คนของโลก : อามี โคนีย์ บาร์เรตต์ ผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐคนใหม่

ผู้พิพากษา อามี โคนีย์ บาร์เรตต์ เพิ่งได้รับเลือกจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐให้นั่งเป็น 1 ใน 9 ผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกาคนใหม่

แน่นอนว่าการเลือกบาร์เรตต์นั้นย่อมมีนัยสำคัญทางการเมืองสหรัฐอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะการที่จะทำให้ศาลสูงสุดสหรัฐมีผู้พิพากษาที่มีแนวคิดเอียงขวาครองเก้าอี้เป็นเสียงข้างมาก

และจะส่งผลกระทบกับการตัดสินประเด็นใหญ่ๆ ระดับชาติของสหรัฐอเมริกาในอนาคต

บาร์เรตต์ได้ชื่อว่าเป็นผู้พิพากษาสาย “อนุรักษนิยม” ที่มีแนวคิดเชื่อมโยงกับความเชื่อทางศาสนาของเธออย่างแนบแน่น

บาร์เรตต์ ผู้พิพากษาวัย 48 ปี ผู้ซึ่งศรัทธาในคริสต์นิกายคาทอลิกอย่างลึกซึ้ง มีลูก 7 คน ในจำนวนนี้สองคนเป็นลูกบุญธรรมที่รับเลี้ยงมาจากประเทศเฮติ

และมีลูกชายคนเล็กที่เป็น “ดาวน์ซินโดรม” อีก 1 คน

 

บาร์เรตต์ทำงานเป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์สหรัฐตั้งแต่ปี 2017 ที่ผ่านมา มีจุดยืนในเรื่องการสนับสนุน “สิทธิในการครอบครองปืนของชาวอเมริกัน”

ต่อต้านการรับ “ผู้อพยพ”

ต่อต้าน “สิทธิการทำแท้ง”

และต่อต้านนโยบายประกันสุขภาพ “โอบามาแคร์”

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมทรัมป์ ประธานาธิบดีที่มีแนวคิดเดียวกันจึงเลือกบาร์เรตต์ขึ้นมานั่งในตำแหน่งตุลาการสูงสุดของประเทศ

การแต่งตั้งบาร์เรตต์สู่เก้าอี้ที่ “ดำรงตำแหน่งยาวนานตลอดชีวิต” ดังกล่าวถูกมองว่าจะเป็นชนวนสู่ความขัดแย้งในประเทศที่มีการแบ่งขั้วทางการเมืองอย่างรุนแรงอยู่แล้วอย่างสหรัฐอเมริกา

บาร์เรตต์ใช้ชีวิตวัยเด็กในนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ย่านอนุรักษนิยมตอนใต้ของประเทศ ก่อนจะกลายเป็นนักเรียนระดับหัวกะทิในคณะกฎหมาย มหาวิทยาลัยนอร์เธอร์ดาม ในรัฐอินเดียนา

มหาวิทยาลัยที่บาร์เรตต์ทำงานเป็นอาจารย์หลังจบการศึกษาเป็นเวลานานถึง 15 ปี

 

อาชีพสายกฎหมายของบาร์เรตต์เริ่มต้นขึ้นด้วยการเป็นเสมียนศาลให้กับผู้พิพากษา “แอนโทนิน สกาเลีย” ผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐสายอนุรักษนิยม และก็ได้รับเอาหลักการในการตีความกฎหมายแบบ “ดั้งเดิม” หมายถึงการตีความกฎหมายตามความหมายในช่วงเวลาที่กฎหมายดังกล่าวถูกตราขึ้น และปฏิเสธการตีความกฎหมายในแบบก้าวหน้าร่วมสมัยมาด้วย

บาร์เรตต์ได้รับเสียงชื่นชมในความหลักแหลมและละเอียดลออในการถกเถียงในเรื่องข้อกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม อาจารย์ระดับศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยผู้นี้ยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีประสบการณ์ในการนั่งบัลลังก์เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น หลังจากทรัมป์แต่งตั้งบาร์เรตต์เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา

โดยเฉพาะในเวลานั้นการไต่สวนพิจารณาของวุฒิสภาเพื่อลงมติให้บาร์เรตต์ดำรงตำแหน่ง ไดแอน เฟนสตีน วุฒิสมาชิกจากเดโมแครตถึงกับระบุว่า “หลักคำสอนทางศาสนาฝังในตัวคุณอย่างกึกก้อง”

วลีที่เป็นดั่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝั่งเสรีนิยม กลับถูกกลุ่มผู้สนับสนุนสายอนุรักษนิยมใช้วลีนี้มาสนับสนุนสิทธิในความเชื่อทางศาสนาของบาร์เรตต์เองในเวลาต่อมา

แม้บาร์เรตต์จะยืนยันว่าตนสามารถแยกแยะได้ระหว่างความเชื่อทางศาสนาและบทบาทในฐานะผู้พิพากษาของตน

 

อย่างไรก็ตาม บาร์เรตต์ก็ยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผลงานเขียนในสมัยที่ทำงานเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยนอร์เธอร์ดาม เกี่ยวกับประเด็นทางกฎหมายหลายๆ ชิ้น รวมไปถึงคำพิพากษาในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่แสดงให้เห็นแนวความคิดอนุรักษนิยมที่อิงความเชื่อทางศาสนาอยู่ดี

ในปี 2018 บาร์เรตต์เคยอยู่ในลิสต์รายชื่อที่โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอให้ขึ้นเป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา แทนที่เก้าอี้ที่ว่างลงของผู้พิพากษาแอนโธนี เคนเนดี้ ที่ประกาศเกษียณตัวเอง อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นเป็นเบรตต์ คาวานอห์ ผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยมอีกคน เป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดในเวลานั้นแทน

ความเห็นของบาร์เรตต์หลายครั้งที่มหาวิทยาลัยนอร์เธอร์ดามถูกหยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงแนวคิดและความเชื่อที่อาจกระทบกับการนั่งบัลลังก์ตัดสินในประเด็นต่างๆ เช่น บาร์เรตต์เคยนิยามตัวเองเอาไว้ว่าเป็น “นักกฎหมายที่แตกต่างออกไป” และว่า “อาชีพกฎหมายเป็นช่องทางไปสู่จุดสิ้นสุด และจุดสิ้นสุดนั้นก็คือการสร้างอาณาจักรของพระเจ้า”

นักวิเคราะห์มองว่า บาร์เรตต์เป็นผู้พิพากษาที่ผ่านเกณฑ์ที่ทรัมป์ตั้งเอาไว้สองอย่าง นั่นก็คือ

หนึ่ง ความตั้งใจในการคว่ำโอบามาแคร์

และสอง มีความตั้งใจในการเปลี่ยนแปลงคำตัดสินในคดีที่ทำให้การทำแท้งในสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องถูกกฎหมายลงนั่นเอง