ผ่าคดีฟาร์มไก่ปารีณา รุกป่าบาน! ? ป.ป.ช.ฟัน 2 ข้อหาหนัก เอาผิดแจ้งทรัพย์สินเท็จ เอ๋ยันไม่ผิด-ฮึ่มฟ้องกลับ

เป็นคดีความที่ถูกสังคมจับตาอย่างใกล้ชิด สำหรับกรณีที่นางปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ถูกกล่าวหาว่ารุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อทำฟาร์มไก่

เนื่องจากเป็นคดีที่กล่าวหาคนระดับผู้แทนประชาชน ที่ควรจะเคารพกฎหมายให้เป็นเยี่ยงอย่าง กลับกระทำการผิดกฎหมายเสียเอง

แถมยังเป็น ส.ส.ที่ชื่อเสียงโด่งดัง ระดับองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

ยิ่งเป็นกรณีที่กรมป่าไม้สรุปแล้วว่าเป็นการุกป่าแน่นอน พร้อมแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส.

เรื่องก็ยังถูกส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

พิจารณากันตั้งแต่ต้นปีจนใกล้สิ้นปี จนคนลุ้นหลายคนเป็นห่วงว่าจะเป็นมวยล้มต้มคนดู

ในที่สุดก็มีข้อสรุปว่าจะแจ้ง 2 ข้อหาสำคัญต่อ น.ส.ปารีณา คือการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ และผิดจริยธรรม

ขณะที่เจ้าตัวก็ออกมาตอบโต้อย่างไม่ลดละ พร้อมขู่ฟ้อง ป.ป.ช.ในการทำหน้าที่ให้เสื่อมเสีย

บทสรุปจะออกมาอย่างไร ช่างน่าติดตามอย่างยิ่งจริงๆ

ป.ป.ช.แจ้ง 2 ข้อหาปารีณา

หลังจากที่คดีรุกป่าสงวนแห่งชาติของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ถูกเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงาน ทั้งกรมป่าไม้ บก.ปทส. ระบุชัดเจนว่ามีพื้นที่ฟาร์มไก่เขาสนฟาร์มของ น.ส.ปารีณารุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอย่างน้อย 46 ไร่ ขณะที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินก็ขอคืนพื้นที่ ส.ป.ก.กว่า 600 ไร่คืนจาก น.ส.ปารีณา เพราะไม่มีสิทธิ์ถือครอง ซึ่งเป็นเรื่องตั้งแต่ปลายปี 2562

มาจนกระทั่งต้นปี 2563 เรื่องดังกล่าวถูกนำไปร้องเรียน ป.ป.ช.เพื่อให้ตรวจสอบกรณีแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ เนื่องจาก น.ส.ปารีณาแจ้งบัญชีทรัพย์สินว่าถือครองที่ดิน 1,700 ไร่ แต่เท่าที่ตรวจสอบมีเพียง 700 ไร่เศษ จึงน่าสงสัยมีการซุกที่ดิน หรือมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ในการยื่นบัญชีทรัพย์สินไม่ตรงข้อเท็จจริง

คดีดังกล่าวถูกทวงถามความคืบหน้าเรื่อยมา ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ก็ให้สัมภาษณ์ยืนยันกับสื่อว่าใกล้จะสรุป ไม่ล่าช้า เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ

ในที่สุดก็ได้ความคืบหน้า เมื่อมีรายงานข่าวออกมาในวันที่ 7 กันยายน ระบุว่า ป.ป.ช.เตรียมแจ้งข้อหา น.ส.ปารีณา 2 ข้อหา คือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และกรณีกระทำความผิดจริยธรรมร้ายแรง หากไต่สวนแล้วมีมูลความผิดจริงจะส่งเรื่องไปยังอัยการ เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ขณะที่การบุกรุกที่ดิน แยกเป็นสองส่วน คือ ส่วนที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ เนื่องจากเห็นว่า น.ส.ปารีณาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบุกรุก

แต่ ป.ป.ช.เห็นว่า เรื่องนี้เป็นการกระทำความผิดในฐานะส่วนตัว และไม่ชัดเจนว่าเป็นการกระทำในฐานะ ส.ส. จึงส่งเรื่องกลับไปให้ตำรวจ บก.ปทส.ดำเนินการ

