ธงทอง จันทรางศุ | “น้ำผึ้ง” ที่ไม่ควรให้ “หยด”

ธงทอง จันทรางศุ

ขณะที่ผมกำลังนั่งเขียนหนังสืออยู่นี้ สถานการณ์ความวุ่นวายตามเมืองใหญ่หลายเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกายังไม่มีท่าทีว่าจะจบลงได้ง่ายๆ

พวกเราหลายคนคงนึกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะน้ำผึ้งหยดเดียว คือเรื่องที่ตำรวจเมืองมินนีแอโปลิสใช้กำลังรุนแรงเกินกว่าเหตุในการควบคุมตัวคนผิวดำผู้กระทำความผิดรายหนึ่งจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกจับกุมเสียชีวิต

แต่ถ้าย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของชาวอเมริกันแล้ว เราจะพบว่าเรื่องนี้ไม่ใช่น้ำผึ้งหยดเดียวครับ

ความจริงคือเป็นเรื่องของน้ำผึ้งปริมาณมากที่เทราดลงบนทุกพื้นที่ของเมืองอเมริกามาช้านานแล้ว

เริ่มตั้งแต่การไปขนย้ายคนผิวดำจำนวนมหาศาลมาจากทวีปแอฟริกามาทำงานเป็นทาส

เรื่อยไปจนถึงสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายเหนือฝ่ายใต้

ความพยายามที่จะทำให้การแบ่งแยกสีผิวหรือการตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์ระหว่างคนผิวขาว คนผิวดำจางหายไป ซึ่งทำเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จสักที และจะเป็นปัญหายืดเยื้อไปอีกยาวนานแม้ในวันข้างหน้า

ปัญหานี้ต้องถือเป็นลักษณะเฉพาะของสังคมอเมริกัน เพราะมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์มาอย่างนั้น

ในอีกหลายประเทศอาจมีลักษณะปัญหาอันอาจเทียบเคียงกันได้ นั่นคือเรื่องของชนกลุ่มน้อยที่เป็นชาติพันธุ์แตกต่างจากคนหมู่ใหญ่ของประเทศ เพียงแต่ว่าผลที่เกิดขึ้นอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะเฉพาะของแต่ละบ้านเมือง

ไม่ต้องดูอื่นไกลครับ เพียงแค่รอบบ้านของเรา ในประเทศมาเลเซียก็มีปัญหาไม่ใช่น้อยระหว่างคนเชื้อสายมาเลย์ดั้งเดิม ที่เรียกว่า ภูมิบุตร กับคนกลุ่มน้อยที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจคือชาวจีนที่อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในแผ่นดินมาเลย์มาหลายชั่วคนแล้ว

เรื่องนี้ยังเป็นไฟสุมขอนที่ต้องติดตามชมตอนต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ อย่างไร

ส่วนประเทศเพื่อนบ้านอีกประเทศหนึ่งคือประเทศเมียนมา ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างคนที่เรียกตัวเองว่าพม่า กับชนกลุ่มน้อยไม่ว่าจะเป็นมอญ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ ว้า และอื่นๆ อีกหลายเผ่าพันธุ์ ดูเหมือนจะเป็นรากเหง้าของปัญหาที่เชื่อมโยงไปถึงเรื่องการเมือง เรื่องสังคม เรื่องเศรษฐกิจอีกจำนวนมาก

ที่ยังแก้ไขกันไม่สำเร็จเรียบร้อยมาจนถึงวันนี้

ถ้าเราหยุดตั้งสติแล้วคิดกันให้มากหน่อย ผมพบว่าปัญหาความยุ่งเหยิงในหลายประเทศล้วนเกิดขึ้นจากความแตกต่างกันระหว่างฝ่ายข้างมากกับฝ่ายข้างน้อยเป็นพื้นฐานเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างในเรื่องชาติพันธุ์อย่างที่พูดมาแล้วข้างต้น หรือเป็นเรื่องการนับถือศาสนาที่แตกต่างกันซึ่งเป็นจุดกำเนิดของสงครามกลางเมืองมาแล้วในหลายประเทศ รวมตลอดไปถึงการมีความเห็นแตกต่างกันทางการเมือง เช่น เมื่อเกือบร้อยปีมาแล้ว มีสงครามกลางเมืองในประเทศจีนระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์กับพรรคก๊กมินตั๋ง จนผลสุดท้ายแล้วต้องแยกออกเป็นสองประเทศดังที่เราเห็นอยู่ในวันนี้

ว่าโดยรวม ประเทศใดสามารถบริหารจัดการความแตกต่างได้เรียบร้อย ความแตกต่างในเรื่องชาติพันธุ์ก็ดี เรื่องนับถือศาสนาก็ดี หรือแม้แต่เรื่องความคิดทางการเมืองก็ดี ไม่ใช่เรื่องที่ต้องนำไปสู่การยกพวกเข้าตีกันเสมอไป

