แนวหลัง ตระกูล ส.

ในยามปกติ

ห้วงเวลานี้ ต้องถือเป็นพีเรียดโกลด์ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ที่จะโหมรณรงค์ 7 วันอันตรายช่วงวันสงกรานต์

แต่บังเอิญปีนี้ ประเทศพัลวันอยู่กับการนับจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยจากวิกฤตไวรัสโควิด-19

จึงไม่มีแคมเปญนับคนตายและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาหลายปี

ประกอบกับปีนี้ สงกรานต์กลายเป็นสิ่งต้องห้าม

ห้ามจัด ห้ามรดน้ำ ห้ามเข้าใกล้กัน ห้ามกลับบ้าน ห้าม…ฯลฯ

กิจกรรมที่ สสส.เคยเป็น “พระเอก” จึงเก็บฉากเข้า “โรง”

เงียบกริบ

มีคนตั้งข้อสังเกตในยามนี้ มิใช่ สสส.เท่านั้นที่หายไป

เหล่า “ตระกูล ส.” ที่เคยมีบทบาทสูงและเป็นผู้กุมทิศทางสาธารณสุขไทย

ไม่ว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)

สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.)

ก็เงียบหายไปด้วย

โดยเฉพาะในห้วงวิกฤตไวรัสโควิด

ดูเหมือนธงการนำจะอยู่ที่ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข

นำโดย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวง นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นต้น

และตีคู่กันมาแบบสูสีก็คือทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี

ในนามคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคอุบัติใหม่แห่งชาติ

เรียกกันเล่นๆ ว่า “กลุ่มอาจารย์หมอ”

นำโดย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีต รมว.สาธารณสุข อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล

กำลังมีบทบาทสูงยิ่ง

เบียดเอาตระกูล ส.แทบจะหลุดหายไปจากวงจร

แม้ สปสช.จะพยายามเข้ามามีบทบาท ชูบัตรทอง 30 บาทรักษาโควิดฟรี

และออกหลักเกณฑ์จ่ายชดเชยค่าบริการให้แก่หน่วยบริการ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จ่ายค่าแล็บไม่เกิน 3,000 บาท/ครั้ง ค่ายาไม่เกิน 7,200 บาท/ราย

ส่วน สช.พยายามดันแผนรวมพลังเมืองตื่นรู้ ช่วยชาติสู้ภัยโควิด

ด้วยการดึงเอาเอ็นจีโอภาคสาธารณสุขเข้ามามีบทบาท

แต่ก็ไม่คึกคักเหมือนเดิม

ส่วน สสส.ที่โดดเด่นงาน “ตีปี๊บ”

ยังขอลดธงนำไปยืนข้างหลัง

ผู้จัดการ สสส.โพสต์เฟซบุ๊กแจงข้อสงสัย “สสส.หายไปไหน” ว่า

“…แม้สังคมไม่ได้เห็นโลโก้ “สสส.” ไม่ได้เห็นโฆษณา สสส.

แต่ สสส.ได้ทำงานมาอย่างต่อเนื่อง

มีการปรับแผนการทำงานของภาคีเครือข่ายสุขภาพ โดยมุ่งเน้นการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์โควิด-19

โดยเฉพาะการสนับสนุนตำบลสุขภาวะกว่า 2,600 ตำบลในท้องถิ่นให้รับมือกับการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

พร้อมประกาศขอเป็นแนวหลังอันแข็งแกร่งให้กับแนวหน้าทุกแนว เพื่อช่วยผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ไปด้วยกัน…”

ทราบแล้วเปลี่ยน