หนุ่มเมืองจันท์ : เวลา

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ
หนุ่มเมืองจันท์ www.facebook.com/boycitychanFC

 

เวลา

สมัยก่อน เวลาที่มีใครบอกว่าคนอ่านหนังสือน้อยลง

ผมจะต้องถามว่าหมายถึง “หนังสือ” ที่เป็นกระดาษ

หรือ “ตัวหนังสือ” ที่เป็น “ตัวอักษร”

คนอ่านตัวอักษรน้อยลง

หรือคนอ่านตัวอักษรผ่านสิ่งพิมพ์น้อยลง

ต้องถามให้เคลียร์

เพราะผมไม่คิดว่าคนอ่าน “ตัวอักษร” น้อยลง

“ตัวอักษร” ยังเป็น “การสื่อสาร” ที่คนยังให้ความนิยมเหมือนเดิม

อาจจะลดลงบ้าง แต่ไม่มากนัก

ดูจากที่เราใช้เวลากับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ

คนไทยเสียเวลาไปกับการเล่น “ไลน์”

“ไลน์” ก็คือ “ตัวอักษร”

เราอ่านข้อความจากเพื่อน และพิมพ์ตัวอักษรตอบกลับ

เราอ่านตัวอักษรจาก “ลิงก์” ที่เพื่อนส่งมา

ดังนั้น เราไม่ได้อ่านน้อยลง

เพียงแต่เราใช้เวลากับสิ่งพิมพ์น้อยลงเท่านั้นเอง

“เวลา” ของเราถูกโทรศัพท์มือถือและคอมพ์แย่ง “เวลา” ไป

“โจ้” ธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้บริหารคนใหม่ของธนาคารไทยพาณิชย์สรุปเรื่องนี้ได้ดีมาก

เขาบอกผมว่า เพราะวันนี้คนเก่งๆ และพวกที่ฉลาดมากๆ ในโลกไปรวมตัวกันที่หน้าจอมือถือและคอมพิวเตอร์

ไม่ว่าจะเป็น แลร์รี่ เพจ, มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ค ผู้บริหารของไลน์

หรือฝั่งของโทรศัพท์มือถืออย่างแอปเปิ้ล ซัมซุง

วันๆ พวกนี้จะคิดอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้คนอยู่ที่หน้าจอให้มากที่สุด

คิดลูกเล่นต่างๆ ศึกษาค้นคว้าว่าจะเพิ่มปุ่มอะไรดี จะใช้สีไหนที่คนชอบ

คนเก่งๆ สุมหัวกัน

คิดกันทั้งวันทั้งคืน

ในขณะที่ฝั่งสิ่งพิมพ์ เราไม่มีใครคิดค้นขนาดนั้น

เมื่อเทียบ “ขุนพล” ของทั้ง 2 ฝั่งแล้ว

อย่าแปลกใจที่ “กระดาษ” จะพ่ายแพ้

โลกยุคใหม่คือโลกแห่งการแย่ง “เวลา” ครับ

“เวลา” กลายเป็น “ทรัพยากร” ที่มีค่า

เพราะโลกธุรกิจยุคใหม่สามารถหา “กำไร” จาก “เวลา” ได้

เขาพยายามดึงคนให้อยู่กับเขาได้นานที่สุด

จากนั้น ค่อยหา “เงิน” จาก “เวลา” ที่เราขลุกอยู่กับเขา

เคยได้ยินคำว่า “ฟรีเมียม” ไหมครับ

คือ ให้เล่นฟรี ให้ใช้ฟรีไปก่อน

จากนั้นค่อยสร้างมูลค่าเพิ่ม หรือ “พรีเมียม” จาก “ของฟรี”

เล่นเกมฟรี

พอเริ่มติดก็ขาย “อาวุธ” ในเกม

ใครอยากมีอาวุธเหนือกว่าคู่แข่งก็ต้องจ่ายเงิน

เล่นเฟซบุ๊กฟรี

พอเล่นจนติด เสียเวลาให้กับ “เฟซบุ๊ก” นานๆ

เขาก็เริ่มหารายได้จาก “โฆษณา”

