ชายตาหาข้าวเปลือก : ญี่ปุ่นไม่เคยหักหลังเรา

ไม่มีครั้งไหนที่ฉันจะไม่ประทับใจในการเดินทางไปญี่ปุ่นสักครั้ง

เป็นประเทศแรกที่ฉันออกเดินทางตามลำพัง จนกระทั่งทุกวันนี้ต้องไปทุกปี บางปี 2-3 ครั้ง

ญี่ปุ่นไปกี่ทีก็ไม่เบื่อ แค่ไปคนละฤดูกาล ความงาม บรรยากาศ อารมณ์ความรู้สึกก็ต่างกันแล้ว

แต่ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใด ถ้าคุณได้เดินทางไปด้วยตัวเองแบบไม่ใช้บริการทัวร์ คุณจะได้รับรสชาติ ประสบการณ์ชีวิตแบบที่เสียเงินให้ทัวร์ระดับ 6 ดาวก็ให้คุณไม่ได้

เพราะการเดินทางในแบบที่คุณจัดสรรเองนั้น มันช่างตื่นเต้นเร้าใจ

ฉันชอบเสมอเวลาไปในสถานที่ใหม่ๆ เพราะฉันไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ฉันจะเห็นอะไร จะเจอใคร จะดีจะร้าย จะอร่อยหรือหิว จะสวยหรือน่าเบื่อ จะราบรื่นหรือเจออุปสรรค จะเจอของขวัญชิ้นใดที่ธรรมชาติมอบให้ จะเจอน้ำใจจากมนุษย์ด้วยกันแบบไหน หรืออาจจะพบสัจธรรมชีวิตในระหว่างทาง เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้

เมื่อมันคาดเดาไม่ได้ สิ่งที่ฉัน “ต้อง” ทำ ฉันเน้นเลยว่า “ต้อง” คือต้องยอมศิโรราบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะร้ายหรือดี

ยอมรับมันเลยค่ะ

บางครั้งจะออกจากที่พักฝนตกอดดูน้ำตก แล้วไงจะอารมณ์เสีย เบื่อเซ็ง คิดแผนใหม่ทำอะไรสนุกที่โรงแรมที่พักไหม ออนเซ็นดูสายฝนไหม แปลกดีไม่เคยทำ หรือนอนเปิดหน้าต่าง ดูต้นไม้ปลิวไสวให้สายลมและเสียงฝนกล่อมให้เรานอนพักผ่อนให้สบายพร้อมกับหนังสือเล่มโปรดไหม

ร้านที่ต้องการไปกินดันปิด จะเลือกโมโหหรือคิดว่าเป็นโอกาสที่เราจะได้ตระเวนหาร้านอื่นๆ ที่ซ่อนตัวอยู่

บ่อยครั้งมากที่ฉันมักเจอร้านน่ารักๆ ทำอาหารอร่อยแบบโฮมเมดซ่อนตัวอยู่ตามตรอกซอกซอย

 


เวลาเดินทางเรามักมีความคาดหวังว่าสิ่งที่เราไปจะต้องเหมือนในรูปที่เราดูมา

แต่อย่าลืมว่าเวลาเขาโฆษณาประชาสัมพันธ์ เขาต้องเลือกรูปที่ดีที่สุดซึ่งเราอาจลืมไปว่า เราไปคนละฤดูกาล จงพึงพอใจกับภาพและสถานการณ์ตรงหน้า

มองหาแง่งามที่มันมี ไม่ใช่บ่นหัวเสียหรือพูดตลอดว่า “ถ้ามันอย่างนั้น ถ้ามันอย่างนี้…”

เรากำลังอยู่กับปัจจุบัน จงซาบซึ้งกับเวลาปัจจุบัน

จะน้ำน้อยน้ำมาก จะหญ้าเขียวหรือหญ้าแห้ง ต้นไม้จะมีใบหรือแห้งโกร๋น หิมะจะตกหรือแดดจะออก ธรรมชาติมันมีวิธีจัดการตัวมันอย่างลงตัวที่สุด

เราแค่ไปเห็นในแบบที่มันเป็น

ก็คงเหมือนคนที่เราต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์ เขาจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา

ถ้าเราอยากให้เขาเปลี่ยนในแบบที่เราต้องการ เราก็คงไม่ได้เห็นความงดงามในแบบที่เขามี

 

สิ่งที่ฉันรักเวลาเดินทางก็คือ เวลาฉันเห็นอะไรแปลกหูแปลกตา ฉันจะตื่นเต้นเหมือนเด็กที่เห็นโลกเป็นครั้งแรก (ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ)

มันทำให้การเดินทางง่ายขึ้น เวลาจะต้องตัดสินใจว่าจะไปที่ไหนดี

ฉันเป็นประเภทที่อะไรก็ได้ที่ไม่เคยไป ฉันอยากไปหมด จะเป็นศาลเจ้า วัด พิพิธภัณฑ์ สวน ทะเลสาบ แม้แต่ร้านขายของที่ระลึก ฉันไปได้หมดไม่มีปัญหา จะที่ธรรมดาบ้านๆ เล็กๆ ไม่ได้โดดเด่น มันมีรายละเอียด เสน่ห์บางอย่าง รอให้เราไปลอบสังเกต และอิ่มเอมไปกับมัน

ไปญี่ปุ่นคราวนี้ ฉันไปแถบธรรมชาติแถวฮอกไกโด ไปขับรถตาม National Park ฝั่งตะวันออก

