มองบ้านมองเมือง / ปริญญา ตรีน้อยใส /เรื่องเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้

ปริญญา ตรีน้อยใส

มองบ้านมองเมือง/ปริญญา ตรีน้อยใส

เรื่องเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้

 

ข่าวเกี่ยวกับการทำร้ายฆ่ากันในแต่ละวัน รวมทั้งโรคระบาดโควิด-19 นั้น ทำให้ประชาชนคนไทยหวาดวิตก เกรงภัยที่จะคุกคามชีวิตตนเองหรือญาติมิตร

ทำให้ผู้เขียนนึกถึงเรื่องราวที่เคยประสบพบ นานสิบกว่าปีมาแล้ว เมื่อครั้งที่มีโอกาสถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นพระบรมโอรสาธิราชฯ ซึ่งในตอนนั้น โรคเอดส์ร้าย กำลังแพร่ระบาดอย่างรุนแรง

ผู้เขียนเคยบันทึกไว้ว่า

เริ่มจากเสียงกราบบังคมทูลของนายพันเอก ผู้บังคับบัญชากองพันทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในค่ำคืนหนึ่ง ว่า

“มีพลทหารหนึ่งนาย

ป่วยเป็นโรคเอดส์ พระพุทธเจ้าข้า”

“…..”

“รายงานผลเลือดมาถึงวันนี้ พระพุทธเจ้าข้า”

แม้ว่าเสียงรายงานนั้นจะไม่ดังมากนัก แต่ทุกคนที่เฝ้าอยู่ในห้องทรงงาน ต่างได้ยินทั่วกัน

ทุกคนเริ่มแสดงอาการอยากรู้ว่าเป็นใคร เคยพบปะกันบ้างหรือไม่

และที่สำคัญ ทุกคนเริ่มกังวลใจกับภัยจากโรคร้าย

แม้ว่านายทหารผู้รายงานจะพยายามกราบบังคมทูลเช่นปกติ แต่น้ำเสียงสั่น และมีแววกังวลต่อสถานการณ์ ทั้งตัวผู้ป่วย ทั้งเหล่าทหารที่อยู่ประจำการร่วมกับผู้ป่วย

และที่กังวลมากคือตัวเอง ในฐานะผู้บังคับบัญชา ที่อาจต้องโทษ ฐานที่ไม่เอาใจใส่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา

 

แม้ว่าจะเป็นเรื่องของพลทหารคนหนึ่ง แต่ทำให้นายพลหลายคนในห้อง วิตกจริต พากันนิ่งเงียบ ด้วยรู้ว่า สถานการณ์คืนนี้คงจะเลวร้าย ด้วยเรื่องพลทหารเป็นโรคเอดส์

ครั้นเมื่อนายพันเอกกราบบังคมทูลความต่อ สมเด็จพระบรมฯ ทรงมีรับสั่งดังนี้

“ข้าพระพุทธเจ้าได้สั่งให้ออกจากฐานแล้ว พระพุทธเจ้าข้า”

“อ้าว ทำไมล่ะ”

“ก็…”

“ตอนนี้อาการแย่มากหรือ”

“ปละ เปล่า พระพุทธเจ้าข้า

ยังแข็งแรงดี มีแต่ผลเลือดเท่านั้นที่เป็นบวก”

“ถ้างั้น แสดงว่า…

เขายังแข็งแรง ปฏิบัติหน้าที่ได้”

“พระพุทธเจ้าข้า”

“แล้วจะไปไล่เขาออกได้ยังไง

ให้เขาปฏิบัติหน้าที่ต่อไป”

“แล้ว…”

“วันไหนที่อาการเริ่มไม่ดี

ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้เขาพักงาน

ส่งให้หมอดูแลรักษาอย่างเต็มที่ เหมือนคนป่วยทั่วไป”

 

สิ้นเสียงรับสั่ง ทุกคนในห้องต่างก้มกราบพร้อมกัน ทั้งที่ไม่ได้รับสัญญาณใด ทุกคนต่างกระทำด้วยความปลื้มปีติในพระราชดำรัส ที่พลิกความคาดหมาย ต่างไปจากความคิดของทุกคน

ทุกคนต่างแปลกใจในพระราชวินิจฉัยในเรื่องนี้ และยังซาบซึ้งในน้ำพระทัยที่ทรงเมตตาต่อข้าราชบริพาร ผู้ถวายงาน ผู้ใกล้ชิด เฉกเช่นประชาชนทุกหมู่เหล่า

ผู้เขียนบันทึกในตอนท้ายว่า

เรื่องนี้คงเป็นเรื่องเล็กๆ เมื่อเทียบกับพระราชกรณียกิจในแต่ละวัน แต่ทว่าเป็นเรื่องใหญ่ยิ่ง ในความคิดและการตัดสินใจ ในฐานะมนุษย์ที่มีต่อมนุษย์ด้วยกัน

เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญและเผยแพร่ให้รับรู้โดยทั่วกัน แต่ทว่าคงจะเป็นเหมือนเรื่องอื่นอีกหลายเรื่อง ที่ไม่มีคนไทยมีโอกาสรับรู้ ด้วยเป็นพระราชประสงค์ของพระองค์

ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