คนที่อยากประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านทางเฟซบุ๊ก

ตอนแรกโพสต์อะไรไป เพื่อนทุกคนเห็นหมด

วันนี้คนเห็นแค่เสี้ยวเดียว

ถ้าอยากให้เห็นเยอะๆ ก็ต้องจ่ายเงิน

“ยูทูบ” ก็เหมือนกัน

พอเราติด เข้าไปดูคลิปหรือรายการต่างๆ

พอคนดูเยอะ

เขาก็ขายโฆษณาทันที

กลยุทธ์ยุคใหม่เป็นแบบนี้แหละครับ

สมัยก่อน กลุ่มธุรกิจจะคิดแบบตรงๆ

จะขายของ

จะเอาเงินจากกระเป๋าผู้บริโภคได้อย่างไร

แต่โลกวันนี้เริ่มซับซ้อนมากขึ้น

เหมือน “นักขาย” ที่ลีลาเยอะ

พูดเพราะ มีน้ำใจ

เขาค่อยๆ ตะล่อมให้เราใช้ “เวลา” กับเขานานๆ

ไม่ต้องจ่ายตังค์

ฟรี

พยายามแย่ง “เวลา” จาก “ผู้บริโภค”

แล้วค่อยหาเงิน

คำถามก็คือ “เวลา” ที่พยายามแย่งกันอยู่นั้น

ใน 1 วัน มี “เวลา” เป้าหมายที่เขาจะแย่งกันนานเท่าไร

กี่ชั่วโมงต่อวัน

10 ชั่วโมง

18 ชั่วโมง

ครับ มากที่สุดที่เราคิด คือ เวลาที่เราตื่นนอน

คำตอบ คือ “ไม่ใช่” ครับ

วันก่อน ผมเพิ่งอ่านเรื่องการรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Netflix

Netflix คือ ผู้ให้บริการรับชมหนัง ซีรี่ส์ สารคดี การ์ตูน ทางออนไลน์แบบถูกต้องตามกฎหมาย โดยเก็บค่าบริการรายเดือนจากสมาชิก

ใครจะไปนึกว่าโลกยุคใหม่ที่คนชอบ “ของฟรี” ดูหนังละเมิดลิขสิทธิ์ทางออนไลน์

แต่ Netflix กลับขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ทำกำไรมโหฬาร

และขยายธุรกิจเข้ามาในเมืองไทยแล้ว ด้วยการเพิ่มซับไตเติลเป็นภาษาไทย

วันนั้น เมื่อ “รีด ฮาสธิงส์” ซีอีโอของ Netflix.แถลงผลประกอบการเสร็จ นักข่าวก็ถามถึง “คู่แข่ง” อย่าง Amazon ที่กำลังเข้ามาในธุรกิจนี้

“ฮาสธิงส์” เริ่มด้วยการชื่นชมคู่แข่งว่าพัฒนารายการได้ดี แต่เขาไม่คิดว่าจะมีผลกระทบกับ Netflix เพราะตลาดความบันเทิงในบ้านกว้างใหญ่มาก

เขายกตัวอย่างในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่ทั้ง Netflix และ HBO ก็เติบโตด้วยกันทั้งคู่ ตลาดขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

และประโยคเด็ดของวันนั้น

“คู่แข่งที่สำคัญที่สุดของ Netflix คือ เวลาที่คนเข้านอน”

ครับ เขาบอกว่า Amazon และ HBO ไม่ใช่ “คู่แข่ง”

“คู่แข่ง” ของเขา คือ “เวลา” ที่คนนอน

ถ้ารายการของ Netflix สนุก คนจะไม่นอน

จะถ่างตาดูรายการของตนเอง

คงเหมือนกับคนที่ดูซีรี่ส์เกาหลี

หรือคนอ่าน “นิยายกำลังภายใน” ในอดีต

ถ้าสนุก จะไม่ยอมนอน

ครับ ยิ่งคนดูรายการของ Netflix มากเท่าไร เขาก็ทำเงินมากเท่านั้น

ในทวิตเตอร์ของ Netflix ย้ำประเด็นนี้หลายครั้ง

แสดงว่าไม่ใช่แค่คำพูดขำๆ ของซีอีโอ

แต่เป็นแนวคิดแท้จริงของ Netflix

เพราะโลกทุกวันนี้ สิ่งที่มี “ราคา” มากที่สุด

คือ “เวลา”

ใครแย่ง “เวลา” จากคนได้มากที่สุด

คนนั้นชนะ

ตอนนี้เขาเริ่มรุกคืบจาก “เวลา” ที่เราลืมตา

บุกเข้ามาสู่ “เวลา” ที่เรานอนหลับแล้วครับ

น่ากลัวจริงๆ