ขับรถเที่ยวในญี่ปุ่นนี่เป็นสิ่งที่แนะนำให้ลองทำเลยนะคะ สะดวก ง่าย ปลอดภัย สนุกสนานสบายผิดกัน

อยากแวะไหนก็แวะได้

เห็นร้านน่ารักลองแวะเข้าไป เจอคุณน้าผู้หญิงแบ่งบ้านมาทำคาเฟ่ ร้านแต่งน่ารักเหลือเกิน มีรายละเอียดดูอย่างเพลินตา คุณน้ายังดูสาวและสวย แต่งหน้าทำผม แต่งตัวโก้ ทำทุกอย่างในครัวเล็กๆ ขนาด 1 คนเท่านั้นที่อยู่ได้ ทำอาหาร เครื่องดื่ม เก็บจาน คิดเงิน และต้อนรับแขกไปในตัว

นั่งดูเธออยู่ในร้านเหมือนชมการแสดงบัลเล่ต์ที่เธออยู่ในโลกที่เธอคุ้นเคย เธอรู้จักทุกตารางนิ้วของที่นี่ เธอทำทุกอย่างในจังหวะที่เหมาะสมพอดี

ทำให้การดื่มช็อกโกแลตร้อนระหว่างทางรื่นรมย์ยิ่งนัก

 


การขับรถผ่านป่าอนุรักษ์นั่นหมายถึงว่าเราจะได้เจอสัตว์ป่าบ้าง ครั้งนี้ฉันเจอกวางหลายตัว สุนัขจิ้งจอก แร็กคูน และงูค่ะ ตัวหลังเดินเจอตัวต่อตัวในป่า ทั้งขาไปขากลับ โชคดีที่ตัวหนึ่งเลื้อยหนี อีกตัวนอนนิ่งๆ ไม่ทำอะไร บอกแล้วว่าระหว่างทางเร้าใจเสมอค่ะ

การได้อยู่กับธรรมชาติเป็นการเยียวยาเราได้ดีที่สุดค่ะ ฉันตั้งใจจะไปทะเลสาบแห่งหนึ่ง แต่ระหว่างทางเห็นคนกำลังตกปลาอยู่กลางทะเลสาบ แสงแดดลอดผ่านกิ่งไม้เข้ามากระทบที่ตาฉันพอดี ฉันตึงตัดสินใจหยุดรถตรงนี้

เดินลงไปแทบตะลึงค่ะ ทะเลสาบที่เงียบสงบอยู่ตรงหน้ากับขุนเขาอันยิ่งใหญ่ คุณลุงตกปลาอยู่ไกลๆ นกส่งเสียงร้องอยู่ตรงไหนสักที่ ลมเย็นพัดผ่านตัว แสงแดดอันอบอุ่นทาบทอตัวเรา

ฉันไม่สามารถขยับร่างกายไปไหนได้ ได้แต่ยืนมองภาพข้างหน้า และพบกว่ากิ่งไม้ที่ยื่นลงไปในน้ำคือที่นั่งพัก นอนพักในเวลานี้ได้เป็นอย่างดี

ฉันทิ้งตัวลงไปตรงนั้น หายใจอยู่กับตัวเอง ปล่อยให้ธรรมชาติบรรเลงเพลงขับกล่อมเพลงแล้วเพลงเล่า ฉันรอจนพระอาทิตย์ตกดิน ภาพที่เห็นยิ่งตื่นตาตื่นใจ งดงามแบบที่ไม่ซ้ำกับที่ใด จนอยากจะหลับไปตรงนั้น

ไม่เร่งรีบ ไม่มีใครเร่งเร้า เราเป็นเจ้าของเวลาตัวเอง อยากหยุดก็หยุด อยากไปเราไป ใช้ชีวิตอย่างอิสระ อย่างที่ใจเราต้องการ

 


อีกวันที่เราได้พักโรงแรมริมทะเล ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ฉันขึ้นไปแช่ออนเซ็นบนชั้นดาดฟ้าแบบเปิดโล่ง ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสีเป็นชมพู ส้ม อากาศหนาวและลมพัดเย็นๆ น้ำอุ่นกำลังดี มีชาวญี่ปุ่นหลายคนใจตรงกับฉัน เลือกเวลานี้แช่น้ำร้อนเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน

ฉันแทบอยากให้โลกหยุดหมุน ในขณะที่นกนางนวลส่งเสียงร้องและบินวนกันไปมาอยู่บนฟ้า ฉันมองขึ้นไปและบอกกับตัวเองในใจว่า “มันช่างเป็นเวลาที่น่าจดจำเหลือเกิน เราช่างโชคดีจริงๆ” แล้วฉันก็ยิ้มกับตัวเอง

บางเรื่องในชีวิต เราก็ไม่สามารถกำหนดมันได้ด้วยตัวของเราเอง แต่สำหรับการเดินทาง ฉันเลือกชีวิตด้วยตัวเองและสนุกไปกับมันทุกครั้ง

สำหรับฉันการเดินทางจึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องมีวินัย การเพิมพลัง เติมเต็มจิตวิญญาณ ไม่ใช่เรื่องนานๆ ทีที่จะทำ

เดือนหน้าเจอกันใหม่ ณ จุดหมายแห่งใหม่และเรื่องราวใหม่ๆ ค่ะ