Sing กลไกการร้องเพลง

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

หลายคนคงดู Sing แล้ว หนังการ์ตูนจากค่ายอิลลูมิเนชั่นผู้สร้างมินเนียนที่ทำรายได้ถล่มในเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเพลงประกอบ Faith ของ Stevie Wonder และ Ariana Grande เข้าชิงลูกโลกทองคำ

หนังเหมือนจะไม่มีเนื้อหา แต่เต็มไปด้วยความบันเทิงล้วนๆ ด้วยเพลงประกอบที่มีชื่อเสียงหลายต่อหลายเพลง เพราะๆ ทั้งนั้น อีกทั้งเสียงพากย์ของนักแสดงแม่เหล็กอย่าง รีส วิตเธอร์สปูน สคาร์เล็ต โจแฮนสัน และ แมธธิว แม็กคอนาเฮย์ หากเป็นนักดูหนังที่คุ้นเสียงนักแสดงจะอินเป็นพิเศษ

https://www.youtube.com/watch?v=OOEkauITk3Q

เขียนเรื่องและกำกับฯ โดย Garth Jennings

หมีโคล่าบัสเตอร์มูน ให้เสียงโดยแม็กคอนาเฮย์ ใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของโรงละครและผู้จัดการการแสดงมาตั้งแต่เล็ก โดยมีพ่อที่รักและเข้าใจให้การส่งเสริมมาตั้งแต่แรก

ชีวิตของเขาจึงดูไม่มีอุปสรรคอะไร และเขาก็เป็นหมีโคล่าอารมณ์ดี แม้ในยามอารมณ์ควรจะไม่ดีเขาก็ดี เวลาพูดจาปฏิเสธใครเขาก็ดี รวมทั้งเวลาเขาทำผิดแล้วขอโทษใครก็ดูดีอีก จึงไม่มีใครโกรธเกลียดเขาลง ยกเว้นแต่เป็นเหตุผลทางธุรกิจ

วันนี้เขามีปัญหาธุรกิจ โรงจัดแสดงไม่ประสบความสำเร็จ มีหนี้ค้างจ่ายธนาคารเกินกำหนด เขาจึงจัดประกวดร้องเพลงชิงเงินรางวัล 1,000 ดอลลาร์ด้วยหวังว่าจะมีนักร้องที่อยากเปิดตัวมาออดิชั่นและมีคนดูมาบรรเทาค่าใช้จ่ายได้บ้าง แต่เลขานุการคือมิสกิ้งก่าคามิลเลียนครอว์ลีย์ใส่ศูนย์เกินไปสองตัวด้วยอุบัติเหตุ

หนึ่งพันจึงกลายเป็นหนึ่งแสนปลิวว่อนไปทั่วเมือง

วันรุ่งขึ้นมีนักร้องหน้าใหม่มายืนต่อคิวออดิชั่นกันยาวเหยียดสุดถนน ในจำนวนนี้ที่จะรับบทเด่นต่อไป ได้แก่

โรสิต้า แม่บ้านหมูอ้วนลูกยี่สิบห้าซึ่งทำงานดูแลสามีที่ทำงานจนหมดแรงทุกวันกับลูกหมู 25 ตัวที่ดูเหมือนจะไฮเปอร์แอ๊กทีฟทุกตัว

ไมก์ หนูนักร้องเสียงทุ้มหล่อที่ทะนงตนในเสียงของตัวเองเป็นที่หนึ่ง จอห์นนี่ กอริลลาหนุ่มเสียงทองที่มีพ่อเป็นหัวหน้าแก๊งโจรกรรม แอช ร็อกเกอร์เม่นสาวที่เพิ่งถูกแฟนหนุ่มสลัดรักไปหาสาวคนใหม่ และมีนา ช้างสาววัยทีนเสียงไพเราะจับจิตจับใจแต่ไม่กล้าร้องบนเวที

ฉากออดิชั่นสนุกดี มีไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ ได้ทุกๆ ตัว ยีราฟร้องเพลง จิงโจ้ร้องเพลง แม้กระทั่งหอยทากร้องเพลง สัตว์แต่ละชนิดต้องทำอย่างไรจึงจะร้องเพลงได้ ขำกันทุกตัว

