อนุสรณ์ ติปยานนท์ : รสหวานที่สดชื่น

ปากะศิลป์ฉบับอ่านใหม่ (38)
ป่าน้ำผึ้ง (3)

ชายแปลกหน้าผู้นั้นเดินนำหน้าเขาไปที่รถจี๊ปกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่ง ออกรถและขับไต่ไปตามเส้นทางลูกรัง ฝุ่นสีแดงคละคลุ้งตามทางเป็นระยะ บางส่วนจับกระจกจนเป็นคราบ

ราวครึ่งชั่วโมงก่อนฟ้ามืดเล็กน้อย รถจี๊ปคันนั้นก็จอดลงที่หน้าบ้านพักใต้ถุนสูงขนาดย่อมหลังหนึ่ง

เมื่อหมดแสงอาทิตย์ อากาศโดยรอบก็เย็นลงอย่างรวดเร็ว

ชายแปลกหน้าเปิดประตูห้องด้านซ้ายของบ้านชั้นเดียวหลังนั้นให้เขา

“ห้องนี้ว่างมาสองเดือน ตั้งแต่ผู้ช่วยคนก่อนของผมกลับไปทำงานที่บ้านของเขา ฝุ่นอาจมีบ้างแต่ไม่มาก คุณเลือกมุมปูที่หลับที่นอนเอาตามสะดวก ห้องน้ำอยู่ข้างล่างตรงด้านหลัง รีบอาบหน่อยก็ดีนะคุณ มันหนาวสะท้านเอาเรื่องทีเดียวช่วงพลบค่ำๆ นี่”

เขารับคำ โยนสัมภาระที่นำติดตัวมาไปไว้ตรงมุมห้อง ปูเสื่อและหามุมกางมุ้ง ก่อนจะผลัดผ้าและลงไปที่ห้องน้ำ น้ำในโอ่งดินเผาสีแดงเย็นจับใจจนเขาต้องกลั้นใจราดมันลงตัว

หลังชำระร่างกาย เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงผ้ากระสอบตัวเก่งและเสื้อผ้าป่านแขนสั้น

และเมื่อลงมาที่ใต้ถุนบ้านอีกครั้งเขาก็พบว่าเพื่อนร่วมบ้านของเขากำลังง่วนอยู่หน้าเตาที่ส่งควันโขมงไปทั่ว

 

“ขอแรงคุณช่วยคนข้าวในหม้อทีรึ น่าจะใกล้สุกเต็มทีแล้ว ผมจะจัดการกับไอ้ไก่ตัวนี้ให้สุกก่อน ได้มาจากตลาดเมื่อบ่ายก่อนเจอคุณ ต้มไก่กับใบมะขามอ่อน กินยามหนาวดีนักละ”

เขาคนข้าวในหม้อไปมา กลิ่นหอมของข้าวเตะจมูกเขาจนเขารู้สึกได้ว่าตั้งแต่ลงรถไฟเขายังไม่ได้กินอาหารอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลย ท้องของเขาส่งเสียงร้องเบาๆ หลังข้าวสุกเขายกหม้อข้าวลงวางบนหินสามเส้าข้างๆ ในขณะที่หม้อต้มไก่ข้างๆ ก็ส่งกลิ่นหอมยั่วลิ้น เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนหลังเหตุการณ์ของฉวีที่เขารู้สึกได้ว่าความอยากอาหารของเขากำลังกลับมา

เพื่อนร่วมบ้านจุดตะเกียงเจ้าพายุแล้วแขวนกับขื่อกลางบ้าน ความสว่างไสวสร้างความอบอุ่นให้กับบ้านกลางป่าหลังนี้ ทั้งคู่ใช้เวลาทานอาหารอันเรียบง่ายนี้ราวครึ่งชั่วโมง ก่อนที่เพื่อนร่วมบ้านของเขาจะเดินขึ้นบ้านและกลับลงมาพร้อมกับสุราต่างประเทศในมือ

“ตราขาว ผมเก็บไว้ในโอกาสพิเศษเช่นนี้ ขอเลี้ยงต้อนรับคุณในฐานะผู้ช่วยและเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของผม คุณ…”

“แปลก ครับ แปลกที่หมายถึงความแตกต่าง”

เขาเอ่ยชื่อของตนเอง เป็นการแนะนำตัวที่ล่าช้ากว่าเวลาที่ควรจะเป็นไปมาก กระนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งผิดแผกอะไรเลย

“ครอบครัวของคุณคงรักใคร่ท่านผู้นำอย่างมากสินะ” เพื่อนร่วมบ้านเย้า “ในเมืองหลวงคงวุ่นไม่น้อย ผมเองมาอยู่ที่นี่ค่อยปลอดจากนโยบายมาลานำไทยสักหน่อย ใส่หมวกเข้าป่านะพอไหว แต่จะให้ใส่ทั้งวันเห็นจะขอลา”

เขาหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะของเขาก้องไปทั่ว บ้านหลังน้อยในป่านี้ให้ความสุขใจแก่เขาทีละน้อย ทีละน้อย

 

