เผยแพร่ |
---|
เงาสะท้อนจากวัฒนธรรม”แฮมทาโร่”อันปรากฏผ่านแฟล็ชม็อบที่เดินตามข้อเสนอของ”เยาวชนปลดแอก”กำลังกลายเป็นเหมือนกับ ปีศาจตัวใหม่ในทางการเมือง
ทั้งๆที่เป็นวัฒนธรรมในแบบเดียวกับ”โดอาเรม่อน” เป็นวัฒนธรรมในแบบเดียวกับ”ดรากอนบอล”
แล้วเหตุใดจึงเกิดอาการขนพองสยองเกล้าในทางการเมือง
เพราะว่าภายในบทเพลง”แฮมทาโร่”ที่มีการนำมาร้องได้ปรับแต่งเนื้อเสียใหม่ในท่อนที่ว่าอาหารสุดอร่อยและเป็นที่ชมชอบ ของแฮมทาโร่ที่ว่า
“เมล็ดดอกทานตะวัน”นั้นก็กลายมาเป็น”ภาษีของประชาชน”ดังก้องกังวาน
ความเข้มข้นตรงนี้ต่างหากที่เป็นความน่ากลัว
เป็นความน่ากลัวซึ่งมาพร้อมกับการเคลื่อนไหวอันคึกคัก มาพร้อมกับเสียงร้องบริสุทธิ์และสดใสของเด็กๆ
ความบริสุทธิ์ ความสดใสจึงกลายมาเป็น”พลัง”
บทบาทและความหมายของบทเพลง”แฮมทาโร่”ในสถานการณ์ใหม่ สถานการณ์แห่งการเคลื่อนไหวในท่วงทำนองของ”เยาวชนปลดแอก” จึงเป็นบทบาทในลักษณะต่อยอด
ต่อยอดจากบทเพลง”สู้ไม่ถอย”อันปรากฏขึ้นในการเคลื่อนไหว เมื่อเดือนมิถุนายน 2516
ต่อยอดจากบทเพลง”ตายสิบเกิดแสน”
ต่อยอดจากบทเพลงของ”นักสู้ธุลีดิน” ต่อยอดจาก”บทเพลงแห่งสามัญชน”
ดำรงอยู่ในบรรยากาศแห่งการชู 3 นิ้วขึ้นสูงเด่น
ไม่ว่าโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไม่ว่าบนพื้นที่ของประตูท่าแพ เชียงใหม่ ไม่ว่าบนพื้นที่ของศาลหลักเมือง อุบลราชธานี หรือว่าที่ปัตตานีและนครศรีธรรมราช
นี่คือการแปรนามธรรมในทาง”ความคิด”ให้กลายเป็นพลังในทาง “การเมือง”
ทุกการต่อสู้มีจุดเริ่มต้นมาจากกระบวนการในทาง”ความคิด”อันเป็นพื้นที่ในทางวัฒนธรรม จากนั้นก็มีการแปรกระบวนการในทางความคิดให้กลายเป็นรูปแบบในทาง”การเมือง”
ผ่านการชุมนุม ผ่านการเคลื่อนไหว ผ่านการเรียกร้อง
เหมือนที่”เยาวชนปลดแอก”เรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชน เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ และจากนั้นก็ถึงวาระแห่งการยุบสภา
มอบโอนอำนาจในการตัดสินใจให้กับ”ประชาชน”