การโจรกรรมภาพวาดของบิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ ‘วินเซนต์ แวน โก๊ะห์’

ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์

ในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะของผู้คนในหลายประเทศทั่วโลก จนทำให้หน่วยงาน ห้างร้าน และสถาบันต่างๆ ต้องปิดตัวลงอย่างไม่มีกำหนด

ซึ่งรวมถึงสถาบันทางศิลปะอย่างพิพิธภัณฑ์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น

และในช่วงเวลาเช่นนี้นี่เอง ก็เกิดเหตุการณ์ผีซ้ำด้ำพลอยเข้าไปอีก

เมื่อมีมิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้าไปโจรกรรมงานศิลปะล้ำค่าของโลกจากพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง

ผลงานที่ถูกขโมยไปนั้นเป็นภาพวาดของ วินเซนต์ แวน โก๊ะห์* ศิลปินเอกชาวดัตช์ ที่มีชื่อว่า Spring Garden (1884) หรือในชื่อเต็มว่า The Parsonage Garden at Nuenen in Spring

ภาพวาดสีน้ำมันบนแผ่นไม้ที่แวน โก๊ะห์ วาดขึ้นในช่วงที่เขาอาศัยอยู่กับพ่อของเขาผู้เป็นบาทหลวงในเมืองเล็กๆ ที่มีชื่อว่านูนเอิน (Nuenen) ของเนเธอร์แลนด์ ในช่วงฤดูหนาวปี 1883-1885

ณ ที่แห่งนั้น แวน โก๊ะห์ วาดภาพลายเส้นและสีน้ำมันรูปทิวทัศน์, สวนของครอบครัว และท้องถนนในเมืองออกมาจำนวนหนึ่ง

ภาพวาด Spring Garden เป็นภาพวาดของหญิงสาวชุดดำที่ยืนอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ในสวน โดยมีหอคอยของโบสถ์เก่าแก่รกร้างในหมู่บ้านตั้งอยู่เบื้องหลัง

โทนสีเขียวและแดงของต้นไม้ใบหญ้าในภาพ แสดงถึงช่วงเวลาที่ฤดูหนาวผ่านพ้นไปและฤดูใบไม้ผลิกำลังเริ่มต้น

เชื่อกันว่าภาพวาดภาพนี้เป็นภาพสีน้ำมันภาพแรกๆ ที่แวน โก๊ะห์ วาดขึ้นในเมืองแห่งนี้

The Parsonage Garden at Nuenen (1884), สีน้ํามันบนผ้าใบ, ภาพวาดที่ถูกโจรกรรมไป

เดิมทีภาพวาดนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์ซิงเงอร์ลังเงอร์ (Singer Langer Museum) ในกรุงอัมสเตอร์ดัม โดยถูกหยิบยืมมาจากพิพิธภัณฑ์โครนิงเงอร์ (Groninger Museum) ในเมืองโครนิงเงน เนเธอร์แลนด์ เพื่อมาจัดแสดงในนิทรรศการ Mirror of the Soul ก่อนที่จะถูกโจรงัดแงะเข้ามาในพิพิธภัณฑ์และขโมยภาพวาดภาพนี้ไปในช่วงเวลาตีสามของวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม ในช่วงที่พิพิธภัณฑ์ต้องปิดทำการชั่วคราวด้วยผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19

ที่น่าขันขื่นก็คือ ภาพวาดภาพนี้ถูกขโมยไปก่อนวันครบรอบวันเกิด 167 ปี ของแวน โก๊ะห์ ไปเพียงวันเดียวเท่านั้นเอง แต่ก็ถือว่าเคราะห์ยังดีที่ภาพวาดชิ้นอื่นไม่ได้ถูกขโมยไปด้วย

ทางพิพิธภัณฑ์ไม่ได้เปิดเผยมูลค่าของผลงานชิ้นนี้ แต่เมื่อดูจากผลงานชิ้นอื่นๆ ในช่วงเวลาเดียวกันกับผลงานชิ้นนี้ ซึ่งมีราคาขายประมาณ 13.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็พอจะประมาณราคาได้