หลังผสมน้ำเปล่ากับเหล้าตราขาวได้สองสามแก้ว เพื่อนร่วมบ้านที่มีฐานันดรศักดิ์เป็นถึงคุณหลวงกลับขึ้นบ้านอีกครั้ง ครานี้เขาลงมาพร้อมกับขวดโหลขนาดใหญ่ ข้างในนั้นมีน้ำสีเหลืองนวลบรรจุอยู่

“ลองดูสิคุณ พักเบรกสักช่วง น้ำผึ้งหลวงจากป่าจังหวัดแพร่ของเรา”

คุณหลวงรินน้ำผึ้งใส่แก้วให้เขาและตนเอง ก่อนจะเติมน้ำอุ่นลงไปเล็กน้อย เขาจิบน้ำผึ้งแก้วนั้นอย่างช้าๆ มันให้ความรู้สึกสดชื่นแก่เขาอย่างรวดเร็ว

“รู้สึกดีขึ้นใช่ไหมคุณ กลูโคสกับฟรุกโตสในน้ำผึ้งมันจะถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายของเราได้เร็วกว่าน้ำตาลชนิดอื่น สำหรับคนอ่อนเพลียและคนทำลายตับอย่างพวกเรา จิบสักเล็กน้อยระหว่างมื้อมีคุณประโยชน์นักเชียว”

“ผึ้งในประเทศไทยเรานั้นมีอยู่สี่พันธุ์ด้วยกันคือ ผึ้งหลวงตามป่าเขารอบๆ เรา ผึ้งโพรงที่คุณอาจพบเห็นตามบ้านเรือน ผึ้งมิ้มที่เราเห็นตอมอยู่ตามขนมหวานในตลาด และผึ้งพันธุ์ที่เขาเลี้ยงกันตามที่ต่างๆ แต่น้ำผึ้งโพรงนี่ถือว่ามีรสดีที่สุดเพราะเป็นน้ำผึ้งจากดอกไม้ป่าเขาที่มีความบริสุทธิ์อยู่มาก อีกทั้งยังมีรสชาติแปลกลิ้นที่กระตุ้นผัสสะการรับรู้ของเราให้แหลมคมหรือคมชัดมากขึ้น และไม่ใช่แค่ให้กำลังกาย จนถึงขั้นรักษาแผลสด แผลเรื้อรัง น้ำผึ้งผสมน้ำเปล่าก็ทำหน้าที่นั้นได้ดีด้วย”

“งานตามล่าเกสรดอกไม้และความหวานจากดอกไม้เป็นงานหนักของผึ้ง ผึ้งบางตัวบินไปและกลับวันหนึ่งหลายสิบกิโลเมตรเพื่อนำเอาน้ำผึ้งกลับสู่รัง แต่นั่นคือระบบของธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้เองก็พึ่งพาผึ้งเหล่านี้ในการขยายพันธุ์ คุณเคยได้ยินบทกวีนี้ของกวีชาวเลบานอนนาม คาลิล ยิบราน ไหม?”

 

“และ ณ บัดนี้ ได้ถึงเวลาที่คุณจะถามลงลึกในใจของตน

เราจะแบ่งแยกสิ่งที่ดีงามกับสิ่งที่เลวร้ายได้อย่างไร

ไปสิ ไปยังทุ่งหญ้าและสวนดอกไม้ของคุณ

ที่นั่นคุณจะได้เรียนรู้มีความสุขมากมายอยู่ในหมู่ผึ้ง

ที่กำลังเก็บกักความหวานจากเกสรดอกไม้

และเป็นความสุขของมวลดอกไม้ด้วยที่มอบน้ำผึ้งให้แก่ผึ้ง

สำหรับผึ้งแล้ว ดอกไม้คือน้ำพุแห่งชีวิต

และสำหรับดอกไม้ ผึ้งคือผู้นำสารแห่งความรัก

และสำหรับพวกเขา ทั้งผึ้งและดอกไม้

การรับและให้ซึ่งความสุขคือสิ่งที่จำเป็นและความหฤหรรษ์ที่ไร้ใดเปรียบ”

“ผมอ่านพบบทกวีนี้ครั้งแรกในหนังสือเล่มหนึ่ง น่าเสียดายเหลือเกินที่ผมไม่อาจนำมันติดตัวมาที่นี่ได้ ในป่าเขาแบบนี้ เผลอทิ้งอะไรไว้ก็เป็นเหยื่อปลวกและแมลงได้ง่าย ชีวิตแบบนี้เองที่ทำให้ผมเข้าใกล้ความเป็นฤษีขึ้นทุกที”

“พูดเล่นนะคุณ” เพื่อนร่วมบ้านของเขาเอ่ย “โลกนี้คงไม่มีฤษีตนใดจะมานั่งดื่มแบบพวกเราอีกแล้ว”

ทั้งคู่นั่งดื่มกันจนดวงจันทร์ขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อนร่วมบ้านของเขาลุกขึ้นไปก่อกองไฟ ความอบอุ่นจากกองไฟทำให้เขาระลึกได้ถึงคำถามสำคัญที่เขาหลงลืมไป

“คุณพอบอกได้ไหมว่างานของคุณและงานของผมคืออะไร?”