วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู /เสถียร จันทิมาทร / หนทาง เหมยฉางซู บูรพานที (61)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาทร

หนทาง เหมยฉางซู บูรพานที (61)

 

เท่ากับเหมยฉางซูกระหน่ำเข้าไปยังขนดหางของอวี้หวังเหมือนกับเป็นการปราม ขณะเดียวกัน ยังเป็นการเตือน

ตามความเห็นของ “ไห่เยี่ยน”

ปัจจัยสุดท้ายอันมีผลกระทบต่อการตัดสินพระทัยเลือกผู้สืบทอดบัลลังก์ 8 ส่วนยังคงพิจารณาจากความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน และการประชันขันแข่งแย่งชิงอำนาจใน 6 กรมระหว่างรัชทายาทกับอวี้หวัง

ทว่าอีก 2 ส่วนที่เหลือยังคงต้องพิจารณาจากแนวโน้มของฝ่ายทหารอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ต่อให้อวี้หวังมั่นใจว่าครองสถานะได้เปรียบเหนือรัชทายาทใน 8 ส่วนแรก แต่หากยังไม่อาจทิ้งช่วงห่างให้มากขึ้น เช่นนั้น 2 ส่วนที่เหลือนี้ยังคงเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดการพลิกคว่ำทั้งกระดาน

ยิ่งกว่านั้น ท่าทีของขุนนางฝ่ายทหารแต่ไหนแต่ไรมาล้วนไม่อาจประเมิน คาดเดา ขุนนางเหล่านี้โดยมากเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินล้วนไม่เอนเอียง ไม่เลือกข้าง พอถามก็ส่ายหน้าไม่รู้ท่าเดียว

ได้แต่รอให้ถึงเฮือกสุดท้ายเมื่อองค์จักรพรรดิตรัสถาม ถึงได้ยอมกระซิบชื่อคนที่ตนเห็นดีเห็นงาม ณ ข้างพระกรรณ

รับรองไม่บอกต่อคนที่ 2 เด็ดขาด

 

สภาพการณ์เช่นนี้ต่อให้ไม่ได้รับความโปรดปรานจากเจ้านายพระองค์ใหม่ แต่อย่างน้อยก็มิได้ชักนำภัยเข้าสู่ตัว คนที่ปราศจากความทะเยอทะยานมักนิยมเลือกปฏิบัติเช่นนี้ เด่นชัดว่าการจะได้รับแรงสนับสนุนจากขุนนางบรรดาศักดิ์ชั้วโหว

สำหรับอวี้หวังแล้วช่างยากเย็นแสนเข็ญ

ดังนั้น จึงกล่าวออกมา “ท่านซูยังไม่ทราบ ข้าเข้าใจมาตลอดว่าตนเองมีขุมกำลังหนุนหลังเหนือกว่ารัชทายาท ข้ามีทั้งซิ่งกั๋วกงและเซี่ยปี้ ดังนั้น ไม่เคยวิตกเรื่องท่าทีของฝ่ายทหารแม้แต่น้อย

สุดท้ายคำนวณไปคำนวณมาไหนเลยคาดคิดว่าหนิงกั๋วโหวกลับเป็นมุสิก 2 หัว เบื้องหน้าไม่คัดค้านที่เซี่ยปี้รับใช้ข้า สร้างความเข้าใจผิดว่าเขาก็มีใจสนับสนุนข้า แต่ลับหลังกลับลอบไปเข้าข้างรัชทายาทด้วยการปั่นคดี ‘รุกล้ำที่ดิน’ ขึ้นมาโดยมีเป้าหมายโค่นล้มซิ่งกั๋วกง

จนบัดนี้ข้ายังไม่มีวิธีใดที่สามารถประเมินความคิดของฝ่ายทหาร ดังนั้น เกรงว่าเมื่อถึงเวลาคับขันขึ้นมาอาจต้องปราชัยเพราะจุดนี้”

สำหรับความหนักใจของอวี้หวัง เหมยฉางซูได้แต่สดับฟังเงียบๆ นอกจากพยักหน้าเป็นครั้งคราวแล้วก็ไม่มีการแสดงออกอื่นใด

 

