ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์ / ROALD DAHL’S THE WITCHES ‘วรรณกรรมสำหรับเด็ก’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์

ROALD DAHL’S THE WITCHES
‘วรรณกรรมสำหรับเด็ก’

กำกับการแสดง
นำแสดง

Robert Zemeckis
Anne Hathaway
Octavia Spencer
Jahzir Bruno
Stanley Tucci

ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนไปพร้อมกับเทศกาลต่างๆ ในรอบปี
ตุลาคมกับพฤศจิกายนเป็นช่วงของหนังสยองขวัญตามเทศกาลฮาโลวีนที่ปล่อยผีออกมาเพ่นพ่านให้เด็กๆ แต่งตัวไปหลอกผีตามบ้านแลกกับการขอขนม
Roald Dahl’s The Witches เวอร์ชั่นใหม่จึงเข้าฉายในช่วงเทศกาลสยองนี้
ที่เรียกว่า “แม่มดของโรอัลด์ ดาห์ล” นั้นก็เพราะหนังเกี่ยวกับแม่มดมีมากมายเป็นกระบุงโกย ถ้าเรียก The Witches เฉยๆ ตามชื่อหนังสือ คนดูก็อาจจะนึกว่าเคยดูหนังเรื่องนี้แล้ว โดยเฉพาะหนังเขย่าขวัญชื่อ The Witch (2015) ที่เป็นคำเอกพจน์ หรือที่ในโปสเตอร์หนังแยกตัวอักษรดับเบิลยูเป็นตัววีซ้อนกันสองตัว The VVitch (อันยา เทย์เลอร์-จอย) ซึ่งเป็นหนังน่ากลัวที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยดูมาและจะไม่ยอมดูซ้ำอีกรอบเด็ดขาดถ้าไม่จำเป็น
และอีกอย่างก็น่าจะเป็นเพราะชื่อของโรอัลด์ ดาห์ล เป็นชื่อที่ขายได้ในหมู่นักอ่านและคนดูหนัง เนื่องจากว่าเขาเป็นนักเขียนยอดนิยมและเป็นคนมีชื่อเสียงอยู่ในวงการภาพยนตร์พอควร

โรอัลด์ ดาห์ล ได้รับการยกย่องว่าเป็น “หนึ่งในนักเล่านิทานผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20” และหนังสือของเขาที่ดัดแปลงมาเป็นหนังก็มีอยู่มากมาย อย่างเช่น Charlie and the Chocolate Factory (จอห์นนี่ เดปป์) และ Matilda (แดนนี่ เดอวีโต) เป็นต้น
และ The Witches เคยทำเป็นภาพยนตร์มาแล้วใน ค.ศ.1990 โดยพลิกตอนจบของเรื่องไปด้วยนัยยะสำคัญที่โรอัลด์ ดาห์ล ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะนั่นไม่ใช่จุดประสงค์ดั้งเดิมที่เขาเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาสำหรับเตือนใจเด็กๆ
เมื่อหนังเวอร์ชั่นนี้ที่มีโรเบิร์ต เซเมคคิส (Forrest Gump, Back to the Future, Who Framed Roger Rabbits) กำกับฯ พร้อมด้วยทีมงานที่มีคนเด่นคนดังในวงการภาพยนตร์หลายคน เช่น อัลฟองโซ คูอารอง (Gravity, Roma) และกีแลร์โม เดล โทโร (Pan’s Labyrinth, The Shape of Water) ขอลิขสิทธิ์มาสร้างหนังเรื่องใหม่ขึ้น ทายาทของผู้เขียนผู้ล่วงลับไปแล้ว จึงต้องขอตรวจสอบบทหนังอย่างละเอียดก่อนจะยอมมอบสิทธิ์ให้นำมาทำหนัง
และองค์ประกอบที่สำคัญของพล็อตในตอนจบจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเรื่องดั้งเดิม
เราจึงได้ดูตอนจบอย่างที่ผู้เขียนตั้งใจไว้แต่เดิม และอาจไม่ใช่สิ่งที่คนดูปรารถนาจะให้นิทานสอนเด็กแบบนี้ลงเอยลง

ออคเทเวีย สเปนเซอร์ (จากบทแสบสันต์ถึงใจใน The Help ที่ทำให้เธอได้รับออสการ์ไปครอง) ซึ่งรับบทสำคัญในเรื่อง เห็นชอบอย่างยิ่งกับตอนจบแบบนี้โดยบอกว่า “ชีวิตไม่ได้ลงเอยด้วยแฮปปี้เอ็นดิ้งเสมอไปหรอก”
แต่ก็ใช่ว่าหนังจะไม่มีตอนจบแบบสุขสันต์นะคะ ก็จบลงแบบทุกคนมีความสุขนั่นแหละค่ะ เพียงแต่ว่าไม่ใช่แบบที่ทุกคนคาดหวังหรืออยากให้เป็น อย่างที่ออคเทเวียบอกว่า “เหมือนใส่กล่องผูกโบ”
อย่างในเทพนิยายที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับกบที่ถูกแม่มดสาปแล้วได้แปลงร่างกลับคืนเป็นเจ้าชายในตอนจบ
แต่นี่คือจักรวาลของโรอัลด์ ดาห์ล ที่วาดภาพว่าชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และมีสิ่งน่ากลัวแอบซ่อนคอยคุกคามอยู่ทั่วไป หากไม่ระวังตัวก็อาจติดกับสิ่งล่อลวงใจเหล่านั้นได้ง่ายๆ