ลองหวนกลับมาดูบ้านเราไหมครับ ว่าสถานการณ์ของเราเป็นอย่างไรบ้าง

ในเรื่องของความแตกต่างทางชาติพันธุ์นั้น ผมคิดว่าคนไทยเราจัดการเรื่องนี้ได้คะแนนเต็มครับ ผู้ที่เรียกตัวเองว่าคนไทยทุกวันนี้อันที่จริงแล้วก็เกิดขึ้นจากการผสมผสานหลายชาติพันธุ์เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยที่อยู่บนแผ่นดินนี้มาแต่ดั้งเดิม หรือจะเป็นคนที่เดินทางเข้ามาผสมปนเปด้วยเหตุผลต่างๆ ทั้งจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง ตลอดจนถึงคนหมู่ใหญ่ที่มาจากเมืองจีน เพื่อมาทำมาหากินตั้งเนื้อตั้งตัวบนแผ่นดินสยาม

เวลานี้แยกไม่ได้แล้วครับว่าใครเป็นใคร

สายเลือดมันปนเปนัวเนียกันไปหมด ไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายข้างมากข้างน้อยแล้ว

ไม่ต้องดูอื่นไกล ตัวผมเองตามประวัติของครอบครัวก็มีทั้งเลือดไทยเลือดจีนและเลือดมอญผสมกัน

ดารานักแสดงทุกวันนี้ หลายคนจมูกโด่งเป็นฝรั่งเข้าไปมาก ผมไม่เห็นใครตั้งข้อรังเกียจว่าอะไร มีแต่ชื่นชมว่าน่ารักน่าเอ็นดู

เป็นอันว่าข้อนี้เราสอบผ่านนะครับ

เหลียวมาดูข้อสอบข้อสองบ้าง เรื่องการนับถือศาสนาที่ต่างกัน ในขณะที่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทยประกาศตนว่าเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา เราก็มีคนไทยที่นับถือศาสนาอื่นไม่ว่าจะเป็นศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ และอื่นๆ อีกจำนวนไม่ใช่น้อยที่อยู่ร่วมกันบนแผ่นดินผืนนี้

จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เราสามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความผาสุก ไม่มีข้อรังเกียจเดียดฉันท์ในระหว่างศาสนิกชนต่างศาสนา

แต่มาถึงทุกวันนี้ ถ้าเราไม่ปฏิเสธความจริงก็ต้องยอมรับว่า ในบางพื้นที่และในคนบางกลุ่ม ประเด็นนี้เริ่มมีความเปราะบางมากขึ้น

ตัวอย่างที่ไม่ต้องพูดกันให้อ้อมค้อมคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ในช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา แม้สถานการณ์ปัจจุบันจะไม่ลุกลามใหญ่โตจนถึงขนาดเป็นสัญญาณอันตรายสุดขีด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรวางใจ

ในสื่อโซเชียลทั้งหลาย บางครั้งและบ่อยครั้งที่ผมได้เห็นข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมของทางราชการที่ปฏิบัติกับศาสนิกของศาสนาต่างๆ และมีผู้แชร์ต่อเนื่องกันไปโดยไม่ได้ตรวจสอบความจริงให้เป็นที่ประจักษ์

เห็นแบบนี้แล้วไม่สบายใจครับ และได้แต่หวังว่าเราจะมีสติกันมากขึ้น

ในอดีตที่ผ่านมา บรรพบุรุษของเรามีความสามารถในการอยู่ร่วมกันแม้ต่างความเชื่อทางศาสนาได้อย่างงดงาม

ผมเคยชี้ให้ใครหลายคนดูพื้นที่ตรงบริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ เมื่อเรามองจากบริเวณท่าเตียนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางฝั่งธนบุรี เรามองเห็นพระอุโบสถวัดกัลยาณมิตรตั้งตระหง่านเป็นสง่าอยู่ริมแม่น้ำ ไม่ไกลกันนักก็มียอดแหลมของโบสถ์คริสต์กาลหว่าร์ และยอดโดมของมัสยิดต้นสนตั้งเรียงรายอยู่ และเมื่อสอดสายตาไปให้เห็นรายละเอียดมากขึ้น ชุมชนย่านนั้นยังมีศาลเจ้าจีนอีกหลายศาลตั้งอยู่ด้วย

พื้นที่เล็กนิดเดียว แต่หัวใจกว้างขวางไม่มีประมาณ

วันนี้เราบางคนหลงลืมความคิดตามแนวทางของปู่ย่าตาทวดไปแล้วหรือครับ

น้ำผึ้งหยดเดียวก็ไม่ควรให้หยดให้หยาด ถ้าหยดลงแล้วไม่เป็นคุณกับบ้านเมือง

น้ำผึ้งมีไว้ดื่มกินรักษาสุขภาพ อย่าเอามาหยดเล่นเลยนะครับ

เอาเป็นว่าข้อสอบข้อนี้ ผมยังให้คะแนนคนไทยเราได้คะแนนเกือบเต็มร้อยครับ ขาดไปนิดหน่อยเดี๋ยวก็สอบซ่อมกันได้

ส่วนเรื่องการดูแลจัดการกับความแตกต่างของความคิดเห็นทางการเมืองนั้น

หลังจากนักเรียนส่งสมุดคำตอบมาแล้ว

หัวใจผมไม่เข้มแข็งพอจะตรวจข้อสอบครับ

กลัวใจนักเรียนสมัยนี้จริงๆ


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่