อันที่จริงนี่เป็นการ์ตูนที่เรียกว่า anthropomorphic คือใช้สัตว์ต่างๆ มาแสดงเป็นคน เดินสองขามีมือและพูดได้ ทำภารกิจประจำวันเหมือนคน ครั้นถึงเวลาร้องเพลงกลับไม่สามารถไปพ้นจาก “เนื้อใน” ของตัวเองได้ แต่ละตัวถดถอยไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง

เวลาคนเราร้องเพลง เราต้องถดถอยกันทุกคน คือ regression มิเช่นนั้นไม่สามารถร้องเพลงได้ คนที่มีฟอร์มมาก มีสถานะที่ต้องห่วง มีหน้าตาของตัวเองให้ถือสา คนเหล่านี้มักร้องเพลงไม่ได้ เพราะกังวลนั่นนี่โดยเฉพาะเรื่องคนอื่นจะเห็นเราเป็นอย่างไร ทำให้จิตใจไม่ยอมถดถอย จึงร้องเพลงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม การถดถอยเวลาร้องเพลง รวมทั้งการถดถอยระหว่างการละเล่นของคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะไม่ถดถอยไปถึงที่สุดง่ายๆ เหมือนครั้งเป็นเด็ก จะมากหรือน้อยคนทุกคนมีอีโก้ (ego) ที่ต้องดูแล ไปจนถึงกังวล ตัวอีโก้เองจะคอยปรับสมดุลมิให้การแสดงออกทั้งทางอารมณ์และพฤติกรรมหลุดโลก

หน้าที่เช่นนี้ของอีโก้มีคำศัพท์เรียกว่า ARISE ย่อมาจาก Adaptive Regression in the Service of Ego แปลตามตัวว่าการถดถอยที่ปรับสภาพแล้วด้วยอีโก้

ร้องเพลงคือโง่เต้นรำคือบ้า ความหมายคือในชั่วขณะที่เราร้องเพลงหรือเต้นรำนั้นเราจำเป็นต้องสละตัวตนปัจจุบันชั่วคราวกลายเป็นคนโง่หรือคนบ้า แต่มิได้โง่หรือบ้าอย่างถาวร ยังมีอีโก้ที่คอยดูแลอยู่ให้รู้จักบันยะบันยังและถอนตัวกลับมาเป็นคนปกติเมื่อการร้องและการเต้นนั้นสิ้นสุดลง

กรณีของช้างสาววัยทีนมีนาก็เช่นกัน หากใช้คำอธิบายด้านจิตวิเคราะห์แล้วมีนาร้องเพลงต่อหน้าคนดูไม่ได้เพราะอีโก้ของเธอยัง “ถือ” บางอย่างเอาไว้ไม่สามารถวางลงแล้วถดถอย

บางอย่างที่เธอถือไว้นั้นคืออะไร หากเป็นสมัยก่อนก็คงต้องไปพบนักจิตวิเคราะห์เพื่อการบำบัด แต่ถ้าดูเฉพาะข้อมูลที่ให้มาในหนัง เราอาจจะตั้งสมมติฐานได้ว่าเป็นเพราะครอบครัวของเธอเองที่ชื่นชมเธอมากเกินไป โดยเฉพาะคุณตากุญชรที่ออกจะเว่อร์กับหลานสาวมากเป็นพิเศษ

แต่ปัจจุบันเราไม่ใช้จิตบำบัดแล้ว เพราะเสียเวลามาก วิธีที่ถูกต้องคือพฤติกรรมบำบัด ได้แก่ การซ้อมร้องเพลงต่อหน้าผู้คนจากน้อยไปหามากทีละขั้นๆ หรืออย่างที่บัสเตอร์มูนช่วยเหลือเธอในตอนท้าย นั่นคือจับมือเธอไว้ด้วยความอบอุ่น