สิ่งที่น่าเศร้าอีกประการสำหรับพิพิธภัณฑ์โครนิงเงอร์ผู้เป็นเจ้าของผลงานชิ้นนี้ก็คือ ภาพวาดนี้เป็นผลงานภาพวาดสีน้ำมันของแวน โก๊ะห์ เพียงชิ้นเดียวที่พิพิธภัณฑ์มีอยู่

ก็ได้แต่หวังว่าทางพิพิธภัณฑ์และทางการเนเธอร์แลนด์จะสามารถตามจับตัวคนร้ายและนำภาพกลับคืนมาได้สำเร็จในเร็ววัน

วินเซนต์ วิลเลิม แวน โก๊ะห์ (Vincent Willem van Gogh) (หรืออ่านในภาษาดัตช์ว่า ฟาน โคะห์) เกิดที่หมู่บ้านเล็กๆ ในเมืองบราบังท์ ตำบลซันเดิร์ต เนเธอร์แลนด์ บิดาเป็นบาทหลวง สมัยเด็กเขามีบุคลิกขี้อาย อ่อนไหว เงอะงะ และเก็บตัว

The Potato Eaters (1885), สีน้ํามันบนผ้าใบVan Gogh Museum, อัมสเตอร์ดัม

เมื่ออายุได้ 16 ปี เขาเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นลูกจ้างในแกลเลอรี่ค้างานศิลปะ

แต่ด้วยความที่เป็นคนซื่อ เถรตรง จึงเกิดความเบื่อหน่ายกับการที่แกลเลอรี่มักจะเอางานชั้นเลวมาหลอกขายให้ลูกค้าที่ไม่รู้จักงานศิลปะ

หลายต่อหลายครั้ง เขาถึงกับบอกให้ลูกค้าไม่ซื้อภาพวาดเหล่านั้น จนนายจ้างไม่พอใจและไล่เขาออกจากงานในที่สุด

หลังจากนั้นเขาจึงหันไปศึกษาทางศาสนาอย่างจริงจัง และย้ายไปอยู่ในเหมืองถ่านหินในเมืองกันดารเพื่อเทศนาสั่งสอนช่วยเหลือคนทุกข์ยากในเหมืองนั้นโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

(ในช่วงนี้เอง ที่เขาเริ่มสเกตช์และวาดภาพคนในเหมืองเอาไว้) โดยมีความตั้งใจใฝ่ฝันที่จะเป็นนักเทศน์ แต่ก็ประสบความล้มเหลว

ในภายหลังเขาย้ายไปพำนักที่ปารีสและบังเอิญได้ค้นพบศิลปะแนวอิมเพรสชั่นนิสต์ที่กำลังเฟื่องฟูในฝรั่งเศสยุคนั้น (French Impressionism)

ด้วยความรู้สมัยที่เป็นนักค้างานศิลปะ ประกอบกับทักษะในการวาดภาพที่เขาสั่งสมมาตอนอยู่ในเหมือง

เขาจึงเริ่มหันเหมาศึกษาและทำงานศิลปะด้วยตนเองอย่างจริงจัง

The Starry Night (1889), สีน้ํามันบนผ้าใบMuseum of Modern Art, นิวยอร์ก

จากแรงบันดาลใจจากสีสันอันสดใสในภาพวาดแนวอิมเพรสชั่นนิสต์กับภาพพิมพ์ญี่ปุ่น บวกกับแสงแดดอันร้อนแรงในเมืองอาร์ลส์ (ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส) ที่เขาเพิ่งย้ายไปอยู่ ทำให้ผลงานของเขาเปลี่ยนจากสีสันที่มืดมัวหม่นหมองในช่วงก่อนหน้า กลายเป็นสว่างสดใส ร้อนแรง ฉูดฉาดบาดตา