เรื่องราวเริ่มด้วยเสียงเล่าของผู้ชาย (คริส ร็อก) ในระหว่างการฉายสไลด์ที่เตือนให้ระวังความชั่วร้ายที่มีอยู่ทั่วไปในโลก
หนูน้อยชาร์ลี (จาห์ซีร์ บรูโน) ถูกช่วยออกจากอุบัติเหตุรถคว่ำ ซึ่งทำให้เขาสูญเสียพ่อ-แม่ไปทั้งสองคน
เขาต้องไปอยู่กับคุณยาย (ออคเทเวีย สเปนเซอร์) ในอาการที่ยังช็อกกับการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตของเด็กน้อยไป และคุณยายช่วยให้เขากลับคืนสู่ความมีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยการเลี้ยงดูแบบฉลาดด้วย “การกอดหรือการถูกตีก้นเมื่อเขาต้องการ”
เมื่อชาร์ลีเริ่มหายจากอาการซึมเศร้าจากการสูญเสีย และติดตามคุณยายไปซื้อของ เขาก็ได้เจอกับเหตุการณ์ประหลาดที่เขารอดพ้นมาได้อย่างหวุดหวิด
และเมื่อเล่าให้คุณยายฟัง คุณยายก็บอกได้ทันทีว่าตัวประหลาดที่เขาเจอนั้นคือ แม่มด
แม่มดเป็นสัตว์ประหลาดที่ปรากฏร่างเป็นผู้หญิง แต่มีลักษณะพิเศษคือต้องสวมถุงมือไว้ตลอด เพราะนางไม่มีนิ้วมือเหมือนคน แต่มีกรงเล็บคมยาว
…ถ้าถอดรองเท้า จะเห็นเท้าที่ไม่มีนิ้ว
…ต้องใส่วิกไว้ตลอดเวลา เพราะหัวล้านเลี่ยน และเมื่อถอดออก หนังศีรษะก็จะมีแต่แผลพุพอง
…ปากฉีกแสยะไปถึงหู
…จมูกดมกลิ่นเด็กได้
และเหล่าแม่มดเกลียดเด็กเข้ากระดูกดำ ต้องการกำจัดเด็กให้หมดไปจากโลกด้วยการสาปให้เป็นสัตว์ เช่น ไก่ หรือหนู
เพื่อความปลอดภัย และเพราะมีประสบการณ์ส่วนตัวจากการสูญเสียเพื่อนสนิทวัยเด็กไป คุณยายจึงพาชาร์ลีหลานชายหนีจากเงื้อมมือแม่มดในละแวกบ้าน โดยไปพักในโรงแรมหรูที่จองได้เพราะมีญาติเป็นพ่อครัวที่นั่น
และที่นั่นเองที่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่ของชาร์ลีในโลกที่เต็มไปด้วยแม่มดเกิดขึ้นอย่างตื่นเต้นเร้าใจ

โรงแรมแห่งนี้เป็นสถานที่จัดประชุมใหญ่สำหรับแม่มดทั่วโลก ซึ่งอำพรางอยู่ภายใต้การจัดประชุมใหญ่เพื่อป้องกันการทารุณเด็ก ภายใต้การนำของแม่มดผู้สูงส่งยิ่งใหญ่ หรือ Grand High Witch (แอนน์ แฮธาเวย์ จาก The Devil Wears Prada, Les Miserables)
และโดยบังเอิญ ชาร์ลีได้ล่วงรู้แผนการใหญ่ในการกำจัดเด็กให้หมดไปจากโลก ซึ่งเขาและพรรคพวก พร้อมด้วยความช่วยเหลือของคุณยายผู้ชาญฉลาด ต้องช่วยกันขัดขวางเพื่อช่วยคนบริสุทธิ์ไว้จากคนชั่วร้ายเหล่านี้
แต่ก็ใช่ว่าทุกสิ่งจะถูกเสกกลับคืนให้หายดีเหมือนเดิมได้ในพริบตา พวกเขาก็ต้องแลกมาด้วยความสูญเสียบางอย่างของตัวเองไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้เด็กระวังตัว ไม่ให้ถูกคนแปลกหน้าหลอก หรือล่อหลอกด้วยขนมหวาน เพราะโลกนี้เต็มไปด้วยคนชั่วร้ายที่มุ่งร้ายหมายขวัญ
และนอกจากนั้นยังสอนอีกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เรียกให้คืนสู่สถานะเดิม
อย่างดีที่สุดที่เราทำได้ คืออยู่กับสภาพนั้นไปอย่างดีที่สุดที่จะทำได้
เหมือนกับที่ชาร์ลีต้องเรียนรู้ที่จะสู้ชีวิตต่อไปหลังจากโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในชีวิตของเด็กน้อยที่ไม่มีวันจะพลิกกลับให้เหมือนเดิมได้…