รักษาอาการปวดหลัง ปวดเอวได้ด้วย ‘สหัสธารา’ ยาไทยตำรับใหญ่

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ/โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง มูลนิธิสุขภาพไทย www.thaihof.org

สหัสธารา ยาไทยตำรับใหญ่ แก้อาการปวดหลัง ปวดเอวได้ชะงัด

อย่าคิดว่าสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แล้วคิดว่าปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอาของเราเท่านั้นที่จะมีอาการปวดหลัง ปวดเอว หนุ่มสาววัยทำงานมากมายที่ในชีวิตการทำงานนั่งหลังขดหลังแข็ง ก็หนีไม่พ้นอาการปวดเมื่อย มียาไทยตำรับดั้งเดิมบำบัดได้ชะงัดนัก

ขึ้นชื่อว่า “สหัสธารา” แล้ว หมอไทยทุกคนรู้จักกันดี เพราะเป็นยาหลักตำรับหนึ่งที่ใช้รักษาอัมพฤกษ์ แก้ปวดเมื่อยเรื้อรังได้ผลดีกว่ายาตัวอื่น

ทั้งนี้เพราะสหัสธาราเป็นยาตำรับใหญ่ประกอบด้วยสมุนไพรมากชนิดถึง 21 ตัว ได้แก่

1.พริกไทยล่อน 2.รากเจตมูลเพลิงแดง 3.ดอกดีปลี 4.หัศคุณเทศ 5.เนื้อสมอไทย 6.รากตองแตก 7.เหง้าว่านน้ำ 8.การบูร 9.ดอกจันทน์ 10.เทียนแดง 11.ลูกจันทน์ 12.เทียนตาตั๊กแตน 13.มหาหิงคุ์ 14.เทียนสัตตบุษย์ 15.เทียนขาว 16.จิงจ้อ 17.เทียนดำ 18.โกฐกักกรา 19.โกฐเขมา 20.โกฐก้านพร้าว 21.โกฐพุงปลา

ในตำรับยานี้จึงมีตัวยาออกฤทธิ์แรง แต่ในขณะเดียวกันตำรับจากภูมิปัญญานี้ก็มีสมุนไพรหลายตัวที่ช่วยคุมการออกฤทธิ์ไม่ให้เกิดโทษ เนื่องจากกลุ่มสมุนไพรที่ออกฤทธิ์หลักเป็นยารสร้อนมาก ได้แก่ พริกไทยล่อน รากเจตมูลเพลิงแดง ผลดีปลี หัศคุณเทศ มหาหิงคุ์

ยิ่งกว่านั้น ยังเสริมฤทธิ์กระจายลมด้วยยารสสุขุมร้อนเล็กน้อยของกลุ่มสมุนไพรเหง้าว่านน้ำ ดอกจันทน์ ลูกจันทน์ รากจิงจ้อ การบูร รวมทั้งเทียน 5 ได้แก่ เทียนแดง เทียนขาว เทียนดำ เทียนตาตั๊กแตน และเทียนสัตตบุษย์

เฉพาะกลุ่มสมุนไพรรสเผ็ดร้อนกลุ่มแรก ก็มีปริมาณเกินร้อยละ 60 ของตำรับแล้ว

สมุนไพรกลุ่มนี้แหละที่ออกฤทธิ์ขับลมในเส้นทั่วสรรพางค์กาย จึงช่วยคลายความปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและผ่อนคลายความตึงของเส้นเอ็น แก้ตะคริว

และรักษาอาการชาตามปลายมือ ปลายเท้า อันเกิดจากร่างกายเย็นและธาตุลมหย่อน

อย่างไรก็ตาม ในตำรับนี้ก็มีกลุ่มสมุนไพรจำพวกโกฐ ที่ช่วยคุมฤทธิ์ร้อนของยาสหัสธารา

อันได้แก่ โกฐก้านพร้าว โกฐพุงปลา โกฐกักกรา และโกฐเขมา แม้บางตัวจะมีรสร้อนเล็กน้อยแต่โดยรวมแล้วโกฐกลุ่มนี้มีรสเย็น ฝาด ขม มีสรรพคุณโบราณประการหนึ่งของยาสหัสธาราคือ เพิ่มกองลมแล่นลงล่างให้ไหลสะดวก ซึ่งช่วยให้บริเวณหลัง เอว และส่วนล่างของร่างกายผ่อนคลายหายปวดเมื่อย สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ดุจดั่งได้รับละอองน้ำสหัสธาราอันเป็นละอองน้ำสรงของพระราชาเลยทีเดียว

สรรพคุณข้อนี้แหละที่สอดคล้องกับรายงานวิจัยทางการแพทย์ของศิริราชเมื่อปี 2559 เรื่อง “ผลลดอาการปวดหลังส่วนล่างเฉียบพลันของตำรับยาสหัสธารา”

งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของตำรับยาสหัสธาราในการลดอาการปวดในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังช่วงล่างเฉียบพลัน โดยมีอาการปวดปานกลางถึงรุนแรง ตั้งแต่ 1-3 วัน จำนวน 29 ราย อายุ 18-65 ปี

แบ่งผู้ป่วยเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกจำนวน 14 ราย ได้รับยาแก้ปวดไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) ขนาด 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร

และกลุ่มหลังจำนวน 15 ราย ได้รับยาสหัสธารา ขนาด 1,350 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร

ทั้งสองกลุ่มรับยาเป็นเวลา 7 วัน พบว่ายาไทยสหัสธาราในขนาดที่ใช้ในการวิจัย มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดหลังส่วนล่างเฉียบพลันได้เท่ากับยาไอบูโปรเฟน

ด้วยความเป็นยาสรรพคุณดีมีความปลอดภัยสูงนี่เอง ยาสหัสธาราจึงได้รับการบรรจุไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ และบัญชีเภสัชตำรับโรงพยาบาลของรัฐ

ซึ่งยาสหัสธาราได้รับการประกาศในบัญชียาหลักแห่งชาติในบัญชียาจากสมุนไพรไว้ว่า ประกอบด้วย พริกไทยล่อน หนัก 240 กรัม รากเจตมูลเพลิงแดง หนัก 224 กรัม ดอกดีปลีหนัก 96 กรัม หัศคุณเทศ หนัก 48 กรัม เนื้อลูกสมอไทย หนัก 104 กรัม รากตองแตก หนัก 80 กรัม เหง้าว่านน้ำ หนัก 88 กรัม การบรู หนัก 14 กรัม ดอกจันทน์หนัก 13 กรัม เทียนแดง หนัก 11 กรัม ลูกจันทน์ หนัก 12 กรัม เทียนตาตั๊กแตน มหาหิงคุ์ หนักสิ่งละ 10 กรัม เทียนสัตตบุษย์ หนัก 9 กรัม เทียนขาว รากจิงจ้อ หนักสิ่งละ 8 กรัม เทียนดำ หนัก 7 กรัม โกฐกักกรา หนัก 6 กรัม โกฐเขมาหนัก 5 กรัม โกฐก้านพร้าว หนัก 4 กรัม โกฐพุงปลา หนัก 3 กรัม

ขนาดและวิธีใช้ กินครั้งละ 1-1.5 กรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร

แต่มีข้อห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์และผู้มีไข้ สำหรับผู้มีความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคกระเพาะและโรคกรดไหลย้อนพึงใช้ยาด้วยความระมัดระวังตามคำสั่งแพทย์ ถ้าไม่มีอาการเหล่านี้แล้วเกิดปวดหลังปวดเอว

สมุนไพรตำรับสหัสธาราเป็นทางเลือกที่ดีในยุคสมุนไพร 4.0 แน่นอน