ตกงาน

เรื่องการตกงาน จากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

ไม่ใช่เรื่องเหนือคาดหมาย

จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง

แต่การที่จู่ๆ คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ออกประกาศ “ฟ้าผ่า”

เลิกจ้างพนักงานองค์การค้าของ สกสค. จำนวน 961 ราย จากทั้งหมด 1,035 ราย

ย่อมสร้างผลสะเทือนสูง

เพราะนี่ถือเป็นการ “ลอนช์-เปิดตัว” ภาวะการตกงานในภาครัฐตั้งแต่ต้นๆ เสียเอง

สะท้อนภาวะว่า ขนาดภาครัฐยังเอาไม่อยู่

แล้วภาคเอกชนจะเหลืออะไร

ธนพร สมศรี โฆษก สกสค.บอกว่า นี่คือความกล้าตัดสินใจของณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

ที่พร้อมยอมรับแรงเสียดทานที่จะเกิดขึ้นตามมา เพื่อจะหยุดภาวะการขาดทุนหลายพันล้าน

ความกล้าหาญของณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงในพรรคพลังประชารัฐนี้

ไม่รู้ว่า “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ซึ่งมีแนวโน้มจะต้อง “ไป” ตามการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

ฟังแล้วจะรู้สึกอย่างไร

เพราะที่ผ่านมา “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” พยายามมองในแง่บวก และแง่ดี

อย่างการตกงาน ก็บอกว่าอยู่แค่ระดับประมาณ 2 ล้านราย

ซึ่งจิ๊บ-จิ๊บ ยิ่งเมื่อเทียบกับมหาวิกฤตที่เกิดขึ้น

เพราะเหตุนี้หรือไม่ ไม่ทราบ

และคิดว่าคงไม่เกี่ยวข้องกัน

แต่เป็นเพียงเหตุบังเอิญ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะแบปัญหาให้เห็นกันจะ-จะ

ว่าหนักหรือเบาแค่ไหน

ด้วยการไฟเขียว ลอยแพพนักงานองค์การค้าของ สกสค. จำนวน 961 รายให้ดูเสียเลย

จะได้รู้ว่าวิกฤตนั้น วิกฤตขนาดไหน

ยิ่งกว่านั้น ธนาคารโลกประจำประเทศไทย ก็มาบังเอิญแถลงสอดคล้องกันเสียอีก

ว่าแม้ไทยจะประสบความสำเร็จในการควบคุมโรค

แต่มาตรการปิดประเทศได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

คาดการณ์ผลกระทบต่อการจ้างงานในไทย

โดยประมาณการว่ากว่า 8.3 ล้านคนจะตกงาน

ไม่ได้จิ๊บ-จิ๊บ อย่างที่สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ว่า

การประเมินแบบโลกสวยของหัวหน้าทีม 4 กุมารนี้

ทำเป็นเล่นไป อาจมีฝ่ายตรงข้ามในพรรค พปชร.หยิบเอาไปกดดัน

เพื่อทำให้คนอีกสัก 3-4 คน “ตกงาน”

เหตุประเมินเศรษฐกิจไม่อยู่บนฐานข้อมูลที่แท้จริงก็ได้!