“สวีเดน ทรัก แอตแท็ก” ยุทธวิธีของ “ไอเอส” ที่ยังคงได้ผล

People stand behind the cordon as the police work at the scene after a truck slammed into a crowd of people outside a busy department store in central Stockholm, causing "deaths" in what the prime minister described as a "terror attack" on April 7, 2017. / AFP PHOTO / Odd ANDERSEN

ก่อนเวลา 14.00 น. ของเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น รถบรรทุกขนเบียร์คันหนึ่งที่ถูกขโมยมาวิ่งด้วยความเร็วสูงมาตามถนนดร็อตนิงกาทาน หรือควีนสตรีต ถนนคนเดินที่ใหญ่ที่สุดของสวีเดนในกรุงสตอกโฮล์ม มาเป็นระยะทางหลายร้อยเมตรก่อนที่จะชนเข้ากับด้านหน้าของห้างสรรพสินค้าอาห์เลนส์

พยานที่เห็นเหตุการณ์ต่างบอกเล่าถึงภาพที่เต็มไปด้วยความแตกตื่น ตกใจ หวาดผวาและอกสั่นขวัญแขวน โดยเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมพื้นที่บริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็ว

ผู้ก่อเหตุหลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ ก่อนที่ตำรวจจะจับกุมตัวชายชาวอุซเบกิสถานรายหนึ่งที่ระบุว่าเป็นผู้ต้องสงสัยได้ในคืนวันเดียวกันนั้น ก่อนที่วันต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพบวัตถุต้องสงสัยอยู่ในรถบรรทุกคันดังกล่าว

ทางการสวีเดนระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ได้รับบาดเจ็บอีก 15 ราย

กระทรวงต่างประเทศของอังกฤษยืนยันว่า คริส เบวิงตัน ชายชาวอังกฤษ วัย 41 ปี ที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของสปอตติฟาย บริษัทผู้ให้บริการเว็บไซต์สตรีมมิ่งเพลงยักษ์ใหญ่สัญชาติสวีเดน เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต

กระทรวงต่างประเทศเบลเยียมระบุว่า มีผู้หญิงชาวเบลเยียม 1 ราย วัย 31 ปีเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ ขณะที่เหยื่อรายที่ 3 เป็นหญิงชาวสวีเดนวัย 69 ปี และรายสุดท้ายเป็นเด็กหญิงวัย 11 ขวบที่อยู่ระหว่างการเดินทางกลับบ้าน

ด้านกระทรวงสาธารณสุขสวีเดนระบุว่า ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ที่ต้องรับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 9 คน ในจำนวนนี้ 4 รายมีอาการสาหัส

AFP PHOTO / Odd ANDERSEN

ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุในครั้งนี้คือ นายรัคมัต อาคิลอฟ วัย 39 ปี ชาวอุซเบกิสถาน ที่เจ้าหน้าที่ระบุว่ามีความสนใจในเรื่ององค์การก่อการร้าย อาทิ กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอสหรือไอซิส)

สื่อสวีเดนรายงานว่า นายอาคิลอฟเป็นคนงานก่อสร้าง มีลูก 4 คน ใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเนรเทศออกนอกประเทศ โดยเขาถูกปฏิเสธการได้รับสิทธิให้พักอาศัยในสวีเดน และได้รับคำเตือนเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วว่า มีเวลา 1 เดือนในการเดินทางออกจากประเทศ

นายอาคิลอฟถูกนำตัวขึ้นไต่สวนในศาลเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา และยอมรับสารภาพว่าตนเองเป็นผู้ลงมือก่อการร้ายด้วยการขับรถพุ่งชนคนบนถนนดังกล่าว

เหตุการณ์ในสวีเดนนี้เกิดขึ้นตามหลังการโจมตีหลายเหตุการณ์ที่มีลักษณะคล้ายๆ กันนี้

วิธีการง่ายๆ หยาบๆ แต่ได้ผลในการสร้างความหวาดกลัว อย่างเช่น การใช้รถบรรทุกที่เป็นพาหนะในชีวิตประจำวันเป็นอาวุธไล่ชนผู้คนเดินเท้า นับเป็นหนึ่งในวิธีการก่อการร้าย ที่แทบกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของไอเอสไปแล้ว