ขณะที่นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการ ป.ป.ช. หลังจากแจ้งข้อหาแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาสามารถแจงหลักฐานเพิ่มเติมภายใน 15 วัน หากครบ 15 วันแล้วถือว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ประสงค์จะแก้ข้อกล่าวหาเพื่อหักล้าง

“การแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว เป็นเพียงกระบวนการตามกฎหมาย น.ส.ปารีณายังเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะคดียังไม่มีการชี้มูลความผิด และเมื่อแก้ข้อกล่าวหาแล้ว หาก ป.ป.ช.เห็นว่าไม่มีมูลความผิด คดีดังกล่าวก็จะตกไป แต่หากมีมูลก็ชี้มูลความผิดก่อนส่งเรื่องนี้ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นผู้วินิจฉัย และหากศาลประทับรับฟ้อง น.ส.ปารีณาจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทันที”

เป็นขั้นตอนกฎหมายที่ต้องดำเนินต่อไป

ยันชี้แจงได้หมด-ขู่ฟ้องกลับ

หลังจากถูกเรียกแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ปารีณาก็เคลื่อนไหวตอบโต้เรื่องดังกล่าวทันที โดยเปิดแถลงข่าวที่รัฐสภาพร้อมกับนายทศพล เพ็งส้ม ฝ่ายกฎหมายของพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะทนายความ

โดยนายทศพลกล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่ ป.ป.ช.แจ้งต่อ น.ส.ปารีณามี 2 ข้อหา ข้อหาแรกคือ การแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ มี 3 เรื่องคือ

1. ไม่เชื่อว่า น.ส.ปารีณามีสถานะเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ 7.7 ล้านบาทจริง เพราะฝ่ายลูกหนี้ปฏิเสธว่าไม่ได้กู้เงินจาก น.ส.ปารีณา กรณีนี้มีหลักฐานชัดเจนเป็นหนังสือกู้ยืมเงิน เรื่องอยู่ระหว่างการฟ้องร้องเป็นคดีความ

2. ราคาพระสมเด็จบางขุนพรหม 2.5 ล้านบาท ที่ได้จากอดีตสามี ซึ่ง น.ส.ปารีณาแจ้งราคาดังกล่าวต่อ ป.ป.ช.ตามที่อดีตสามีบอก

3. การแจ้งเท็จเรื่องการครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 58 แปลง ยืนยันว่าไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จต่อ ป.ป.ช. พร้อมไปชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ว่า รายการที่ดิน ภ.บ.ท.5 ที่ครอบครองอยู่จริง มีอยู่ 29 แปลง ไม่ใช่ 58 แปลง

โดย 29 แปลงที่เหลือ ถ้านำมาเทียบจะเป็นแปลงเดียวกับ 29 แปลงที่มีอยู่จริง แต่ที่แจ้งไป 58 แปลง เนื่องจากฝ่ายบัญชีเข้าใจคลาดเคลื่อนในการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ยื่นเอกสารไปทั้งหมด โดยไม่รู้ว่ามีรายการที่ดินที่ซ้ำซ้อนเป็นรายการเดียวกันอยู่ ยืนยันว่าไม่มีการสวมรอยเอาที่ดินคนอื่นมาแจ้ง

นายทศพลกล่าวว่า ข้อหาที่ 2 การแจ้งข้อหาเรื่องการทำผิดจริยธรรมนั้น ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่า ป.ป.ช.แจ้งข้อหาเรื่องผิดจริยธรรมร้ายแรงในหมวดใด เพราะมีทั้งจริยธรรมทั่วไปและจริยธรรมร้ายแรง จะได้เตรียมหลักฐานมาต่อสู้คดีทั้งสองข้อหา