แล้วทำให้เธอเชื่อให้ได้ว่าบัสเตอร์มูนคือคนที่เธอ “ไว้ใจได้” คือ trust

ที่เห็นในหนังมิใช่การให้กำลังใจธรรมดา การให้กำลังใจธรรมดาไม่มีประโยชน์มากนัก แต่ถ้าคนสำคัญที่ไว้ใจได้เป็นคนให้กำลังใจจึงจะเกิดผล อธิบายว่าเพราะบัสเตอร์มูนยินดีให้เธอใช้อีโก้ของเขาชั่วคราว การจับมือหมายถึงการให้ยืม การถ่ายทอด ไปจนถึงการหลอมรวมอีโก้เป็นหนึ่งเดียวกับมีนา

ด้วยวิธีนี้มีนาจึงสามารถถดถอยไปเป็นคนโง่หรือคนบ้าที่สามารถร้องเพลงบนเวที แต่เธอมิได้โง่หรือบ้า เพราะการถดถอยนี้เกิดขึ้นภายใต้การบริหารและกำกับฯ โดยอีโก้ของบัสเตอร์มูน

บัสเตอร์มูนทำหน้าที่นี้ได้เพราะเขาเป็นคนที่เย็นและอบอุ่นกับทุกคนอย่างจริงใจตั้งแต่แรก จนแม้กระทั่งทุกคนรู้ว่าเขาไม่มีเงินแสนดังที่โฆษณาก็ไม่ถือโทษ เขาจึงเป็นคนที่สมบูรณ์พร้อมในแง่นี้ ซึ่งจะเป็นอื่นไปมิได้นอกจากตั้งสมมติฐานว่าเพราะพ่อของเขาเลี้ยงมาดี ไว้ใจเขาและส่งเสริมเขาให้ทำสิ่งที่เขารัก ความไว้ใจที่เขาได้รับจากพ่อนั้นล้นหลามดังที่เห็นในรูปภาพบนผนัง ล้นหลามและล้นเหลือจนสามารถไหลรินลงมาเผื่อแผ่ทุกผู้คนและมีนาดังที่เห็นในรูปภาพตอนหนังจบ

เมื่อบัสเตอร์มูนพบว่าประกาศโฆษณาเงินรางวัลผิดพลาด เขามองโลกในแง่ดีต่อไปด้วยการหว่านล้อมให้เพื่อนสนิทคือแกะขนฟูเอ็ดดี้ไปขอคุณย่า นานา นูเดิลแมน ซึ่งเป็นนักร้องเสียงทองในตำนานและบัดนี้เป็นเศรษฐินีในสังคมชั้นสูงให้มาร่วมลงทุน แต่เหตุร้ายก็เกิดขึ้นจนได้นำไปสู่ฉากโรงละครถล่มวินาศสันตะโรซึ่งเมื่อดูด้วยระบบสามมิติแล้วสนุกมาก

บัสเตอร์มูนถูกยึดทรัพย์ เขาจนตรอกกลับไปทำกิจการล้างรถร่วมกับเอ็ดดี้เพื่อนรัก ฉากนี้ขำที่สุด แต่ก็แสดงให้เห็น “ทักษะชีวิต” ที่ดีของคนอย่างบัสเตอร์มูนอีก นั่นคือคนเราแพ้ได้ล้มได้แต่มิใช่ล้มแล้วล้มเลย เป็นไปดังคำคมของหนังที่ว่าเมื่อคนเราลงไปถึงต่ำที่สุด จะเหลืออีกหนทางเดียวที่ไปได้คือ “ขึ้น”

มีนาก็เช่นกัน ด้วยพื้นฐานครอบครัวที่อบอุ่น แม้เธอจะออดิชั่นไม่ได้ในครั้งแรกเพราะไม่กล้าร้องเพลงต่อหน้าคนอื่น แต่เธอก็มิได้ล้มแล้วล้มเลย ยินดีรับงานช่างประจำเวทีที่บัสเตอร์มูนเสนอให้โดยไม่อิfออดและตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างดีที่สุด เพื่อรอเวลาและจังหวะที่จะ “ขึ้น” เช่นเดียวกัน

คือคำย่อที่ให้ไว้ ARISE ถดถอยเพื่อที่จะขึ้นอีกครั้งหนึ่ง