 AFP PHOTO / Jonathan NACKSTRAND

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง คาลิด มาซูด ชาวอังกฤษ วัย 52 ปี ที่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ขับรถยนต์ที่เช่ามาไล่ชนผู้คนเดินเท้าบนสะพานเวสต์มินสเตอร์ ก่อนที่จะลงมาเอามีดไล่แทงเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณหน้าอาคารรัฐสภาอังกฤษ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไป 5 ราย ขณะที่มาซูดถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต

ย้อนหลังไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ผู้ลี้ภัยรายหนึ่งในเยอรมนี ขับรถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่ตลาดคริสต์มาสในกรุงเบอร์ลิน ทำให้มีผู้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องสังเวยชีวิตไป 12 ราย

ขณะที่เหตุการณ์ลักษณะนี้ครั้งร้ายแรงที่สุด เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ชายชาวตูนิเซียที่พำนักอาศัยในฝรั่งเศสขับรถบรรทุกที่ลักลอบขโมยมาพุ่งเข้าไปยังขบวนพาเหรดเฉลิมฉลอง “บาสตีย์เดย์” หรือวันชาติฝรั่งเศส ในเมืองนีซ คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไป 86 ราย

AFP PHOTO / Jonathan NACKSTRAND

ทั้ง 3 เหตุการณ์ เช่นเดียวกันกับกรณีล่าสุดในสวีเดน ผู้ลงมือไม่ได้มีความเชื่อมโยงหรือมีการติดต่อสัมพันธ์ที่แน่นหนากับไอเอสโดยตรง แต่เป็นหนึ่งในผู้ที่ “ถูกโน้มน้าวจนหลงเชื่อ” และคล้อยตามแนวทางของไอเอส กระทำการตามที่ไอเอสเรียกร้องและต้องการ

นี่คือสิ่งที่ โมฮัมหมัด อัล อัดนานี หัวหน้าทีมโฆษณาชวนเชื่อของไอเอส เรียกร้องเอาไว้ตั้งแต่ปี 2014 ต่อใครก็ตามที่เห็นอกเห็นใจและพร้อมสำหรับการเป็นแนวร่วมของไอเอสในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกตะวันตก ให้พินิจพิจารณาและเสาะแสวงหาลู่ทางลงมือ

“ถ้าหาระเบิด หากระสุนไม่ได้ ก็เอาก้อนหินทุบหัวพวกนั้น หรือไม่ก็เข่นฆ่าด้วยมีด ใช้รถของพวกคุณไล่ชนไล่ทับ หรือจับมันโยนลงมาจากที่สูง รัดคอ หรือวางยาพิษ ก็ได้ทั้งนั้น”

ในระยะหลังมานี้เหตุก่อการร้ายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในลักษณะนี้ อาวุธที่ใช้ไม่ได้เป็นอาวุธในคำจำกัดความทั่วไป หรือไม่ก็เสาะหาได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องอาศัยเครือข่ายสนับสนุน ลักลอบจัดหา เหตุก่อการร้ายส่วนใหญ่เกิดขึ้นใกล้กับบ้านหรือที่พักของผู้ก่อเหตุ รูปแบบการก่อการร้ายทำนองนี้ เรียกขานกันในหมู่เจ้าหน้าที่การข่าวตะวันตกว่า “โลนวูล์ฟ” หรือหมาป่าเดียวดาย

แต่อัดนานีเรียกมันง่ายๆ ว่าเป็นยุทธวิธี “รัน โอเวอร์ ดิสบีลีฟเวอร์” (ไล่เหยียบผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า) แผนกโฆษณาชวนเชื่อของไอเอสถึงกับผลิตการ์ตูนและเพลงขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการกระทำอำมหิตนี้

อัดนานีถูกยิงเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา แต่การโจมตีด้วยกลยุทธ์ทางเลือกนี้ยังคงเกิดขึ้นต่อไป