ทั้งนี้ ในวันที่ 10 กันยายน จะทำหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ส่งไปยัง ป.ป.ช.ก่อนใน 2 ประเด็น กรณีการให้กู้เงิน 7.7 ล้านบาท และราคาพระเครื่องที่ได้เตรียมหลักฐานชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไว้หมดแล้ว ส่วนเรื่องที่ดิน ภ.บ.ท.5 อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อนำไปชี้แจง และเรื่องการทำผิดจริยธรรมก็กำลังพิจารณาอยู่ว่า ป.ป.ช.จะให้ชี้แจงการทำผิดจริยธรรมในประเด็นใด

ขณะที่ น.ส.ปารีณาระบุว่า ไม่หนักใจ พร้อมจะไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. พร้อมเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ ไว้ชี้แจงต่อ ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว มั่นใจสามารถชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ได้ในทุกประเด็น

ทั้งนี้ ที่ดิน ภ.บ.ท.5 ตนเข้ามาครอบครองและเริ่มชำระภาษีดอกหญ้าตั้งแต่ประมาณปี 2553 แต่เนื่องจากเลขาฯ จัดเตรียมเอกสารผิดพลาด นำเอาที่ดิน ภ.บ.ท.5 พื้นที่เดียวกันนี้ แต่เป็นผู้ครอบครองคนอื่น หรือผู้ครอบครองก่อนที่ไม่ใช่ตนส่ง ป.ป.ช.ไปด้วย

“ฝากท่านรองเลขาธิการ ป.ป.ช.ด้วยว่า การให้สัมภาษณ์ควรเป็นไปด้วยความระมัดระวัง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เปิดโอกาสให้ฟ้อง ป.ป.ช.ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการทำหน้าที่หรือประเด็นการพูดจนทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย”

เป็นการขู่ฟ้องกลับที่น่าสนใจ

ย้อนปมถูกฟันรุกที่ป่าสงวนฯ

สําหรับจุดเริ่มต้นคดีรุกป่า ไปจนถึงการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ ย้อนไปช่วงปลายตุลาคม 2562 ที่ น.ส.ปารีณาออกมาตรวจสอบที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

โดยระบุว่ามีที่ดิน 500 ไร่ในพื้นที่บ้านหนองน้ำใส ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ที่นางสมพรซื้อต่อมาจากโรงงานน้ำตาลแห่งหนึ่งเมื่อปี 2534 มีลักษณะเป็น นส.2 และ ภ.บ.ท.5 ซึ่งชาวบ้านต้องการให้เป็นพื้นที่ป่าชุมชน ขณะที่ น.ส.ปารีณาเป็นตัวแทนชาวบ้านยื่นหนังสือถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้ยึดที่ดินดังกล่าวคืน

ขณะที่นางสมพรระบุผ่านที่ปรึกษากฎหมายว่า หากมีการสำรวจแนวเขตพบว่ามีส่วนไหนที่ล้ำเกินขึ้นมาก็พร้อมยกให้ชุมชน

แม้เรื่องที่ดินของ น.ส.สมพรจะจบไป แต่เรื่องอื่นก็ยังไม่จบ

เมื่อการตรวจสอบถูกขยายผลไปยังพื้นที่อื่น โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เป็นผู้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบที่ดิน ภ.บ.ท.5 ในพื้นที่หมู่ ต.6 รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี กว่า 1,700 ไร่

ต่อด้วยนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) เข้าแจ้งความต่อ ตร.สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี เพื่อให้ขอตรวจสอบฟาร์มไก่ของ น.ส.ปารีณา ในพื้นที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ที่ระบุว่ามีถึง 1.7 พันไร่

จากนั้นกรมป่าไม้ก็ลงพื้นที่ตรวจสอบฟาร์มไก่เขาสนฟาร์มของ น.ส.ปารีณา ระบุว่า จากการรังวัดพบที่ดินทั้งหมด 46 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี 41 ไร่ 1 งาน 59 ตารางวา และอยู่ในเขตป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 จำนวน 4 ไร่ 3 งาน 81 ตารางวา

พร้อมให้เจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีที่ บก.ปทส. ในความผิด 4 ข้อหา ประกอบด้วย

1. กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54

2. กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14

3. กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9

และ 4. พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 97

เป็นคดีอาญา ก่อนถูก ป.ป.ช.แจ้งข้อหาในครั้งนี้