ด้วยการทำงานที่ใช้การปะทะ ตอบโต้ เผชิญหน้า และซึมซับกับธรรมชาติและสภาพแวดล้อมอย่างตรงไปตรงมา และถ่ายทอดลงไปในผืนผ้าใบอย่างฉับพลันด้วยฝีแปรงที่ทรงพลัง ซึ่งต่อมาเขาพัฒนามันจนกลายเป็นสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมา (และมันก็ได้กลายเป็นต้นธารของงานศิลปะในแนวเอ็กซ์เพรสชั่นนิสต์ (Expressionism) ในภายหลัง)

แวน โก๊ะห์ ใช้เวลาแค่เพียงสิบกว่าปีสร้างสรรค์ผลงานศิลปะราว 2,100 ชิ้น

โดยเป็นภาพวาดสีน้ำมันกว่า 860 ภาพ ที่ส่วนใหญ่ทำขึ้นในช่วงเวลาสองปีสุดท้ายของชีวิตเขา

ไม่ว่าจะเป็นภาพทิวทัศน์, หุ่นนิ่ง, ภาพวาดบุคคล ที่วาดด้วยสีสันสดใส ฝีแปรงที่เปี่ยมอารมณ์ความรู้สึกอย่างรุนแรง ที่กลายเป็นรากฐานของงานศิลปะสมัยใหม่ในเวลาต่อมา

Wheatfield with Crows (1890), สีนํา้มันบนผ้าใบVan Gogh Museum, อัมสเตอร์ดัม

น่าเสียดายที่ผลงานของแวน โก๊ะห์ คงจะเป็นอะไรที่ใหม่เกินไป และมาก่อนกาล ชีวิตการทำงานศิลปะของเขาจึงประสบความล้มเหลวและลำบากยากแค้นเป็นอย่างยิ่ง

ผนวกกับความรู้สึกหดหู่และความรู้สึกผิดที่ต้องพึ่งพาแต่น้องชาย ธีโอ ที่คอยส่งเงินมาให้เขากินอยู่, ซื้อสีและอุปกรณ์วาดภาพ

จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจทำการจบชีวิตด้วยการยิงตัวเองที่ท้องจนบาดเจ็บ และเสียชีวิตในอีกสองวันต่อมา ด้วยวัยเพียง 37 ปี (แต่บ้างก็สันนิษฐานกันว่าเกิดจากอุบัติเหตุในยามที่มีปากเสียงกับเด็กหนุ่มผู้คึกคะนองมากกว่า)

น่าขันที่ภายหลังจากที่เขาเสียชีวิต ภาพวาดและผลงานศิลปะของเขากลับกลายเป็นที่นิยมขึ้นมาอย่างมาก (ทั้งๆ ที่ตอนมีชีวิตเขาขายภาพวาดได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น) ในปัจจุบันผลงานที่ไม่เคยมีใครแยแสตอนที่เขายังมีชีวิต กลับกลายเป็นของล้ำค่า ราคาพุ่งพรวด จนกลายเป็นภาพวาดที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ที่มีราคาสูงกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐในทุกวันนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ผลงานและเรื่องราวการอุทิศชีวิตเพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของเขายังกลายเป็นแรงบันดาลใจและเชื้อไฟแห่งการสร้างสรรค์ให้กับศิลปินและผู้คนรุ่นหลังรุ่นแล้วรุ่นเล่าจวบจนทุกวันนี้

ในภายหลังเขาได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่” ในที่สุด

ภาพและข้อมูลจาก https://bit.ly/2Rf7b9d, https://bit.ly/2ynHSLs, https://bit.ly/2X8loZl

*วินเซนต์ แวน โก๊ะห์ (Vincent van Gogh) จิตรกรชาวดัตช์ แห่งยุคหลังอิมเพรสชั่นนิสต์ (Post-Impressionist) ผู้ยิ่งใหญ่ โด่งดัง และทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของวงการศิลปะสมัยใหม่ในโลกตะวันตก