นจากกิมลุ้นฮวบอ้วงได้อย่างทันกับสถานการณ์มีความเด่นชัด

เด่นชัดว่ารู้จัก “ค่ายกลดงหิน” เป็นอย่างดี