ท่าทีของเหมยฉางซู ด้านหนึ่ง แววตาของอวี้หวังถึงกับทอประกายวูบไหว ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง สีหน้ากลับควบคุมไว้ได้อย่างมั่นคงไม่แปรเปลี่ยน

เพียงกะพริบตา 2 ครา ใบหน้าค่อยปรากฏรอยยิ้มขื่น

“อา ข้าสะเพร่าจริงๆ กลับลืมไปได้อย่างไร ท่านซูกับคุณชายทั้ง 2 ของจวนหนิงกั๋วโหวเป็นสหายที่ดีต่อกัน คำพูดเมื่อครู่ทำให้ท่านซูลำบากใจแล้ว”

เหมยฉางซูมิได้ปฏิเสธ มิได้ตอบรับ เพียงก้มศีรษะเล็กน้อยรับฟังต่อไป

“ท่านซูกับจิ่งรุ่ยและเซี่ยปี้แม้มีไมตรีต่อกันฉันมิตร แต่กับจวิ้นจู่กลับมีไมตรีดั่งสหายรู้ใจ ถึงขนาดยินยอมกระทบกระทั่งรัชทายาทเพื่อนาง อาจบางทีนี่ไม่ใช่เจตนาเดิมของท่านซู แต่ 1 ก้าวที่ย่างออกย่อมไม่อาจถอนกลับ

หากข้าเดาไม่ผิดพลาด ท่านซูรีบร้อนย้ายที่พำนักท่ามกลางหิมะตกเช่นนี้เกรงว่าคงมีเรื่องราวในใจกระมัง”

“องค์ชายขบคิดเกินเลยแล้ว ผู้แซ่ซูเป็นชนชาวยุทธ์ ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ ไม่ยึดติดในธรรมเนียม พำนักในจวนโหวที่เคร่งครัดเข้มงวดรู้สึกไม่คุ้นชินจึงได้ขยับขยายออกมา ส่วนความเข้าใจผิดที่รัชทายาทมีต่อผู้แซ่ซู ขอเพียงมีโอกาส ผู้แซ่ซูอย่างไรต้องอธิบายให้ชัดเจนแน่นอน”

ได้ยินคำตอบแฝงนัยปฏิเสธเช่นนี้หนังตาของอวี้หวังพลันกระตุกขึ้นคราหนึ่ง หว่างคิ้วฉายแววทระนง แต่เพียงชั่วเวลาพริบตาก็ถูกกลบเกลื่อนหายไป ยิ่งเป็นเวลาเช่นนี้อวี้หวังยิ่งไม่อาจแสดงความคับแคบเฉกเช่นรัชทายาทออกมา มิเช่นนั้นทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมดจะกลายเป็นสูญเปล่า

นี่คือสิ่งที่อวี้หวังคอยตักเตือนตัวเองตลอดเวลา

 

กล่าวสำหรับเหมยฉางซูเมื่อออกจากหลางโจวมาถึงจินหลิง ในใจย่อมสำนึกอยู่ก่อนแล้วว่าไม่อาจหลุดพ้นชะตากรรมของคำนิยมของทำเนียบหลางหยา

ทำให้จำต้องเผชิญหน้ากับการเลือกขั้วอำนาจ

ภายใต้สภาวะที่มากด้วยความกดดันเช่นนี้ ผู้ใดสามารถแสดงออกซึ่งความเมตตา ผู้ใดสามารถทำให้เหมยฉางซูรู้สึกถึงความมั่นคงปลอดภัย เหมยฉางซูย่อมเลือกเข้าข้างคนผู้นั้น

และหลังจากที่ตัดสินใจแสดงจุดยืนออกมาอย่างชัดเจน นั่นจึงเป็นเวลาที่จะสำแดงความสามารถ

ความเป็นจริงอันเหมือนกับเป็นไฟต์บังคับก็คือ หากเหมยฉางซูเลือกเข้าข้างฝ่ายใด นั่นย่อมหมายถึงพรรคบูรพานทีเลือกฝ่ายนั้นไปด้วย ไม่ว่าในที่สุดจะสามารถกำชัยชนะ ไม่ว่าในที่สุดจะประสบความพ่ายแพ้

ไม่เพียงแต่บุคคลที่เหมยฉางซูเลือกจะได้ชะตากรรมเช่นนั้น หากเหมยฉางซู พรรคบูรพานทีก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้พ้น